ตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาตัดสินใจพานิรมลหนีไปใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา เขาเดินทางกลับมาที่บ้านของเขาอีกครั้ง หลังจากที่พานิรมลหนีลงไปภาคใต้ พอมาถึงเขาต้องได้รับข่าวร้ายว่า บ้านที่ปลูกมาจากน้ำพักน้ำแรงของบิดามารดา บริษัทประดับยนต์ที่กำลังจะเจริญก้าวหน้าไปในระดับโลกต้องพังครืนลงมาในเวลาไม่กี่วัน เนื่องจากออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ได้ยกเลิกหมดทุกราย รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่าสามร้อยล้านบาท อีกทั้งต้องแบกรับค่าต้นทุนที่สูง ค่าลูกจ้างที่มีนับร้อย การที่ลูกค้ายกเลิกออเดอร์ทำให้การเงินของบริษัทขาดสภาพคล่อง เจ้าหนี้ต่างมาทวงถามเงินกันเนืองแน่นบริษัท
รัฐภาคย์ยื่นมือเข้าช่วย โดยการซื้อทรัพย์สินทุกอย่างในราคาต่ำสุด บ้านและที่ดินที่น่าจะได้มากกว่าห้าสิบล้าน รัฐภาคย์ให้เพียงสิบล้านบาท บริษัทที่อยู่ในสภาวะย่ำแย่หนี้สินรุงรัง ถูกขายต่อด้วยราคาสามสิบล้านบาท รวมทั้งสองอย่างครอบครัวของเขาได้เงินเพียงสี่สิบล้านบาท พอจ่ายค่าลูกจ้าง แต่ไม่พอจ่ายค่าหนี้สิน รัฐภาคย์จึงยื่นข้อเสนอให้ลลิลมาเป็นของเล่นคลายเหงา เพื่อแลกกับการล้มละลาย ลลิลยอมอย่างไม่ข้อเกี่ยงงอน เพื่อบริษัทและเพื่อครอบครัวที่เธอรักยิ่ง ส่วนตัวเขากลับหนีไปมีความสุขกับนิรมล ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร เขามีความสุขในขณะที่ลลิลทุกข์อย่างแสนสาหัส
“ลูกหว้ากับแม่และอ้อเป็นไงบ้าง?”
ลำคอของศวิชญ์ตีบตันขึ้นมาทันทีเมื่อเอ่ยถามคำถามนี้ รู้ดีว่าครอบครัวของเขาคงไม่มีความสุขแน่นอน เขารู้นิสัยเพื่อนสนิทคนนี้ดี...ดีก็ดีใจหาย ถ้าร้ายขึ้นมาต่อให้หน้าอินทร์หน้าพรหมก็ไม่เว้น เป็นคำถามที่งี่เง่ามาก ศวิชญ์คิดในใจ
“สบายดีพี่โหน่ง...พี่รัฐเค้าดูแลแม่กับลูกหว้าแล้วก็อ้อเป็นอย่างดี เค้าให้เราอยู่บ้านหลังเล็กที่อยู่ด้านหลังของตึกใหญ่ไงพี่...พี่โหน่งคงจำได้ เค้าส่งเสียงอ้อเรียนหนังสือด้วยนะ ตอนนี้อยู่ปีสองแล้ว”
อ้อคือน้องสาวคนเล็กของบ้านมีนามว่ากชกร ตอนนี้ศึกษาอยู่ในระดับชั้นปริญญาตรีปีสอง ลลิลแสร้งยิ้มเพื่อให้ศวิชญ์สบายใจ แม้ว่าในความเป็นจริงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พี่ชายเองก็พอจะรู้ว่าน้องสาวโกหก แค่อยากพูดให้เขาสบายใจมากกว่า
“ถ้าพี่ดีขึ้นกว่านี้ พี่จะมารับพวกเราไปอยู่ด้วย จะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งหนึ่ง”
มันจะมีวันนั้นหรือ วันที่อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา รัฐภาคย์คงไม่ยอมปล่อยให้ครอบครัวของเขาอยู่อย่างมีความสุขแน่นอน ศวิชญ์ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไปสมัครงานที่เหมืองยังใช้ชื่อปลอมนามสุกลปลอม คอยปิดปังตัวเองด้วยการสวมหมวก อำพรางตัวเองไม่ให้ลูกน้องของรัฐภาคย์ที่ออกตามหาเขาได้เจอะเจอ ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาต้องดับสูญเป็นแน่
“ค่ะพี่โหน่ง ลูกหว้าจะรอวันนั้น”
หญิงสาวพูดปลอบใจตัวเองและพี่ชาย รู้เต็มอกว่าไม่มีวันนั้นแน่นอน ถ้าหากรัฐภาคย์ยังไม่รู้จักคำว่าให้อภัยและปล่อยวางความทุกข์ทั้งหมดที่อยู่ในตัวของเขา ลลิลมองหน้าพี่ชายนิ่ง สีหน้าของพี่ชายคล้ายกับว่ามีเรื่องในใจ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่โหน่ง?” หญิงสาวตัดสินใจถาม
“คือว่า...คือว่า”
เป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่งของศวิชญ์ อีกด้านเขาคือลูกของแม่ เป็นพี่ชายของน้องสาวที่น่ารักสองคน อีกด้านเขาเป็นพ่อของลูกเป็นสามีของนิรมล เขาจะเลือกให้ความสำคัญกับสิ่งไหนมากกว่า เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจยากมากที่สุด ทว่าเขาจำเป็นต้องตัดสินใจ
“มีอะไรคะพี่โหน่ง?” น้องสาวผู้แสนดีถามย้ำอีกครั้ง
“คือว่าพี่อยากได้เงินสักสามหมื่น ลูกหว้าพอจะหาให้พี่ได้มั้ย?”
ศวิชญ์ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากน้องสาว ดวงตากลมโตใสซื่อเบิกกว้าง เงินสามหมื่นถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย แต่ว่าตอนนี้มันเป็นสิ่งที่ไกลเกินตัวเธอมากที่สุด ลำพังเงินเดือนที่หญิงสาวทำอยู่ทุกวันนี้เจ็ดพันบาท ยังไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ดีที่ว่าค่าที่อยู่ค่ากินทั้งหมด รัฐภาคย์เป็นคนออกให้โดยการให้น้องสาวไปรับปิ่นโตที่ตึกใหญ่สามมื้อ รวมทั้งค่าเล่าเรียนของน้องสาว แต่สิ่งที่เขาขอเป็นการแลกเปลี่ยนนั้น คือร่างกายของเธอ
“พี่จะเอาไปทำอะไรพี่โหน่งตั้งสามหมื่น?” หญิงสาวอดถามไม่ได้
“คือว่าลูกชายของพี่ไม่ค่อยสบาย ต้องใช้เงินมาก หมอบอกว่าต้องใช้เงินสามหมื่นเป็นค่ารักษา จะใช้บัตรสามสิบบาทก็ไม่ได้ เพราะถ้าใช้รัฐต้องรู้แน่ๆ ว่าพี่อยู่ที่ไหน พี่จนปัญญาจริงๆ ถึงได้ขึ้นมาขอความช่วยเหลือลูกหว้า รู้ทั้งรู้ว่าลูกหว้าไม่มี”
ศวิชญ์ปดออกไปคำโต ลูกชายของเขาไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แต่ที่เขาอยากได้เงินสามหมื่นบาท เป็นเพราะนิรมลต้องการซื้อของใช้อำนวยความสะดวกในบ้าน อย่างเช่นโทรทัศน์ ชุดเครื่องเสียง และอีกหลายรายการที่อยากได้ นิรมลข่มขู่เขาว่าถ้าไปขอเงินน้องสาวไม่ได้ เธอจะหนีเขาไปให้ไกลแสนไกล ความรักที่มีต่อนิรมลทำให้เขาละความกลัวตาย ขึ้นมาหาน้องสาวที่กรุงเทพฯ ดักรอดูความเคลื่อนไหวของลลิลตั้งแต่เมื่อวาน พอรู้ว่า
ลลิลต้องมาขึ้นรถประจำทางที่ป้ายนี้ จึงมาดักรอและขึ้นตามน้องสาวมาโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
ลลิลหลังจากที่ได้ฟังเหตุผลของพี่ชาย ทำให้เธอต้องคิดหนักอีกรอบ หลานชายไม่สบายหรือนี่ มิน่าล่ะ ศวิชญ์ถึงกล้าเสี่ยงขึ้นมาที่นี่ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนของรัฐภาคย์มีมากกว่าสับปะรดเสียอีก เพราะความรักลูกนี่เอง
“พี่โหน่งต้องการใช้เงินวันไหนคะ?”
“พี่อยากได้ไม่เกินพรุ่งนี้เย็น” ลลิลอึ้งไปอีกรอบหลังจากที่ได้ยินระยะเวลาที่พี่ชายกำหนด
“แล้วถ้าลูกหว้าหาได้ จะเอาไปให้พี่โหน่งที่ไหนคะ?”
“พรุ่งนี้พี่จะรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งขากลับ ลูกหว้าเอาเงินใส่ถุงทำทีเป็นทิ้งขยะ แล้วพี่จะทำตัวเป็นคนเก็บของเก่า ไปรื้อหาของในถังขยะแค่นี้เอง”