Chapter 5
ร่างบางชุ่มเหงื่อพลิกตัวลงนอนข้างๆ เรียวมือเล็กนัวเนียไม่ห่างจากตัวเขา พร้อมจะปลุกความต้องการในตัวเขาอีกครั้ง รู้ดีว่า ชายหนุ่มตรงหน้า แค่ครั้งเดียวไม่เคยพอ
“ขอโทษที ผมมีงานค้าง” ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นสวมกางเกงและ คาดเข็มขัดลวกๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ คาเรนทำอะไรให้คุณไม่พอใจ หรือว่า เมื่อครู่คุณยังไม่ชอบ คาเรนแก้ตัวใหม่ได้นะคะ”
“เปล่า” เสียงเขาเปล่งออกมาตอบเพียงสั้นๆ แต่เหมือนนึกได้ เขาควรจะบอกหล่อนเสียตอนนี้
“ผมมีงานต้องสะสางให้จบวันนี้ บางทีต้องหยุดพักงานเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดอีกรอบ คงจะใช้เวลานานเป็นเดือน พรุ่งนี้ผมจะให้ซันเซสจัดการเรื่องเงินให้แล้วกัน คงจะเพียงพอสำหรับช่วงที่ผมไม่อยู่ด้วย” ชายหนุ่มหันมาบอกอีกครั้งพร้อมกับขาขยับก้าวออกไปจากตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครที่บริการเขา ถ้าเขาพอใจ...เขาก็มือหนักจ่ายไม่อั้นอย่างนี้สักราย
หญิงสาวผวาเข้ากอดลำแขนแกร่งของเขาอย่างเว้าวอน
“ให้คาเรนไปคอยดูแลคุณนะคะ คาเรนจะได้บริการคุณในช่วงที่ต้องรักษา”
“แต่คุณไม่ใช่พยาบาล และคงรู้ว่า ผมไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม แกะมือหญิงสาวออกจากต้นแขน มองหญิงสาวด้วยสีหน้า เรียบนิ่ง ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น
หญิงสาวได้แต่มองตามแผ่นหลังหนาอย่างเสียดาย ถ้าเธอจะจับผู้ชายคนนี้จะต้องวางแผนอย่างรัดกุม ไม่มีแพทรีเซียสักคน คราวนี้หล่อนจะต้องเป็นเบอร์หนึ่งให้ได้
วันเวลาคืบคลานผ่านไป หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ดารัณไม่มีโอกาสได้รู้เลยสักนิดว่า ความสุขที่เธอเพิ่งได้รับจากผู้เป็นป้า เหมือนระเบิดเวลาที่คืบคลานเข้ามาทุกนาที
วันหยุดสุดสัปดาห์ดารัณกลับมาที่บ้านสวน แต่กระดาษสีขาวแผ่นเล็กที่ติดอยู่หน้าบ้านทำให้เธอแทบลมจับอีกครั้ง หญิงสาวแกะมันติดมือเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรีบเร่ง
ดารัณชูกระดาษแผ่นในมือถามคนสวนเก่าแก่ของบิดา “ลุงสม ใครเอากระดาษแผ่นนี้มาติดไว้ค่ะ”
“ผมไม่รู้ครับ ผมเองก็เพิ่งเห็นตอนที่คุณรัณถือมานี่แหละ มันคืออะไรหรือครับ”
หญิงสาวยื่นกระดาษแผ่นในมือให้คนดูแลสวน ลุงสมอยู่กับครอบครัวของเธอมาตั้งแต่เริ่มทำสวนใหม่ๆ และอยู่กันอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งตอนนี้
“คำสั่งให้ย้ายออกจากพื้นที่ภายในสิ้นเดือน” ลุงสมอ่านทวนพึมพำ “หมายถึงอะไรครับ หรือว่า ครูการัณเอาที่สวนเข้าไปจำนองเอาไว้”
“รัณเอง...รัณผิดเอง” ดารัณส่ายหน้าเนือยรำพึงเสียงแผ่ว นึกถึงวันที่เธอเซ็นเอกสารให้จินตนาโดยไม่ได้อ่าน คำว่า ญาติผู้ใหญ่ที่เธอหลงไว้ใจทำร้ายเธอแทบล้มทั้งยืนอีกครั้ง เหมือนฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจ ความหวังที่เธอ วาดฝันอย่างสวยหรูพังครืนลงต่อหน้า ความทรงจำกับสายสัมพันธ์ที่เคยมีเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวขาดสะบั้นลง สมองน้อยๆ ของหญิงสาวอื้ออึง ขาแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
“รัณจะไปพบคุณป้า”
หญิงสาวผลุนผลันออกไปทันที เธอต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบ ก่อนที่จะไม่หลงเหลือสมบัติของบิดามารดาสักชิ้น ลุงสมได้แต่มองตามหลังอย่างไม่เข้าใจ คงต้องรอให้หญิงสาวกลับมาไขความกระจ่างอีกครั้ง
รถราแน่นขนัดบนถนนพาลทำให้คนอารมณ์กำลังเดือดยิ่งร้อน วิ่งพล่าน ไม่เคยมีสักครั้งในชีวิตผ่านฝนมานับยี่สิบกว่าปีที่ดารัณจะโกรธคนได้มากเพียงนี้ ความอดทนที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็จบลงเมื่อรถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดยังจุดหมายปลายทาง
หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างไม่ลังเล หยิบธนบัตรมายื่นให้คนขับแล้วเร่งฝีเท้าเข้าบ้านไปทันทีแบบไม่รอเงินทอน ลาวาความโกรธในใจของเธอตอนนี้แทบเผาไหม้ให้ทุกอย่างเป็นจุณในพริบตา
“กระดาษแผ่นนี้หมายความว่าอย่างไรคะ คุณป้า!” หญิงสาวยื่นกระดาษที่เธอติดมือมาส่งให้คนเป็นป้า ถามด้วยความอยากรู้เป็นที่สุด
สตรีสูงวัยที่นั่งบนเก้าอี้ไม้สักทรงจีนโบราณปรายตามองคนมาใหม่เหยียดๆ แววตาไม่ได้หลงเหลือความเมตตาดั่งเช่นที่เคยเห็นเมื่อไม่กี่วันผ่านมา สายใยความเอื้ออาทรของป้าหลานบางเฉียบจนมองแทบไม่เห็น
“ไม่เห็นจะต้องถ่อมาถามถึงนี่ ความรู้ระดับหล่อนคงจะเข้าใจความหมายในนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น หรือว่า สมองตื้อจนเลอะเลือน”
“ไม่ไช่ว่าหนูจะอ่านไม่เข้าใจ แต่อยากรู้ว่า คุณป้าทำแบบนี้กับหนูทำไม”
“มันเป็นเรื่องของธุรกิจและความอยู่รอดของตระกูล ในเมื่อหล่อนไม่ช่วย ฉันก็จำเป็นต้องทำแบบนี้”
“เฮอะ!” ดารัณเข่นเสียงออกมาอย่างไม่เชื่อหู ถึงตอนนี้ความโง่ของเธอได้ถูกกะเทาะเปลือกให้แตกออก รอยแยกทำให้มองเห็นแสงสว่างที่โหดร้าย ปรายตามองหน้านางจินตนา ถามเสียงเครือ
“คุณป้าต้องการอะไรจากหนูอีก”
“หล่อนต้องแต่งงานกับเสี่ยภากร ลูกชายเจ้าของโรงงานซีอิ๊ว โรงงานข้างหน้าที่หล่อนเดินผ่านเข้ามาเมื่อครู่ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะต้องย้ายโรงงานไปที่บ้านสวนของหล่อน”
“แต่ที่ตรงนั้นเป็นของครอบครัวของหนู คุณป้าไม่มีสิทธิที่จะทำ แบบนั้น”
“ตรงไหนที่หล่อนบอกว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อหล่อนเป็นคนเซ็นเอกสารสิทธิ์มอบที่แปลงนั้นให้ฉันแลกกับหนี้ก้อนนั้นแล้ว ถ้าหล่อนอยากดูอีกครั้ง ฉันก็จะได้ให้ทนายเอาหลักฐานมาให้หล่อนดู”
คำพูดที่ออกจากปากสตรีสูงวัยเจ้าของบ้านเหมือนฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจ ความหวังสุดท้ายที่เฝ้ารออย่างริบหรี่กลับพังครืนลงต่อหน้า ความทรงจำเดียวของบิดามารดาที่หลงเหลือกับฟางเส้นทุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวสายเลือด คำสัญญาสุดท้ายของพี่สาวมารดา ตอนนี้สมองของเธออื้ออึง ขาแทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่
“แต่เงินที่คุณป้ามอบให้เทียบกับมูลค่าของที่แปลงนั้นไม่ได้นะคะ แล้วตอนนั้นคุณป้าก็บอกจะช่วย ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ดินเลยนี่คะ”
“ฉันก็ใจดีให้คนไปแปะประกาศบอกหล่อนเนิ่นๆ แล้วอย่างไรเล่า ส่วนเรื่องวันนั้นก็เป็นเพราะตัวหล่อนเองที่ไม่รู้จักถามให้ละเอียด”
“แต่นั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวของหนู ที่ผ่านมาครอบครัวของหนูก็ไม่เคยมาเรียกร้องอะไรจากคุณป้าเลยสักครั้ง”
เธอไม่แปลกใจสักนิดป้าทำดีกับเธอตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ใน ชั้นเชิงของธุรกิจไม่มีญาติพี่น้องสินะ แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้ก็คือ นางไม่น่าสนใจบ้านสวนของเธอที่อยู่นอกเมือง และก็คาดไม่ถึงว่ามันกำลังหลุดลอยไปต่อหน้า
“หนูไม่ยอมเด็ดขาด” เจ้าของเสียงนุ่มค้าน
“แกไม่มีสิทธิ์คัดค้านหรอก แต่มีทางเดียวที่แกจะรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ได้”
หญิงสาวหันไปมองหน้าสตรีสูงวัยอีกครั้ง ทางเลือกเดียวที่เหมือนเปลวไฟริบหรี่ นางจินตนาเชิดหน้าอย่างไม่ยี่หระ
“เอาเป็นว่า ถ้าหล่อนตกลงแต่งงานกับเสี่ยภากรเมื่อไร ฉันจะคืนที่แปลงนั้นให้ก็แล้วกัน”
ดารัณพยักหน้าเหนื่อยๆ อย่างจำยอม ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เธอยังคาดหวังขาดสะบั้นลงจริงๆ พี่สาวของมารดาที่เธอเรียกว่าป้า แต่กระทำกับหลานแท้ๆ เหมือนไม่ใช่สายเลือด ไม่ต่างกับมาม่าซังซักนิด
“รัณจะหาเงินมาคืน!”
“แล้วหล่อนคิดว่าจะหามาคืนสักเท่าไร” หญิงสาวหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นป้าอีกครั้ง ดวงตามุ่งมั่นที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกโกรธประสานกันดวงตาแข็งกร้าวแฝงรอยยิ้มเยาะอย่างผู้กำชัย
“เท่ากับที่คุณป้าจ่ายไปทุกบาททุกสตางค์”
“ถ้าหล่อนคิดว่าตัวเองเก่ง ก็หาเงินมาคืนฉันสามล้านภายในสิ้นเดือน ไม่อย่างนั้นก็เตรียมตัวแต่งงานหรือไม่ก็ย้ายออกจากบ้านสวนตามที่ฉันให้ทนายแจ้งไปด้วย ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงต้องถึงขั้นฟ้องร้อง แล้วหล่อนก็คงจะรู้ว่า หล่อนไม่มีวันเอาชนะฉันได้”
“แต่คุณป้าจ่ายไปแค่ล้านแปดเองนะคะ เงินสามล้านมาจากไหน”
“ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมไปถึงค่าทนายด้วย”
“หะ!” ดารัณร้องเสียงสูง เวลาหนึ่งเดือนกับความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสายเลือด ก่อหนี้โดยไม่คาดคิดเพิ่มขึ้นมาอีกนับล้าน สมองน้อยๆ ของหญิงสาวหมุนติ้วคิดหาทางออก แต่ก็เจอแต่ทางตัน