สิบสองชั่วโมงก่อนหน้า...
เสียงเอะอะดังขึ้นหลังจากสตรีวัยในวัยสี่สิบห้าปีเคาะประตูห้องนอนมาได้สักพักแล้ว นางคงไม่โวยวายหากในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงฤกษ์มงคลที่หลวงพ่อจัดหาให้กับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนและนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังที่เพิ่งเอ่ยปากขอลูกสาวของนางเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
มัทนาสั่งสาวใช้ให้นำกุญแจมาไขประตู นางกลัวว่าเจ้าบ่าวจะไม่พอใจ เนื่องจากเลยฤกษ์งามยามดีไปเกือบห้านาทีแล้ว สุดท้ายก็เป็นดั่งคาดเพราะสามีของนางเดินขึ้นบันไดมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
“เกิดอะไรขึ้นหรือคุณมัท ทำไมเจ้าสาวยังไปลงไปข้างล่าง นี่คุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวก็เริ่มไม่พอใจแล้วนะ ไหนจะแขกเหรื่อในงานอีก”
ศักดาถามภรรยาอย่างร้อนใจ ลึกๆ หวาดกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี เพราะเมื่อช่วงเช้าลูกสาวตัวดีก็พูดเป็นนัยว่าไม่อยากแต่งงาน แต่ในเมื่อเชิญแขกมาแล้วจะให้ยกเลิกตามใจก็คงทำไม่ได้ แม้งานจะจัดขึ้นแค่ภายในครอบครัว แต่ก็ยังมีแขกผู้ใหญ่หลายคนที่ต้องให้ความเคารพเกรงใจ
“ลูกรินทร์ไม่ยอมเปิดประตูค่ะ!” มัทนารับกุญแจมาจากสาวใช้และรีบไขอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันสังเกตว่าข้างหลังนาง นอกจากสามีแล้วยังมีบุรุษร่างสูงคนหนึ่งยืนรอให้ประตูห้องเปิดด้วยเช่นกัน
เขาเดินตามมัทนาที่ส่งเสียงเรียกลูกสาวอย่างใจเย็น และสุดท้ายก็ตรงไปยังห้องน้ำที่ถูกล็อกไว้
“รินทร์อยู่ในนั้นหรือเปล่าลูก”
หัวใจของคนเป็นแม่หวาดกลัวไปหมดเมื่อเห็นว่าบนเตียงมีชุดไทยบรมพิมานสีทองวางอยู่ ก่อนหน้านางช่วยเจ้าสาวสวมมันด้วยตนเอง แต่ตอนนี้กลับถูกทิ้งขว้างราวกับไม่ต้องการแต่งงานอีก
“คุณมัทถอย ผมจัดการเอง!” ศักดาตบประตูห้องน้ำอย่างแรง ในเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจึงกระแทกเข้าอีกสองสามครั้ง แต่ก่อนที่จะได้พยายามเป็นครั้งที่สี่ คนที่ตามเข้ามาด้วยก็กล่าวแทรกขึ้นเสียก่อน
“ผมจัดการเอง”
“คุณเอื้อ!”
อธิคุณ ศิริกุลธาดา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า คุณเอื้อ ไม่สนใจท่าทีตื่นตระหนกของคนรอบข้าง เขาลองเปิดประตูห้องน้ำอย่างใจเย็น และเมื่อไม่ได้ผลจึงใช้ไหล่หนากระแทกเข้าไปเต็มแรงจนประตูประเปิดกว้าง
เขาถอยให้มัทนาเข้าไปก่อน ได้ยินเสียงตะโกนถามดังลั่นว่าเจ้าสาวหายไปไหน แล้วทำไมเธอถึงได้มานอนแก้ผ้าอยู่ตรงนี้
“ว่าไง แกเอาลูกฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน!”
“คุณเอื้อครับ!”
อธิคุณไม่สนใจคำร้องห้ามของศักดา เขาถอดสูทสีครีมก่อนเบียดเข้าไปในห้องน้ำที่มีร่างบางถูกมัดมือและเท้า มีเทปกาวปิดปากไม่ให้ส่งเสียง เนื้อตัวสวมเพียงบราเซียและแพนตี้สีเข้าชุดกัน
เขาคลุมร่างเธอด้วยเสื้อของตัวเองเป็นสิ่งแรก ทำในสิ่งที่คนเป็นพ่ออย่างศักดาควรทำ
“เจ็บหน่อยนะกอบัว…” เขาค่อยๆ แกะเทปปิดปากออก ก่อนนิ่วหน้าด้วยความโกรธเมื่อพบว่าใบหน้าของสาวสวยวัยยี่สิบเอ็ดปีมีรอยนิ้วประทับอยู่ และริมฝีปากนุ่มยังแตกยับไม่น่ามอง
“บัวพยายามห้ามพี่รินทร์แล้วนะคะคุณเอื้อ!”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะบัว แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน” อธิคุณข่มความโกรธ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าสาวหนีงานแต่งไปแล้ว
“บัวพยายามห้ามแล้ว แต่พี่รินทร์บังคับให้บัวถอดเสื้อผ้า บอกว่าถ้าใส่ชุดของบัวแล้วจะไม่มีใครสงสัย คิดว่าเป็นแค่เพื่อนเจ้าสาวที่มาช่วยงานค่ะ”
ก่อนหน้าที่จะถูกทำร้าย กอบัวสวมชุดไทยเพื่อนเจ้าสาวสีครีม เหมือนกับเพื่อนๆ ของรสรินทร์อีกแปดคน เรื่องที่เธอได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ไม่ใช่เพราะมารดาเลี้ยงใจดี แต่กลัวว่าผู้คนจะนินทาว่าไม่เอาใจใส่เด็กกำพร้ามารดา
มารดาของกอบัวจากไปเมื่อห้าปีก่อน เธอจึงต้องย้ายมาอยู่กับบิดาที่แทบไม่รู้จักกัน เพราะเขาคือครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
ทีแรกมัทนาผู้เป็นแม่เลี้ยงปฏิเสธไม่ยอมรับ แต่พอเห็นจำนวนเงินประกันชีวิตและทรัพย์สินที่ทนายแจ้งว่าจะตกเป็นของกอบัว เธอก็เปลี่ยนไปยิ้มหยันอย่างยินดี
แต่สุดท้ายก็ต้องอารมณ์เสียดังเดิมเพราะแตะต้องเงินในบัญชีไม่ได้สักบาท มารดาของกอบัวเขียนพินัยกรรมไว้อย่างชัดเจนว่าให้เบิกจ่ายเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและค่าใช้จ่ายรายเดือน กว่าลูกเลี้ยงจะอายุครบยี่สิบปีตามที่กำหนดไว้ในพินัยกรรม จำนวนเงินก็ลดลงไปมาก แต่กระนั้นมัทนาก็ยังบังคับให้เธอโอนให้จนหมด โดยที่คนเป็นพ่อไม่พูดขัดอะไรสักคำ
“คุณศักดา คุณมัท ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน บัว เธอนั่งพักให้หายตกใจก่อน แล้วฉันจะบอกทีหลังว่าต้องทำยังไงบ้าง” อธิคุณขอให้สาวใช้ไปตามบิดาและมารดาของเขาไปยังห้องรับแขกที่ใช้เป็นสถานที่แต่งตัวเมื่อช่วงเช้า
พอผู้ให้กำเนิดมาถึงก็อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น พร้อมกับบอกด้วยว่าไม่ต้องกังวล เพราะทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ
“หนีงานแต่งแบบนี้ ชื่อเสียงของศิริกุลธาดาเสียหายนะครับ คุณศักดา คุณมัท พวกคุณจะรับผิดชอบยังไง!”
บิดาของอธิคุณตวาดอย่างไม่พอใจนัก เขาไม่ชอบครอบครัวนี้เพราะข่าวฉาวในอดีต แต่ในเมื่อลูกชายวัยสามสิบห้าอยากจะแต่งงานสักที จึงไม่อยากขัดใจ คิดไปว่าพอภรรยาแต่งเข้าบ้านสามีแล้วก็น่าจะหมดปัญหา นึกไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้เริ่มพิธีก็เกิดเรื่องเสียแล้ว
“ทำแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลยนะคะ สินสอดทองหมั้นก็ได้ไปแล้ว แต่เจ้าสาวดันหายตัว แขกผู้ใหญ่ก็มากันเยอะแยะ” คนเป็นแม่ก็อารมณ์เสียไม่แพ้กัน แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวอะไรยืดยาว อธิคุณก็ตัดบทสนทนา หันไปกล่าวกับศักดาทันที
“ผมมีข้อเสนอให้คุณสองข้อ ข้อแรกคือตามตัวเจ้าสาวกลับมาให้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องเรียกสินสอดคืนทั้งหมด เรียกค่าเสียหายที่ทำให้ผมและคุณพ่อคุณแม่ต้องอับอาย”
“แล้วอีกข้อล่ะครับคุณเอื้อ”
“หาเจ้าสาวใหม่มาให้ผมแต่งงาน แก้สถานการณ์ไปก่อน แต่ถ้าพวกคุณทำไม่ได้…”
“ทำได้!… ผมจะให้บัวเข้าพิธีแทนไปก่อน คุณมัทไปบอกบัวให้เตรียมตัว ใส่ชุดของยัยรินทร์เลยก็ได้ ไปเดี๋ยวนี้เลยคุณมัท!”
“แต่ว่า…” มัทนาตั้งใจว่าจะเถียง แต่กลับถูกสามีลากตัวไปยังมุมห้อง คุยเรื่องสำคัญกันแค่สองคน
“ไม่มีคำว่าแต่ ของหมั้นทั้งเงินและทอง ผมขายใช้หนี้ไปหมดแล้ว ยังไงก็ต้องให้ยัยบัวแต่งแทนยัยรินทร์ หรือคุณคิดว่าตัวเองหามาคืนได้ ตั้งยี่สิบล้านเลยนะคุณ!”
“คุณพูดแบบนี้ฉันจะไปขัดได้ยังไง!” มัทนาข่มความโกรธ รีบออกไปบอกให้ลูกเลี้ยงที่ตนเกลียดเตรียมตัวเข้าพิธี ในมือก็รีบกดโทร. ตามลูกสาวเผื่อว่าจะติดต่อกันได้ทัน
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมให้มัทไปคุยกับยัยบัวให้แล้ว เดี๋ยวเข้าพิธีแต่งแทนไปก่อน ถ้ายัยรินทร์กลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นนะ”
อธิคุณแจ้งรายละเอียดของข้อเสนอทั้งหมดที่ทำให้ศักดารู้สึกไม่สบายใจ นั่นคือหลังจากเข้าพิธีเรียบร้อยแล้ว กอบัวจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของสามี ทำหน้าที่ตัวประกันรอจนกว่ารสรินทร์จะกลับมา หรืออย่างน้อยก็จนกว่าจะหาสินสอดมาคืนได้
“เลือกให้ดีว่าจะทำตามที่ผมเสนอ หรือว่าจะคุยกับทนาย คุณศักดา เราสองคนเคยทำธุรกิจร่วมกัน ผมยอมให้คุณติดหนี้แบบไม่คิดดอกเบี้ยตั้งหลายปี เห็นว่าไหนๆ คบหากับรสรินทร์แล้วก็ตั้งใจว่าจะยกหนี้ให้หลังแต่งงาน แต่ถูกหักหลังแบบนี้ ผมพูดไม่ออกจริงๆ คงต้องมีการเร่งรัดหนี้สินที่ติดค้างกันมาตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน”
“ตกลงครับ คุณเอาตัวบัวไปได้เลย แต่ถ้ายัยรินทร์กลับมาแล้วคุณยังเอ็นดูน้องอยู่…”
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยทีหลังเถอะนะครับ แขกผู้ใหญ่รอนานแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของผมก็ต้องกลับฮ่องกงไฟลต์เย็น ไม่อยากให้ท่านตกเครื่อง”
“ครับ ครับ”
เจ้าของร่างสูงต่อรองเสร็จก็รีบพาบิดาและมารดาลงไปรอในห้องจัดพิธีด้านล่าง หน้าตาที่ปกติก็ไม่ค่อยยิ้ม บูดบึ้งมากกว่าที่เคย แต่พอได้เห็นเจ้าสาวคนใหม่เดินออกมาอย่างไม่มั่นใจ เขาก็พอจะยิ้มออกมาได้บ้าง
กอบัวโตเป็นสาวแล้วสวยมากจริงๆ