Love Song 03
“แล้วจะกลับคอนโดวันไหน”
“วันมะรืนมั้ง ทำไมเหรอ”
“ก็จะมารับ” เลิฟบอกสั้นๆ แต่ใจฉันกลับสั่นไหว อย่านะซองอย่ามาคิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเอง เขาดูแลฉันดีตั้งแต่ที่รู้จักกันแรกๆเลยล่ะแม้จะไม่ค่อยได้คุยกันในช่วงแรกแต่ต่อมาก็คุยกันมากขึ้นจากที่เลิฟเป็นคนเงียบเขาก็มักจะคุยเยอะขึ้น ชวนฉันคุยอันนี้ต้นเป็นคนบอกมารวมถึงเพื่อนเขาคนอื่นๆด้วย
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพี่เราไปส่ง ขอบคุณนะ”
“อือ ถ้าไม่มีรถกลับก็บอกจะมารับ”
เรากลับถึงร้านเกือบสี่โมงเย็นแต่ฉันกับเลิฟมาถึงร้านก่อนเลยเข้าไปรอในร้าน แม่เดินยิ้มเข้ามายังเราสองคนยังดีที่คนในร้านไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แม่คุยด้วยนิดหน่อยก่อนจะบอกให้เข้าไปช่วยอบขนม ฉันพาเลิฟเดินไปนั่งที่โซฟาชุดใหญ่ของร้านที่จัดวางอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์
“รอแปบหนึ่งนะ” ฉันวางกระเป๋าสะพายไว้ข้างๆเลิฟก่อนจะบอกเขาเมื่อเห็นว่าเขามองตาม
“มีอะไรให้ช่วยบอกนะ”
“ได้” ฉันยิ้มให้คนบอกก่อนจะเดินไปที่หลังเคาน์เตอร์แล้วเดินเลยไปด้านหลังของร้านเพื่อที่จะเข้าไปช่วยแม่อบขนม
“มาด้วยกันอีกแล้วนะ” แม่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฉันฉันเดินเข้ามาในครัว ที่จริงแม่เป็นนักเขียนล่ะแต่ว่างๆก็จะเข้ามาอบขนมที่ร้าน ปกติพ่อฉันจะเป็นทำขนมน่ะ อือวันนี้พ่อน่าจะติดประชุมล่ะมั้งเลยยังไม่ได้เข้ามาช่วยแม่
“ก็เพื่อนคนอื่นกำลังจะตามมาไงคะ”
“หึหึ เจ็บไหมลูก”
“คะ? เจ็บอะไรคะแม่” ฉันเดินไปหยิบถาดเอาไปเข้าเตาอบแล้วหันกลับมามองแม่ด้วยความสงสัย เจ็บอย่างนั้นเหรอ? เจ็บอะไรอะ
“แถไง”
“แม่อ่า หนูไม่ได้แถนะคะ ทำไมแม่ชอบแซ็วแบบนี้ล่ะคะ เดี๋ยวแฟนเขาได้ยินเดี๋ยวพวกเขาจะงอนกันนะคะ”
“เลิฟยังไม่มีแฟนแม่รู้” แม่บอกมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไปรู้กับเขาได้ไงคะ แม่อ่ะไม่เอาพอแล้วอย่าไปยุ่งอะไรกับเขาเลยนะคะ”
“เฮ้อ ก็ได้ๆ ออกไปรอข้างนอกกับเพื่อนเถอะเดี๋ยวแม่เอาขนมออกไปให้”
“ค่ะแม่ ถ้ามีอะไรเรียกหนูเลยนะคะ”
“จ้าลูก”
แม่รับคำ พอฉันเดินออกมาก็เห็นว่าเพื่อนๆมาถึงกันหมดแล้วและนั่งรวมเป็นกลุ่มใหญ่และก็เป็นไปตามคาดเพราะมีลูกค้าเข้าร้านมาเยอะมากส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งเลิกเรียน แต่ฉันเชื่อว่าที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนผู้หญิงเพราะมีกลุ่มต้นนี่แหละ
“ได้ไปรับออเดอร์โต๊ะเจ็ดหรือยังคะพี่แนน” ฉันถามพี่แนนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน
“ไปแล้วค่ะน้องซอง แต่เพื่อนน้องซองบอกว่าขอรอน้องซองก่อนค่ะ พี่เลยเสิร์ฟน้ำเปล่าให้แทน”
“อ๋อค่ะ ขอบคุณนะคะเดี๋ยวซองรับออเดอร์เอง”
“ได้ค่ะ นี่ค่ะเมนู”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับเมนูก่อนจะเดินออกไปยังโต๊ะที่เพื่อนนั่งอยู่
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ” ฉันวางเมนูลงบนโต๊ะพร้อมกับถามออกไปกวนๆ เพื่อนมองหน้าฉันแล้วก็หัวเราะกัน ฉันเองก็ขำเหมือนกันไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ฉันรู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ทราบว่าที่ร้านสมัครพนักงานยังไงเหรอครับทำไมรับคนแคระเข้าทำงาน” ต้นมันแกล้งพูดคนอื่นๆหัวเราะออกมา ฉันที่ถือกระดาษรับออเดอร์ในมือก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตีต้นลืมดูไปเลยว่ากว่าจะยื่นไปถึงต้นฉันต้องผ่านเลิฟ แต่จะมาว่าฉันแคระได้ยังไงฉันสูงตั้ง160เซนติเมตรเลยนะ!
“โอ๊ย! ฮาๆ ทำไมพนักงานดุจังเลยวะ” ต้นร้องเจ็บแต่ก็ยังแกล้งฉันต่อ ฉันตีมันแรงขึ้น
“มันเจ็บนะเว้ย เลิฟช่วยกูด้วยดิวะ” คราวนี้มันหันไปหาตัวช่วย
“เลิฟห้ามช่วย” ฉันหันมองหน้าเลิฟ แอบตกใจนิดหน่อยเพราะใบหน้าเราห่างกันเล็กน้อย
“หึหึ โอเคไม่ช่วยจัดการมันเลย”
เลิฟบอกขำๆ แล้วยังขยับให้ฉันได้เดินเข้าไปใกล้ต้นอีกเข้าทางฉันล่ะ! ฉันเดินไปตีต้นจนพอใจนั่นแหละถึงได้เดินออกมาข้างโต๊ะเพื่อรับออดเดอร์ต่อ
“ไอ้เลิฟ! ไอ้เพื่อนทรยศ” ต้นหันกลับมาโวยวายใส่เลิฟแต่เลิฟก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
“ว่าไงเอาอะไร ดาววันนี้มีเค้กมะพร้าวนะเอาไหม” ฉันถามดาวที่ยังไลฟ์สดอยู่ และฉันว่าที่ฉันตีต้นเมื่อกี้ก็เข้าไปอยู่ในไลฟ์ของดาวแล้วเพราะเจ้าตัวหัวเราะคิกคักอยู่
“เอาๆ แล้วก็เอาชาเขียวนะ” ดาวบอกมือก็ยกโทรศัพท์ถ่ายฉัน
“เรากับตูนเอาชาเชียวไม่หวาน” ตาลสั่งมา
“เราเอาม็อคค่าสาม ชาเขียวหนึ่ง”
“คนเจ็บเอาลาเต้ เค้กบราวนี่ห้า” ต้นสั่ง ฉันก็จดตาม สุดท้ายฉันเลยหันมามองเลิฟ เขาจ้องตาฉันและไม่ยอมสั่ง ฉันถอนหายใจเมื่อเขาไม่ยอมสั่งเองเลย ฉันเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์แล้วยื่นออกเดอร์ และทยอยเอาเค้กไปเสิร์ฟเพื่อนๆจนครบ
“ซองอย่าลืมเอาขนมสูตรใหม่ไปให้เพื่อนนะ” แม่ที่เดินออกมาบอก
“ค่ะแม่ เย็นนี้ขอไปปาร์ตี้บ้านต้นได้ไหมคะ”
“แหมลูก ทำอย่างกับบ้านต้นอยู่ไกลเนอะ ข้ามถนนก็ถึงแล้วไหม” ใช่แล้วล่ะบ้านต้นอยู่ฝั่งข้ามกับบ้านฉันเลย ส่วนดาวตูนและตาลอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่คนละซอย หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมืองแต่ร้านขนมองแม่ตั้งอยู่ก่อนถึงหมู่บ้าน และยังเป็นที่นั่งคุยนั่งเม้าส์ของนักเรียนของพนักงานเลยทำให้มีลูกค้าเข้าตลอดทั้งวัน
“ก็ขอก่อนไงคะ”
“จ้า แม่อนุญาตปะเอาขนมไปให้เพื่อนลูกได้แล้ว” แม้บอกขำๆก่อนจะถือถาดแก้วเครื่องดื่มไปเสิร์ฟ พอทุกคนเห็นแม่ก็ยิ้มอ้อนพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายกันทันทีแล้วยังช่วยรับแก้วเครื่องดื่มอีกด้วย
“เด็กๆเย็นนี้ปาร์ตี้ใช่ไหม” แม่ถามอย่างเป็นกันเอง ที่จริงแม่ก็เพิ่งจะอายุสี่สิบต้นเองพ่อก็เหมือนกันแต่ทั้งคู่เลี้ยงลูกแบบวัยรุ่นมากเลยนะ
“ใช่ครับแม่ บ้านผมเอง” ต้นบอก
“แม่ฝากดูแลซองด้วยนะ”
“ได้ครับ//ได้ค่ะ”
“แม่ไปทำงานต่อก่อนนะ อยากทานอะไรบอกซองเลยนะลูก” แม่ฉันบอกเพื่อนก่อนจะเดินกลับไปทางหลังร้าน
“ไม่ต้องสั่งเขาก็รู้ใจกันเนอะว่าจะดื่มอะไร” ดาวเอ่ยแซ็วหลังจากที่แม่เดินห่างออกไปและฉันก็วางแก้วชาพีท ลงบนโต๊ะสองแก้ว
“แล้วเขาก็ดื่มเหมือนกัน” ตูนเอ่ยต่อ
“สั่งทางสายตาหรือว่าสั่งทางใจกันนะ” ต้นนี่สงสัยจะยังไม่เข็ดนะ ดูมันแซ็วฉันสิ ฉันเอื้อมมือไปตีมันอีกครั้งก่อนจะนั่งลงที่ว่างข้างๆตาล
“ไปนั่งข้างเลิฟไปคนดูชอบ” พูดไม่พอตาลยังผลักฉันให้ขยับออกจากโซฟาอีกด้วย ดูเอาสิพวกนี้แคร์คนดูในไลฟ์มากกว่าฉันเสียอีก ฉันบ่นให้เพื่อนแต่ก็ยอมเดินไปนั่งข้างๆเลิฟ รายนั้นไม่พูดอะไรแต่ขยับไปนั่งชิดกับต้นแล้วให้ฉันนั่งขอบด้านนอก
“ชอบแกล้ง” ฉันว่าให้เพื่อนมือก็ตักขนมเค้กทาน
“จะกลับบ้านตอนไหน” เลิฟถามเสียงเบา มือก็กดเล่นโทรศัพท์
“อือ ก็รอเพื่อนๆก่อนน่ะ ทานเสร็จแล้วค่อยกลับก็ได้”
“อือ แล้วมีใครแกล้งอะไรไหมตอนที่เราไม่อยู่ด้วย” เลิฟยังถามต่อแต่คราวนี้เขาเงยหน้ามองฉันพรางใช้น้ำเสียงจริงจังถามกลับมา
“ไม่มีหรอก” ไม่หรอก มีสิผู้หญิงของเขาต่างส่งข้อความมายังฉันในข้อความเฟซบุ๊กแต่ฉันก็ไม่ได้เปิดอ่านถ้าเป็นเพื่อนกันก็จะรู้ว่าจะติดต่อฉันได้ทางไหน
“โกหก”
“ไม่นะ ไม่ได้...” ฉันเงยหน้าตั้งใจจะเถียงเขากลับแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเจอกับสายตาที่น่ากลัวของเลิฟ
“ขอโทษ” ฉันเอ่ยบอกเขาเสียงแผ่นพรางหลบสายตาเขา ไม่ชอบจริงๆนะที่เขามองแบบนี้
“ดาวยังไลฟ์อยู่ไหม” เลิฟถามดาว ฉันเลยเงียบกว่าเดิมและทานเค้กต่อแต่ก็ต้องสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่เลิฟกับดาวคุยกัน
“ไลฟ์อยู่ ไลฟ์พวกนายนั่นแหละ”
“ดีเลย ทุกคนครับผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อยถ้าเมื่อไหร่ที่เห็นครัวซองอยู่คนเดียวแล้วโดนแกล้ง ช่วยบอกผมด้วยนะครับ ถ้าผมไม่อยู่ช่วยปกป้องเธอด้วย”
“ฮิ้ว!”
“อยากโดนปกป้องบ้าง”
“เป็นอะไรกับเขาล่ะถึงต้องปกป้อง”
“เป็นอะไรก็ได้ที่ใจอยากเป็น” เสียงเลิฟตอบกลับเพื่อนๆ ฉันเงยหน้าตั้งใจจะดุแต่ไม่คิดว่าเขาจะมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
“ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ช่วยดูแลตัวเองดีๆด้วยนะเข้าใจไหม” เลิฟบอกเสียงหนักแน่น เราจ้องกันอยู่นานกว่าที่ฉันจะยอมพยักหน้า
“อย่าดุสิ ทานเค้กสิแม่อุตสาห์ทำให้เลยนะ” ฉันบอกเลิฟก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนๆและพอเงยหน้ามองรอบๆก็เห็นเพื่อนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ตอนเย็นนี้คงไม่ต้องพูดถึงโดนแซ็วข้ามวันแน่นอน
“นี่มันคู่จิ้นหรือคู่จริงน้า” ตูนเอ่ยแซ็ว
“จิ้นมาสี่ปีแล้ว ตอนนี้มันเรียลแล้วไง” อาร์มเอ่ยขึ้นบ้าง แต่แทนที่เลิฟจะโมโหเขากับยกนิ้วโป้งให้อาร์มซะงั้น
“ตอนเย็นเอากระเป๋าสตางค์ไปเลย พูดถูกใจ” เลิฟ!!!
“พอเลยพอ รีบทานจะได้รีบกลับกัน”
“หึหึ เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องเหรอ”
“ดาว! เราไม่ได้เขิน”
“ฮาๆๆๆ ไม่เขินๆรีบทานดีกว่าเนอะเดี๋ยวคนไม่เขินจะเขินจริง” ดาวนี่เป็นเพื่อนฉันหรือเปล่าทำไมชอบแซ็วชอบชงฉันกับเลิฟก็ไม่รู้ ละเลิฟก็ดูชอบซะเหลือเกินที่เพื่อนชองเพื่อนแซ็วแบบนี้น่ะ