ซัสดื่มจิน #2
Chianti (เคียนติ) = ไวน์เคียนติ เป็นไวน์อิตาลีเกรดสูงสุด ใช้องุ่นโจเวเซกับคาไนโอโล พลัม เชอร์รี่ และแบล็ก
เบอรี่เป็นส่วนผสม
“อยู่ไหนกันแน่วะ?” ฉันขยับหมวกสีดำที่สวมใส่อยู่ มองไปรอบๆ ที่ยืนเมื่อวานกับไอริช แน่นอนว่าฉันมาหากระเป๋าเงินของตัวเอง และคิดว่ามันคงจะถูกใครเก็บไปแล้วแน่ แต่ฉันยังคงมีหวังที่จะเจอมัน วันนี้ฉันเคยออกจากคอนโดพี่เคียนติแต่เช้า เพื่อหลบหลีกการสบตาและการถูกบังคับให้กินข้าว รู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันท้องเสียด้วย อาจจะเพราะไม่เคยกินข้าวเวลานั้นมันก็เลยไม่ชิน วันนี้ฉันสวมกางเกงขาเดฟสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นไปเพื่อให้ตัวเองดูกระฉับกระเฉงตอนไปตามล่าหากระเป๋าเงินแสนสำคัญมีเงินอยู่ในบัตรเอทีเอ็มอยู่ 0.01 สตางค์
“สาธุขอให้เจอกระเป๋าเงินด้วยเถอะนะเจ้าคะ ถ้าเจอนะจะยอมกินข้าวทุกมื้อเลย สัญญาค่ะ” มือทั้งสองยกขึ้นท่วมหัว มองแสงแดดที่สาดส่องมา ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่านอกจากฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ ฉันยังไปอีกที่หนึ่งด้วยนี่นา
“จริงสิ! ที่นั่นไง” ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งไปยังผับต้นเหตุ อาจจะเจออยู่แถวนั้นก็ได้ถ้าถามคนที่เฝ้าประตูอยู่ เมื่อมาถึงฉันก็กวาดสายตามองหาแต่ก็ไม่เจอกระทั่งเห็นคนที่ยืนเฝ้าประตูเมื่อคืน เพราะฉันจำได้เขาตัวโตมาก
“พี่คะ”
“ว่าไงน้อง?”
“พี่ เมื่อคืนพี่ยืนอยู่ตรงนี้พี่เห็นกระเป๋าเงินหนูไหม? หรือเห็นใครเก็บไปหรือเปล่า” ความหวังเดียวของฉันคือพี่ชายตัวโตหน้าตาโหดๆ คนนี้เท่านั้น ได้โปรดเถอะ พี่ต้องเห็นนะ...
“อืม เหมือนจะเห็นตอนที่น้องคุยกับคุณซัส”
“ซัส? หมอนั่นเหรอ”
“อ่อใช่ ตอนที่คุณซัสเดินเข้ามาในผับ พี่เห็นคุณซัสถือกระเป๋าเงินสีน้ำตาลเยิ่นๆ มาด้วยนะ”
“ละ แล้วเขาอยู่ไหนคะพี่ บอกหนูหน่อยหนูต้องการกระเป๋าเงินคืน!” ใช่แน่ กระเป๋าเงินของฉันใบสีน้ำตาลที่มันเยิ่นจนจะพัง แต่ฉันก็เลือกที่จะใช้มันเพราะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายของแม่ที่ซื้อไว้ให้ ฉันถึงได้ตามหาไง ของในนั้นมีค่าก็จริง แต่สิ่งที่ใส่ของพวกนั้นต่างหากที่มีค่ามากที่สุด
“ไม่ต้องตามหาหรอก คุณซัสพักอยู่ที่นี่”
“พักที่นี่? หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็ผับที่นี่เป็นของคุณซัสน่ะสิ ตามเข้ามาเดี๋ยวพี่ไปบอกคุณซัสให้ ว่าแต่เราชื่ออะไร?”
“จินค่ะ บอกเขาว่าหนูชื่อจิน” ฉันเดินตามพี่ตัวโตเข้าไปในผับ ที่ไม่เคยเข้าเลยสักครั้งในชีวิตจนอายุครบยี่สิบปี แต่ตอนนี้ผับกำลังเก็บกวาดเศษซากจากเมื่อคืน ร่างตัวโตของพี่คนนี้หยุดที่หน้าห้องๆ หนึ่งที่เป็นประตูหรูหราอยู่ตรงบริเวณใกล้เวทีร้องเพลง “รอตรงนี้นะ”
ฉันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย มองสำรวจไปทั่วผับก็เห็นว่ามีเวทีร้องเพลง เคาน์เตอร์บาร์มีขวดเหล้าหลากหลายเรียงรายอยู่ โต๊ะและโซฟาที่ถูกจัดเข้ามุมอย่างสวยงาม แถมด้านบนยังมีโซนให้นั่งด้วยนะ มีดวงไฟหลากหลายสีซึ่งถูกปิดไว้ราวกับยังไม่ถึงเวลาจะเปิดมัน
“น้องคือยัยแห้งใช่หรือเปล่า?”
“ขะ เขาเรียกหนูแบบนั้นเหรอคะ”
“ใช่ คุณซัสบอกว่าถ้าใช่ ให้น้องเข้าไปพบได้” หนอย ไอ้บ้าห้าร้อย! ชื่อฉันก็มีทำไมถึงไม่เรียก ฉันยิ้มกว้างให้กับพี่ตัวโตก่อนจะยกมือไหว้เขาและเดินเข้าไปในห้อง... ห้องนอน?
ใช่ ห้องนอนของหมอนั่นที่กว้างมาก แต่ขยะพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย เสื้อผ้าของผู้หญิงที่ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี สายตาของฉันโฟกัสไปมองบนเตียง ก็เห็นร่างเปลือยเปล่าของใครบางคนที่มีรอยสักเต็มแผ่นหลัง แต่เพราะเป็นคนสายตาสั้นก็เลยเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองให้ชัด
“มองใกล้ขนาดนี้ มุดผ้าห่มเข้าไปดูของฉันเลยไหม?”
“ตะ ตกใจหมดเลยนะ!”
“มีอะไรยัยแห้ง... มาหาฉันทำไม” จู่ๆ ใบหน้าหล่อก็ชะโงกเข้ามาใกล้จนฉันถอยหลังแทบไม่ทัน มองข้างกายของเขามีผู้หญิงนอนหลับอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพบเจอกับอะไรมา เพราะไอ้เศษเครื่องป้องกันที่ถูกทิ้งเกลื่อนมันทำให้ฉันรู้และเข้าใจเลยล่ะ อยากจะอ้วกมากตอนนี้
“นายเก็บกระเป๋าเงินฉันได้ใช่ไหม ขอคืนเถอะ” ซัสยิ้มขำสะกิดผู้หญิงที่นอนข้างๆ ให้ลุกขึ้นออกจากเตียงไป ฉันเบิกตากว้างเมื่องมองหล่อนซึ่งลุกขึ้นโดยไม่สวมอะไรเลย แถมยังมองฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกด้วย เอิ่ม...
“กระเป๋าเงินอะไรของเธอ?”
“ก็พี่ตัวโตบอกว่านายเก็บกระเป๋าเงินได้ มันเป็นของฉันนะ!”
“จะแน่ใจได้ไงว่ามันเป็นของเธอ” เขาส่งยิ้มอย่างกวนตีนนิดๆ หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ พลางดึงผ้าขนหนูที่อยู่ใต้ผ้าห่มมาพันเอวไว้ “แน่ใจสิ ของในนั้นฉันจำได้หมดนะ”
“เหรอ ไหนว่ามาสิมีอะไรบ้าง?”
“มีบัตรประชาชน บัตรนักศึกษา เงินหนึ่งหมื่นบาทถ้วนเป็นสีเทาหมดเลย บัตรเอทีเอ็มสีดำ รูปถ่ายของฉันกับพี่ชายและก็รูปถ่ายของพ่อกับแม่...”
“อือหึ”
“มีแค่นี้ล่ะ ไม่มีแล้วนะขอคืนเถอะ” ฉันยืนดิ้นไปมาจนซัสหัวเราะขำๆ เขาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเงินสีน้ำตาลของฉันมาชู “เลขบัตรประจำตัวประชาชนคือ?”
“นะ นี่!”
“ตอบ...”
“เออ 1 2345 6789 xx x”
“โหเก่งแหะ แล้วเลขบัตรประจำตัวนักศึกษาล่ะ?” ซัสยังคงแกล้งฉันด้วยการให้บอกรหัสบนบัตร จนฉันกำหมัดแน่น “665 25 XX พอใจยัง?”
เขาไม่พูดอะไรแต่กลับเปิดกระเป๋าเงินฉันดูและยกยิ้มออกมา “นางสาวจิรภัทรสร คีรตา”
“จะคืนได้ยังเนี่ย นายรู้หมดแล้วนะ เอาคืนมาเลย!”
“เฮ้ย นี่คือวิธีการเอาของคืนจากผู้มีพระคุณหรือไงเนี่ย”
“นายจะแกล้งฉันนี่นา เอาคืนมานะ!” ฉันทนไม่ไหวแล้วพุ่งตรงไปคว้ากระเป๋าเงิน แต่ซัสก็ชูมันสูงขึ้นทั้งที่ตัวของเขายังนั่งอยู่และฉันยืน เออฉันควรจะชนะหรือเปล่า... เสียงหัวเราะของซัสยังคงดังไปทั่วห้อง ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้เขาเพื่อคว้ากระเป๋าเงิน
ตุ้บ
“อ๊ะ!” ร่างของฉันเซล้มลงทับร่างสูงที่นอนลงกับเตียง ใบหน้าของเราสองคนเกือบจะชนกันอีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ฉันรับรู้ถึงลมหายใจร้อนระอุมีกลิ่นเหม็นของบุหรี่ และสายตาคมกวาดมองไปทั่วใบหน้าฉันพร้อมกับแสยะยิ้ม
“อ่อยหรือไงยัยแห้ง?”
“บะ บ้าหรือไงเล่า!” ทันทีที่มีสติฉันลุกขึ้นจากตัวเขา พลางปัดตัวเองไปมามองกระเป๋าเงินซึ่งยังคงอยู่ในมือของเขา “ขอคืนเถอะ เงินนั่นฉันจำเป็นต้องเก็บไว้จ่ายค่าเทอมนะ”
“เอาเงินที่มีตอนนี้ไปทำนมดีกว่ามะ ผู้หญิงอะไรแบนหน้าแบนหลัง”
“เรื่องของฉัน เอากระเป๋าเงินคืนมานะๆ” ฉันทำหน้าบูดบึ้งจนซัสหัวเราะออกมา “เธอนี่ทำให้ฉันอารมณ์ดีได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากันเลยนะ”
“เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือไงเนี่ย”
“มั้ง อะเอาไป” เขาโยนกระเป๋าเงินมาให้ ฉันรับเอามาไว้ในอ้อมกอด “หวงจังนะ เยิ่นขนาดนั้น”
“ต่อให้ขาดหรือให้พัง ฉันก็หวง นี่แม่ฉันซื้อให้นะ!”
“เชอะ เด็กติดแม่”
“ติดได้ก็ดีน่ะสิ” พอเขาพูดแบบนี้ฉันก็หุบยิ้ม เก็บกระเป๋าเงินลงสบตากับเขาที่คาบบุหรี่ไว้ในปาก “อะไร มองทำไมแบบนั้น?”
“แล้วไม่ติดแม่หรือไงตอนนี้”
“พ่อกับแม่ฉันเสียไปนานแล้วตั้งแต่ฉันอายุแค่เก้าขวบ” ยิ่งพูดก็ยิ่งหดหู่ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่กับพี่รัมแค่สองคน ฉันอายุเก้าขวบส่วนพี่รัมอายุสิบสอง เราสองคนพี่น้องใช้ชีวิตกันสองคน ดีที่เงินประกันของพ่อกับแม่ทำให้ฉันเรามีชีวิตเติบโตขึ้นมาได้ แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเงินที่มีก็หมดลงไปอย่างเช่นตอนนี้ไง “แล้วตอนนี้อายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบ”
“อ่อนกว่าฉันปีหนึ่ง เธอควรเรียกฉันว่าพี่นะไม่ใช่ นายๆ”
“จำเป็นต้องเรียก?” ฉันแลบลิ้นให้กับเขาก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องแต่ไม่วายหันไปมองร่างสูงยืนบิดตัวไปมาราวกับขี้เกียจ “ขอบคุณนะที่เก็บกระเป๋าเงินให้ บายไอ้โรคจิต”