9
“ไปเถอะ ไปลองชุดให้พี่ดูหน่อย” ไม่พูดเปล่ายังเดินจูงมือลลิลมาส่งที่หน้าประตูห้องน้ำ พร้อมกับส่งเสื้อผ้าสีชมพูเข้มส่งให้หญิงสาว
“มันจะมากไปแล้วนะไอ้ธีม นายกล้าเอาแม่ฉันมาขู่เหรอ? ไม่กลัวหรอกโว้ย” ผู้พูดเดินอาดเข้ามาหาธีม น้ำเสียงและแววตาเข้มยิ่งนัก
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่เอาจริง ฉันเห็นนายทำร้ายลูกหว้าไม่ไหวแล้วนะ ลูกหว้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย นายมันพาลนี่หว่า เหมือนหมาบ้าไม่มีผิด”
ธีมพูดอย่างเหลืออด เขาเห็นลลิลเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ทั้งรักและสงสารพยายามจะพาออกจากบ้านของรัฐภาคย์หลายครั้งหลายหน ทว่าคำขู่ของเพื่อนสนิทประกาศก้องออกมา ทำให้ลลิลไม่ทำตามคำร้องขอของเขา ไม่ยอมออกไปจากบ้านอัครธนากุล ยอมอยู่ที่นี่ด้วยความเต็มใจ
“แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับการกระทำของไอ้เพื่อนชั่ว หรือว่าแกอยากเห็นวงศาคณาญาติของไอ้โหน่งแดดิ้นไปต่อหน้า แกเลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะเห็นคนเป็นหรือจะเห็นคนตาย” ธีมกำมือแน่น หลังจากที่ได้ยินคำพูดของรัฐภาคย์ เพื่อนคนนี้เอาจริงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ
“แกไอ้หมาบ้ายกกำลังสอง ฉันยอมแกมาตลอดนะ แต่ถ้าคราวนี้ฉันรู้ว่าแกฉีกเสื้อผ้าที่ฉันซื้อมาให้ลูกหว้าทิ้งอีกล่ะก็ แกเตรียมตัวรับมือกับคุณแม่มิโกะได้เลย”
ธีมเองไม่ได้ขู่แต่เอาจริงเช่นกัน ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองตากันอย่างไม่มีใครยอมใครนั้น บานประตูห้องน้ำได้เปิดออกกว้าง ร่างอรชรแสนสวยของลลิลก้าวเดินออกมา ทั้งสองจึงหันไปมองร่างน้อยด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันเลย...ตื่นตะลึง
“มันน่าเกลียดเหรอคะ?”
ลลิลพูดออกมาในที่สุด เนื่องจากสองหนุ่มเอาแต่จ้องร่างของเธอนิ่ง ไม่พูดไม่จาเลยสักคำ ทำให้หญิงสาวเกิดอาการประหม่าขึ้นมา
“ใครบอกล่ะ? สวยที่สุดเลย...ลูกหว้าน้องพี่สวยที่สุดเลย”
ธีมพูดออกมาเป็นคนแรก เดินเข้ามาโอบเอวเล็กของลลิล พาไปทรุดกายนั่งที่โซฟา หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุงใบเล็ก สร้อยคอทองคำขาวมีจี้รูปผีเสื้อ ถูกนำสวมใส่ที่ลำคอระหง
“ต้องใส่กับสร้อยเส้นนี้มันถึงจะเข้าชุดกัน ไหนดูซิน้องสาวพี่ โอ้โหสวยอย่าบอกใครเลย”
ธีมพูดออกมาจากใจจริง ลลิลเป็นคนสวยอยู่แล้ว แม้ว่าจะสวมใส่ชุดเก่ามากแค่ไหน ความสวยยังไม่จืดจาง แต่พอมาใส่ชุดนี้ทำให้ความสวยงามถูกขับออกมาอย่างมากล้น...มากพอที่จะทำให้อีกคนตื่นตะลึงพูดไม่ออก ยืนนิ่งเป็นคนใบ้มองลลิลไม่วางตา ‘สะใจไอ้ธีมจริงๆ เลยโว้ย’
“คงแพงน่าดู ลูกหว้าไม่กล้าใส่หรอกค่ะ”
หญิงสาวพูดหน้าเศร้า ถึงยังไงเธอก็คงไม่ได้สวมใส่ชุดนี้อีกตามเคย เหมือนกับชุดก่อนหน้าที่ถูกฉีกและตัดเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“แพงที่ไหนไม่แพงหรอก พี่ซื้อชุดมาให้ลูกหว้าเกือบสิบชุดเก็บเอาไว้ใส่นะ ชุดเก่าก็ทิ้งไปเอาไปบริจาคให้ใครก็น่าเกลียดเพราะมันทั้งเก่าและขาดหมดแล้ว”
ลลิลเหลือบตามองรัฐภาคย์อีกครั้ง แววตาของเขายังคงความไม่พอใจเหมือนเดิม และดูเหมือนมันจะแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“ลูกหว้า...ลูกหว้า” เธอถึงกับพูดไม่ออก และดูเหมือนธีมจะเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวที่พูดไม่ออก
“ไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น รับรองคราวนี้เสื้อผ้าที่พี่ซื้อให้ จะไม่ถูกหมาบ้ามันกัดขาดเหมือนคราวก่อนๆ แน่นอน ถ้าเผื่อยังมีหมามากัดอีก เห็นที่พี่จะต้องกำชับเจ้าของหมาที่อยู่ที่ญี่ปุ่น มาจัดการหมาที่ชอบกัดของชาวบ้านเขาเอง ไม่ต้องห่วงนะคนดี เราไปหาอะไรกินอร่อยๆ กันดีกว่า แล้วพี่จะพาไปดูหนังต่อนะ”
รัฐภาคย์หูผึ่งเหมือนใบหูของช้างทันที มันจะมากเกินไปแล้วยอมให้แค่อย่างเดียวแต่อย่างอื่นอย่าได้หวัง ตัวประกันสาวของเขาคนนี้จะต้องไม่พบเจอกับความสุข เธอจะต้องทนทุกข์แทบขาดใจต่างหาก
“นี่มันเวลาทำงานนะ ไม่ใช่เวลาร่านไปเที่ยวกับผู้ชาย ได้ของฝากแล้วก็ไสหัวออกไปทำงานได้แล้ว ให้มันคุ้มกับเงินเดือนที่ฉันเสียไปหน่อยสิ”
ลลิลถึงกับสะดุ้งกับเสียงของรัฐภาคย์ที่ทั้งเข้มและห้วนจัด บ่งบอกถึงสภาวะทางอารมณ์ตอนนี้ได้ดี...อารมณ์เสียสุดๆ
“งั้นลางานเลยลูกหว้า ลางานไปเลย ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน เลือกเอาจะลาแบบไหน ขอลามันต่อหน้าประธานบริษัทจอมเขี้ยวไปเลย”
ธีมไม่ยอมลดละ เป็นไงเป็นกันวันนี้เขาต้องพาลลิลไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกให้ได้ คนกลางอย่างลลิลเต็มไปด้วยความอึดอัด อีกใจก็อยากไปทานอาหาร ไปดูหนังบ้าง เพราะตลอดสองปีหญิงสาวไม่เคยได้ไปไหนเลย นอกจากบ้านและที่ทำงาน อีกใจกลัวว่ารัฐภาคย์จะโกรธเคือง ผลกระทบที่เขาโกรธไม่ได้เธอเท่านั้นที่จะได้รับโทษทัณฑ์ มารดาและน้องสาวอาจได้รับปลกระทบไปด้วย
“พี่ธีม...ลูกหว้าไม่อยากไปค่ะ” รอยยิ้มที่มุมปากเกิดขึ้นบนใบหน้าของรัฐภาคย์ทันที...เขาไม่มีวันแพ้
“ลูกหว้าไม่อยากไปเหรอ ไม่อยากไปดูหนังใช่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นพี่จะพาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงเอง นี่ก็เหลืออีกห้านาทีจะถึงเวลาพักเที่ยง พี่จะนั่งรอนะ ไปกินข้าวเที่ยงเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่คงไม่ว่าอะไรหรอก จริงมั้ยท่านประธาน? หรือว่ามีกฎว่าห้ามพนักงานทุกคนออกไปรับประทานข้าวข้างนอก ต้องทานอาหารที่แคนทีนเท่านั้น แต่ว่าบริษัทของนายไม่มีแคนทีนนี่หว่า” ธีมดักคอทุกทางจนรัฐภาคย์อึ้ง ไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้