-SPRITE TALK-
“แม่ดีใจนะที่ไปรท์กลับมาอยู่บ้านเรา แม่ไม่อยากให้ไปรท์จมอยู่กับความเศร้านาน ๆ” แม่กล่าวด้วยใบหน้ามีความสุข นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้เห็นหรือใส่ใจสีหน้าของแม่เลย
“จ้ะแม่ ไปรท์ก็ไม่อยากเศร้าเหมือนกัน” ฉันก็พูดไปงั้น ใครกันจะลืมความเศร้าได้ นั่นสามีของฉันนะ
“ดีแล้วที่ไปรท์คิดได้ แม่สงสารปลายฝัน” แม่พูดถึงลูกสาวฉัน ปลายฝันเป็นลูกสาววัย 4 ขวบ แกเพิ่งจะ 4 ขวบเมื่อเดือนก่อน
“น้องปลายย้ายมาเข้าเรียนที่นี่ คงต้องปรับตัวกับเพื่อนใหม่ แต่ว่ายังเล็กอยู่น้องปลายน่าจะปรับตัวได้ไม่อยาก ส่วนไปรท์ก็ว่าจะเปิดร้านขายขนมเล็ก ๆ เป็นพวกเค้ก พวกเบเกอรี่ เสริมชานมไข่มุกทำแบบที่เคยทำตอนอยู่กรุงเทพ แม่ว่าคนแถวบ้านเราเขาจะชอบไหมจ๊ะ” คือความฝันที่ฉันอยากเปิดร้าน ซึ่งสามีของฉันสานฝันให้ฉันเรียบร้อยแล้วทุกอย่างลงตัวดี แต่แล้วฉันก็ขายฝันตัวเองทิ้ง เพราะทนอยู่ที่เดิม ๆ ที่ที่มีแต่ความทรงจำแบบนั้นไม่ได้ ทั้งยังห่วงแม่ที่เพิ่งตรวจพบโรคประจำตัวตามประสาคนมีอายุ การย้ายกลับมาอยู่ใกล้ ๆ แม่จึงเป็นทางเลือกที่ดี ถึงแม้ว่าแม่จะไม่หยุดทำงาน อย่างน้อยก็ใกล้กันกว่าเมื่อก่อน เกิดอะไรขึ้นก็ช่วยได้ทัน
“ไปรท์มั่นใจเหรอลูกว่าจะทำ ทำแล้วจะไม่คิดถึงคุณวีเหรอลูก” แม่มีสีหน้าห่วงใยขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าฉันยังจะยึดอาชีพเดิมที่เคยทำ
“จ้ะ ไปรท์ชอบ ไปรท์ทำแล้วไปรท์มีความสุข”
“ถ้าไปรท์บอกว่ามันคือความสุขแม่ก็จะไม่ขวาง เพราะที่ผ่านมาแม่ขวางความสุขของไปรท์มามากพอแล้ว ที่ผ่านมาแม่ขอบใจไปรท์มากนะลูก” และรอบนี้แม่มีสีหน้ารู้สึกผิด
“แม่ไม่ได้ผิดอะไรเลยค่ะ สิ่งที่แม่บอกให้ไปรท์ทำ มันคือสิ่งที่ดีแล้ว คุณวีเป็นสามีที่ดีมาก ๆ ค่ะแม่ เขาไม่เคยทำให้ไปรท์เสียใจสักครั้ง แม้กระทั่งนาทีที่เขาจะจากไป เขายังรักและห่วงใยไปรท์กับลูก เขาเป็นคนดีมากค่ะ” แม่ยื่นมือมาจับมือฉัน ขณะที่ฉันกำลังน้ำตาเอ่อคลอเมื่อคิดถึงคนที่ด่วนจากไปด้วยโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาหาย เงินทองกองท่วมตัวก็ไม่อาจซื้อชีวิตจากยมบาลได้
“เริ่มใหม่นะลูก คุณวีคงไม่อยากให้ไปรท์เศร้าแบบนี้ อย่าทำให้เขามีห่วงนะ”
“ค่ะ ไปรท์กำลังพยายามอยู่” ฉันพูดอย่างเลื่อนลอย การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่าย “ไปรท์ขอเข้าไปพักก่อนนะคะแม่ รู้สึกเพลียค่ะ”
ฉันเดินมาที่ห้องนอนของตัวเองเมื่อบอกแม่แล้ว ครั้นเข้ามาภายในห้องก็เห็นลูกสาวนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ฉันจึงนั่งที่ฟูก นั่งมองปลายฝัน แล้วพาลคิดถึงคนแสนดีที่ด่วนจากไป
เขาก็ไม่ได้อยากจะตาย ทว่าเรายื้อกันมาจนสุดทาง ฉันรู้ดีว่าคุณวีกลัวมากแค่ไหน เขาชอบแอบร้องไห้อย่างหนักทุกครั้งเวลาที่ฉันเผลอ แต่ว่าต่อหน้าฉันเขาเข้มแข็งมาก
ฉันชื่อสไปรท์ อายุ 25 ปี ชีวิตของฉันไม่ได้มีสีสันมากนัก ช่วงชีวิตวัยรุ่นแทบไม่ได้ใช้ ฉันแต่งงานตอนอายุ 20 ปี และมีลูกในตอนนั้นด้วย ช่วงเวลาที่มีในชีวิตฉันยกให้สามีและลูกทั้งหมด ฉันตัดขาดเพื่อนฝูงเพราะย้ายไปอยู่กรุงเทพกับสามีตั้งแต่แต่งงานเนื่องจากเขารับราชการในกรุงเทพ
คุณวีคือสามีของฉัน สามีที่เกิดจากคำสัญญาของแม่ที่เป็นแม่บ้านคนสนิทของแม่คุณวีเมื่อสมัยที่แม่ยังไม่เจอกับพ่อ แม่คุณวีบอกว่าถ้าแม่มีลูกสาวขอให้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านท่านนะ เพราะว่าแม่คุณวีน่ะชื่นชอบแม่มาก ๆ เห็นแม่เป็นเหมือนเพื่อนสนิท แม่เล่าว่าตอนนั้นแม่ก็รับปากไปงั้น ๆ ไม่ได้คิดว่าแม่ของคุณวีจะจริงจัง และเมื่อแม่เจอกับพ่อ แม่ก็เลิกทำงานแม่บ้านที่บ้านคุณวี แม่ย้ายมาอยู่กับพ่อที่นี่ ที่ที่เป็นบ้านเกิดของพ่อ พ่อทำงานบริษัทรับเหมา แม่ของฉันขายอาหารตามสั่งเพราะว่าแม่ทำอาหารอร่อย แม่ยึดอาชีพนั้นมาตลอดกระทั่งมีฉัน เลี้ยงฉันมาจนโต และเมื่อฉันอายุ 19 ย่าง 20 แม่ก็บอกว่าแม่อยากขอร้องให้ฉันแต่งงานเพื่อแม่ เพราะว่าผู้มีพระคุณของแม่กำลังป่วยหนัก ต้องการให้แม่รักษาคำสัญญา คนคนนั้นคือแม่ของคุณวี ฉันไม่ได้ตอบตกลงในทันทีเพราะตอนนั้นฉันมีความฝัน มีคนที่ฉันรัก และเขาก็รักฉัน แบบนี้แล้วจะให้ฉันไปแต่งกับคนอื่นได้ยังไง ฉันทำแบบนั้นไม่ได้แน่ ๆ เพราะว่าฉันรักแฟนของฉันมาก เราสองคนรักกันมาก
ทว่าสุดท้ายฉันก็ทิ้งแฟนตัวเอง แล้วมาแต่งงานกับคุณวี คุณวีที่แสนดี ดีกับฉันทุกอย่าง ซึ่งชาตินี้ฉันคงหาใครดีเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว
ฉันแต่งงานกับคุณวีเกือบ 5 ปี เป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขมาก ๆ อะไรที่ไม่เคยได้ คุณวีหามาให้ฉันหมดทุกอย่าง ทั้งที่ฉันไม่สมควรจะได้รับด้วยซ้ำ