Love Song 05
“ปะ เปล่าสักหน่อยแค่อยากดื่มทำไมต้องทะเลาะกับเขาด้วยล่ะ” ฉันว่าก่อนจะยืดตัวนั่งตรงตามเดิม อ่า ทำไมฉันทำตัวไม่น่ารักเลยล่ะ อาการแบบนี้จะเรียกว่าอกหักก็ไม่ได้สินะเพราะสถานะเรามันเป็นแค่เพื่อนกัน
“แล้วทำไมต้องเลี่ยงที่จะคุยล่ะ ไม่มองหน้าด้วยนะทะเลาะอะไรกันแน่” ดาวยังถามต่อ
“ไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย อยากดื่มต่อแล้วจะไม่คุยแล้วนะ” ฉันบอกดาวมือก็คว้าแก้วเหล้ามาดื่ม ไม่รู้ว่าเพราะดื่มเยอะเกินไปหรือเปล่าถึงได้เห็นว่าเลิฟขยับมานั่งข้างๆแล้วยังดึงแก้วเหล้าออกจากมือฉันไปอีก
“เอาคืนมา” ฉันเอื้อมมือไปแย่งแต่ใครอีกคนที่ตัวสูงก็วางแก้วเหล้าไว้ไกลๆ
“เมาแล้ว พอ” เสียงคุ้นจัง?
“ใครเมา?” ฉันย้อนถามพรางเอียงคอมองอย่างสงสัย แต่พอเพ่งเล็งดีๆก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร
“เธอแหละเมา นั่งเฉยๆพอห้ามดื่ม”
“เป็นใครมาสั่ง” ฉันย้อนถามกลับไป แต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจกอดแขนดาวเอาไว้เมื่อคนตรงหน้าเรียกชื่อเสียงดัง
“ครัวซอง!”
“ดาวเขาดุเรา” ฉันฟ้องดาวแต่เพื่อนกลับส่ายหน้าอย่าระอาเท่านั้น
“อย่าทะเลาะกันสิ”
“เราอยากกลับแล้วขอกลับได้ไหม”ฉันอ้อนดาวเสียงหวาน ซบแก้มลงกับแขนเพื่อนตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงคืนเองปกติตีสองถึงกลับแต่ครั้งนี้มันไม่ไหวจริงๆจิตใจฉันมันชายิบไปหมดแล้ว
“อือได้สิ ให้เลิฟไปส่งไหม” ดาวถามต่อมือก็ยกลูบผมฉันเบาๆ
“ไม่ๆพี่เต้จะมารับ ขอโทรหาพี่ก่อนนะ” ฉันล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาก่อนจะกดโทรออกหาพี่ชายที่อยู่บ้านและบอกว่าจะมารับ รอสายไม่นานพี่ลาเต้ก็รับสายพร้อมกับเสียงทีวีที่แทรกเข้ามา
“มารับน้องซองหน่อย”
(อ่า ได้ๆแปบหนึ่ง) สายตัดไปฉันเลยเก็บโทรศัพท์ไว้ตามเดิม รู้สึกมึนๆหัวหนักหัวยังไงชอบกล ฉันนั่งซบดาวอยู่นานเพราะถ้าผละออกก็ต้องนั่งชิดกับเลิฟซึ่งฉันยังไม่โอเคกับสิ่งที่ได้ยินวันนี้เลยพาลงี่เง่าไม่ยากใกล้เขา ขอเวลาหน่อยนะแล้วฉันจะกลับไปเป็นเหมือนกัน
“ซอง หันหน้ามาคุยกับเราก่อนได้ไหม” เสียงทุ้มของเลิฟดังขึ้นไม่ดังมากแต่ฉันคิดว่ามันดังมากพอที่จะทำให้ดาวได้ยิน แต่ฉันไม่กล้าคุยกับเขาเลยฉันรู้สึกเกรงใจตูนมากจริงๆ
“ถ้าไม่คุยก็ไม่ต้องกลับ” เลิฟเริ่มดุเสียงเข้ม
“อือ อยากคุยอะไรอ่ะ” ฉันถามกลับและหันกลับไปมองเลิฟ คุยให้จบมันก็น่าจะดีกว่านะฉันว่า
“โกรธอะไร ทำไมไม่คุยกับเรา มองหน้าเราด้วย” มือหนายกประคองใบหน้าฉันอย่างนุ่มนวลแต่เป็นฉันซะเองที่เบือนหน้าหลบ อย่าทำให้ฉันรู้สึกกับนายไปกว่านี้เลยได้โปรด
“ไม่ได้...”
“อย่าพูดว่าไม่ได้โกรธ ในเมื่อเธอยังทำแบบนี้ครัวซอง” เลิฟดุเสียงดัง ทำให้คนอื่นๆที่ดื่มและพูดคุยกันอยู่เงียบเสียงลงไป
“ก็เราไม่ได้เป็นอะไร” ฉันเถียงกลับไปมองเขาไม่ยอมหลบตา
“ถ้าไม่โกรธแล้วเป็นบ้าอะไรวะ! อึดอัดนะเว้ยที่เป็นแบบนี้น่ะ” ฉันเบิกตากว้างมองเลิฟอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้
“เราขอโทษนะคะที่ทำให้รู้สึกอึดอัด ขอโทษค่ะ” ฉันจะไม่ทำให้ใครอึดอัดอีกแล้วสัญญา
“ซองกลับตอนนี้เลยไหม” เสียงคุ้นเคยของพี่เต้ดังจากด้านหลังฉันหันกลับไปมองพี่ด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าว อย่านะอย่าเพิ่งไหลตอนนี้นะ
“ค่ะ อ่าเรากลับก่อนนะขอโทษด้วยที่ทำให้หมดสนุกแล้วก็อึดอัด เรากลับก่อนนะ” ฉันขอโทษเพื่อนรวมๆก่อนจะวิ่งออกไปหาพี่ลาเต้ที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ทันทีที่ก้าวเข้าสู่รั้วประตูบ้านฉันก็ทรุดนั่งร้องไห้อย่างอ่อนแรง เป็นฉันนี่ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ทำให้ใครหลายๆคนอึดอัดได้ทั้งนั้นนี่เนอะ แล้วแบบนี้ฉันควรจะอยู่ตรงไหนล่ะ
“ครัวซอง”
“พี่เต้! ฮื่อ ซองควรจะยืนอยู่ไหนทุกคนถึงจะไม่อึดอัด” พี่แต้นั่งทับส้นเท้าตรงหน้าฉัน มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล
“คนเก่งของพี่ไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน” พี่เต้บอกก่อนจะสอดแขนรองรับร่างฉันเพื่อที่จะอุ้มแล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน
“น้องเป็นอะไรเต้” เสียงคาราเมล พี่คนรองถามขึ้นแต่ฉันซบหน้าลงกับแผ่นอกพี่เต้แทน ยิ่งมีสัมผัสอบอุ่นจากพี่คาราเมลยิ่งทำให้ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“น้องมีเรื่องนิดหน่อย จะออกไปไหนไหม?” พี่เต้บอกและถามพี่เมลไปในประโยค
“ว่าจะออกไปเที่ยว แต่ไม่ไปแล้วล่ะ” พี่เมลตอบ มือก็ยังลูบผมฉันอยู่เบาๆ
“อือ หาเครื่องดื่มไปให้น้องหน่อย เผื่อเราด้วย”
“ได้ๆ จะดื่มหน่อยไหม”
“เอามาเถอะ พาน้องไปข้างบนก่อนนะ”
“อือ”
“ซองอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้พวกพี่จะอยู่เป็นเพื่อน” พี่เต้บอกเมื่อวางฉันลงตรงพื้นหน้าห้องน้ำ คนตัวสูงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้
“ค่ะ”
ฉันดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเอาไปวางไว้บนเตียงนอนจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัว พอออกมาก็เจอพี่ทั้งสองนั่งอยู่พื้นข้างเตียงตรงกลางมีเครื่องดื่มแล้วก็ผลไม้รวมทั้งขนมอยู่ด้วย
“จะดื่มต่อไหม” พี่เมลถาม
“ไม่ค่ะ ซองขอนั่งกินขนมแทนได้ไหม”
“ฮาๆๆ ได้สิ มาๆ มานั่งกับพี่” พี่เมลขยับให้นั่งเราทั้งสามนั่งดื่มกันอยู่ที่พื้น จากตอนแรกที่ตั้งใจจะทานแค่ขนมแต่ไปๆมาๆกลับดื่มต่อซะอย่านั้นแต่ดื่มได้ไม่นานก็ง่วงแล้วหลับไปเลย
=br=
=br=
***Latte café*** *with **Caramel cafe** and **KSong cafe***
*11 hr*
*นอนนะครับเจ้าหญิงของพี่...*
***852 Likes 15 Commant***
=br=
เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหลายๆอย่าง อยากจะคิดว่ามันเป็นความฝันทั้งที่ใจในมันก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันคือเรื่องจริง เมื่อคืนพอกลับมาถึงบ้านฉันก็ร้องไห้จนทำให้พี่ๆทั้งสองคนเป็นห่วง ก่อนหลับเราคุยกันหลายเรื่องก่อนจะหลับไป ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวว่าจะชวนพี่ไปเที่ยวแต่ก็ไม่รู้จะว่างกันหรือเปล่า
“ตื่นแล้วเหรอ มาทานข้าวพร้อมกันมา” เสียงพี่เต้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นฉันเดินไปในห้องครัว พี่เมลตักข้าวเพิ่มอีกจานแล้ววางบนโต๊ะให้เบาๆ
“พี่เต้ไม่มีบินเหรอคะ?” ฉันทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้เบาๆพร้อมกับถามพี่เต้ไป
“ไม่มีพี่ว่างสามวัน” พี่เต้ตอบมือก็เทน้ำใส่แก้ว ที่ถามแบบนั้นเพราะพี่เต้เป็นกับนักบินของสายการบินชื่อดัง ส่วนพี่คนรองคาราเมล พี่เมลเป็นนายแบบชื่อดังเลยล่ะมีคนติดต่อมาจากทั่วโลกแต่ด้วยความที่บุคลิกดูหยิ่งๆเงียบๆของเขายิ่งปฏิเสธไปคนยิ่งต้องการ
“พี่เมลล่ะคะ ไม่มีงานเหรอวันนี้” ฉันถามไป
“ขี้เกียจเลยไม่รับงานสองวัน” สองวันเองเหรอ...
“หึ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” พี่เมลยกมือลูบผมฉันเบาๆ ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ก็อยากอยู่ด้วยนานๆ”
“พวกพี่ก็อยู่นี่ไง เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวโอเคไหม” พี่เต้บอก ฉันยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างดีใจเช่นกัน
“ค่ะ”
“งั้นตอนนี้ทานข้าวก่อน”
“โอเคค่ะ”
จะไปเที่ยวไหนดีนะ ตลาดน้ำก็น่าสนนะแต่ก็กลัวพี่จะเหนื่อยขับรถหรือว่าจะไป...
“ทำหน้าคิดเยอะอะไรซอง” พี่เมถามขำๆเมื่อเห็นว่าฉันทำหน้าคิดมาก
“ก็ซองคิดอยู่ว่าจะไปเที่ยวไหน”
“แล้วอยากไปไหนล่ะ” พี่เต้ถาม
“อยากไปตลาดน้ำ แต่ก็กลัวพวกพี่เหนื่อย”
“ไม่เหนื่อยหรอก ถ้างั้นทานข้าวเสร็จพี่ให้เวลาคนละสามสิบนาทีให้ไปเปลี่ยนชุดแล้วลงมาเจอกันข้างล่างพี่จะพาไป” พี่เต้ บอกพร้อมกับรอยยิ้ม ฉันยิ้มอย่างขอบคุณก่อนจะรีบทานข้าวและขึ้นไปแต่งตัว ฉันสวมเสื้อยืดสีขาวสบายตัวกับกางเกงยีนขาสั้นที่ไม่สั้นมากมือก็หยิบๆจับๆของสำคัญลงกระเป๋าเป้สิ่งที่ลืมไม่ได้คือกล้องถ่ายรูปเมื่อเก็บของครบแล้วฉันเลยคว้ากระเป๋าวิ่งลงจากชั้นบนเพื่อลงมาหาพี่ๆ
“เดี๋ยวก็ล้มหรอก” เสียงดุๆดังจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองพรางยิ้มแหยๆให้พี่เมลที่ตีหน้าดุใส่อยู่ก่อนแล้ว ก็รู้แหละว่าตัวเองซนและดื้อขนาดไหนและก็ไม่แปลกที่จะโดนดุอยู่บ่อยๆ
“ขอโทษค่ะ” ฉันบอกเสียงอ่อยก่อนจะค่อยๆก้าวลงบันไดด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
“ดูประชดพี่เข้า”
“ก็เปล่าประชดนะ ไปกันเหอะซองอยากกินของอร่อยๆแล้ว” ฉันบอกพี่เมลก่อนจะดี๊ด๊าวิ่งไปที่ห้องรับแขก
“พี่เต้! ซองเสร็จแล้วไปเที่ยวกัน” ฉันตะโกนออกไปอย่างนกสนุกเพราะนานๆพี่ๆจะว่างพร้อมกันแล้วยังใจดีจะพาไปเที่ยวอีก แต่รอยยิ้มฉันก็ต้องหุบลงเมื่อสายตากวาดไปเจอกับใครอีกคนที่นั่งหันหลังให้อยู่ แม้จะเป็นเพียงด้านหลังแต่ก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครฉันก็รู้