ซัสดื่มจิน #1
Sasus (เซซัส) = ไอ้โรคจิต,เจ้าชู้,เลว,ชั่ว ฯลฯ
ฉันนั่งอยู่ในมหาลัยจนถึงค่ำก็กลับพร้อมกับไอริชที่ให้พี่ชายมาส่ง แถมยังขอให้พี่ชายหางานให้ฉันด้วย ซึ่งมันจะมีหรือเปล่าล่ะ งานสำหรับคนอย่างฉันเนี่ย งานเบาเงินดี? ให้ตายก็หาไม่มีหรอก ฉันไม่ได้เป็นโรคอะไรหรอกนะ แต่แค่ฉันเป็นคนที่กินน้อยทำให้ร่างกายผอมแห้ง วันหนึ่งฉันกินข้าวแค่มื้อเดียวเองแค่ตอนเช้า ถึงได้ไม่มีแรงไปทำงานอะไรหนักๆ ที่สำคัญสายตาก็สั้นด้วย แต่ทำไมถึงไม่เลือกใส่แว่น เพราะขนาดยังไม่ใส่แว่น ฉันยังโดนแซวไม่หยุดเลย มีหวังถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงไม่ออกไปเผชิญโลกกว้างแล้วล่ะ
“กลับมาละ...!”
“ใครมาเหรอคะเคียนติ”
“น้องเพื่อน ให้มาอยู่ด้วย” ร่างสวยของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว และพี่เคียนติที่นั่งเท้าคางดื่มไวน์ที่เป็นชื่อของตัวเองอยู่ หัวใจแทบจะหยุดเต้น เรื่องสรรพนามของพี่เคียนติแล้ว ฉันรู้ว่าเขาควงผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้า แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเห็นด้วยตา “มาทานข้าวด้วยกันสิน้อง”
“มะ ไม่เป็นไรคะ หนูไม่หิว”
“ไม่หิว? น้องน่าจะทานมื้อเย็นด้วยนะ ผอมมากเกินไปหรือเปล่า”
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูไม่หิวจริงๆ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเดินตัวลีบเข้าห้องมาถอนหายใจอย่างเศร้าๆ อีกเหตุผลที่อยากหางานคือการหลีกหนีสิ่งที่ไม่อยากเห็น ฉันนั่งลงบนเตียงหยิบของในกระเป๋าออกมาวางบนเตียง
“ทำไมไม่กินข้าว?”
“พะ พี่เคียนติ” ประตูหน้าห้องเปิดขึ้น ตามด้วยร่างสูงที่ยืนพิงขอบประตู “นะ หนูไม่หิว ปกติหนูกินข้าวแค่มื้อเดียว”
“อยู่กับไอ้รัม อดยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่านะ หนูแค่เป็นพวกกินน้อยน่ะ” ฉันยิ้มแห้งๆ ไปให้พี่เคียนติ “แขนไปโดนอะไรมา”
“เออ พอดีหนู...”
หมับ
“แดงเลย ไปโดนอะไรมาจิน” ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้กับฉันแค่นิดเดียวเท่านั้น ลมหายใจที่มีกลิ่นไวน์เคียนติทำเอาฉันแทบจะลืมหายใจ ดวงตาคมมองฉันอย่างต้องการคำตอบ “นะ หนูแค่เดินชนประตู”
“รอยบีบไม่ใช่รอยชนประตู”
“วันนี้หนูเล่นกับเพื่อนแรงไปหน่อย ไม่มีอะไรจริงๆ พี่ออกไปกินข้าวเถอะ หนูอยากพักผ่อนแล้ว” ฉันก้มหน้าลงลูบแขนตัวเองที่ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขายังไม่หายไปไหน ครั้งแรกที่ถูกพี่เคียนติแตะต้องตัว... รู้สึกดีจัง
“โตแล้วนะจิน อย่าเล่นอะไรให้ต้องเจ็บตัว เข้าใจไหม?”
“หนูเข้าใจแล้ว”
“พรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยหรือเปล่า?”
“ไปคะ หนูต้องไปเก็บงาน” พี่เคียนติถอนหายใจออกมา จนฉันรู้ดีเลยว่าเขาคงลำบากใจที่จะต้องดูแลฉันแบบนี้ “ไปกี่โมง พี่จะไปส่ง”
“หนูไปเองได้นะ ไม่รบกวนพี่เคียนติ...”
“พี่จะไปส่ง” เขาย้ำชัดจนฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหล่อที่ยังคงมองฉันด้วยสายตานิ่งเฉย ไม่รู้ว่าเราสองคนจ้องมองกันนานแค่ไหน แต่เป็นตัวฉันที่หน้าร้อนเห่อ ลุกขึ้นยืนเก็บของตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน “ไปกี่โมงจิน?”
“กะ เก้าโมงเช้า” เสียงประตูปิดลงฉันทิ้งตัวลงกับเตียงนอน มองเพดานห้องอย่างหน่วงใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคืนนี้พี่เคียนติกับผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรต่อไป ถ้าไม่ใช่...
หาความสุขกันบนเตียง
รถ BMW Z4 สีขาวสุดหรูก็มาจอดในรั้วมหาลัยของฉัน แน่นอนว่าเป็นรถของพี่เคียนติที่ขับมาส่งฉันที่หน้าคณะ ถูกต้องเลยว่ามันจะต้องถูกจับตามองจนฉันแทบไม่อยากจะลงจากรถเลยด้วยซ้ำ เมื่อเช้าฉันตื่นขึ้นมากะว่าจะหนีพี่เคียนติมาเองแต่ผลปรากฏว่าร่างสูงกลับนั่งรอฉันอยู่ที่โซฟา ทำให้ฉันจำต้องมากับพี่เคียนติอย่างหนีไม่พ้น
“หนูไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว” น้ำเสียงเข้มแหบพร่าเรียกรั้งฉันไว้ สายตาของฉันจับจ้องมองไปที่กระเป๋าเงินสีดำ พี่เคียนติยื่นธนบัตรสีเทามาให้ฉันปึกหนึ่ง ซึ่งให้เดาคงไม่ต่ำกว่าหมื่นแน่ “พี่เคียนติจะฝากหนูซื้ออะไรเหรอ?”
“เปล่า พี่ให้เธอไว้ใช้”
“!”
“เก็บเอาไว้ เวลาอยากกินอะไรจะได้กิน... อย่าปล่อยให้ตัวเองอดอาหารจนตัวผอมบางไม่มีแรงแบบนี้” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ มองธนบัตรที่ถูกยัดมาใส่มือ “ไปได้แล้ว พี่ต้องไปทำธุระ”
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อลงจากรถสุดหรู สายตามากมายก็ทิ่มแทงมาที่ฉันเข้าเต็มๆ ไม่อาจจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ ฉันเลยเลือกไปนั่งรอไอริชที่โต๊ะหินอ่อน มองเงินในมือพลางถอนหายใจออกมา “ไงยัยแห้ง!”
“แม่หกหมดแล้ว!”
“แม่หกหมดอะไรของเธอ ฮ่าๆ”
“นะ นาย! เสนอหน้ามาที่นี่ทำไม ไม่ได้เรียนอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” และพอได้รู้ว่าใครทำให้ตกใจ ฉันก็ชี้หน้าด่าใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์ที่ยกยิ้มอย่างกวนประสาท “ไม่ได้เรียน แต่มาหาสาว”
“งั้นก็ไปนั่งไกลๆ ดิ ไม่จำเป็นไม่ต้องมาทักด้วย”
“ทำไมจะทักไม่ได้ ก็ฉันมาหาไอริช”
“นายอย่าบอกนะว่าจะเคี้ยวเพื่อนฉันอะ!”
“อืม ทำไมล่ะ?”
“หน้าด้าน ไอ้โรคจิต นายควงกับยัยก้อย เมื่อวานก็ควงกับอีกคน คิดจะเคี้ยวเพื่อนฉันเล่นๆ ใช่ไหม!”
“รู้ดีอะ ยัยแห้ง” ซัสหัวเราะออกมาจนฉันคว้าหนังสือที่วางอยู่เขวี้ยงใส่เขา แต่ทว่าร่างสูงก็คว้าไว้อย่างแม่นยำ “จะเล่นอะไร ดูด้วยนะว่าเล่นอยู่กับใคร?”
“หมา”
“ยัยแห้ง!”
“จินมาแล้ว... คะ คุณ!” ไอริชชะงักทันทีที่เห็นนายซัส เขาลุกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกลืนกินให้กับไอริช ดีนะที่เพื่อนของฉันเป็นพวกไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ถึงได้โสดอยู่เป็นเพื่อนฉันไง ไอริชมีคนมาจีบเยอะแต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจไง
“ผมซัสครับ”
“ไม่มีใครถามเลยนะ”
“ไม่มีใครอยากฟังเลยนะ” ฉันจับจ้องมองเขาที่ยกยิ้มและมองไอริช “เย็นนี้ไปทานข้าวกันไหม?”
“ขอโทษนะคะ คือฉันไม่อยากไปกับคนที่ไม่รู้จักด้วย คุณไปหาคนอื่นเถอะค่ะ” ฉันผุดขำ มองหมอนี่ที่หัวเราะและล้วงมือลงกระเป๋ากางเกง “ก็ดี ฉันเป็นพวกไม่ง้อใครหรอกนะ ไม่สนฉันก็ไม่เอา”
“โคตรแรง”
“หึ ฉันไม่เคยเดินตามผู้หญิง... มีแต่ผู้หญิงเดินตาม”
“เหมือนหมาเลยเนอะ”
“งั้นเธอก็เก่งนะ ยืนคุยกับหมาได้ด้วย” ซัสยักคิ้วก่อนจะถอยหลังไป เบ้ปากมองฉันกับไอริชและหันไปมองมองสาวสวยคณะอื่นที่เดินนวยนาดมาหาเขา หมอนั่นคงชอบผู้หญิงที่สวยๆ นมใหญ่ๆ แน่เลย เพราะดูที่ควงมานี่ฮอตทั้งนั้น
“ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากเลยนะจิน อย่าไปยุ่งกับเขามากนะ”
“ชิ ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอก แต่มันซวยน่ะสิที่ต้องมาเจอกัน!” ฉันมองรถหรูที่ขับออกไปอย่างหงุดหงิด เดินจูงมือไอริชเข้ามาในคณะเพื่อส่งงานแต่ก็เจอเข้ากับก้อยดาวคณะที่กอดอกอยู่กับเพื่อนสาวแสบสองคน “มีอะไรเหรอก้อย?”
“ซัสมาหาเธอทำไมจิน”
“มาหา เธอคิดว่าคนอย่างหมอนั่นมาหาฉันงั้นเหรอ คิดได้ไงอะ” ยัยก้อยไม่พูดอะไรแต่กลับจ้องหน้าฉันและมองไอริชด้วยสายตาอาฆาต “ดูเหมือนะซัสจะสนใจเธอนะไอริช”
“แต่เราไม่ได้สนใจเขา”
“แหงสิ คนอย่างซัสถ้าผู้หญิงไม่ตาม เขาไม่สนใจหรอก”
“แล้วไง เธอจะมาถามพวกฉันทำไม” ฉันเท้าเอวมองสายตาของก้อยที่ถอนหายใจและเดินสวนไปราวกับว่าฉันมันเหมือนกับอากาศธาตุ อะไรมาพูดๆ เสร็จก็ไปเนี่ยนะ “ก้อยรู้จักกับเขาคนนั้นด้วยเหรอ?”
“ตอนที่ฉันโดนรถหมอนั่นเฉี่ยว ยัยก้อยอยู่กับเขาด้วย สงสัยโดนทิ้งแล้วมาพาลกับเรามั้ง”
“เหรอ ช่างเถอะเราเอางานไปส่งดีกว่า จะได้ปิดเทอมสักที” ไอริชจูงมือฉันเข้าไปในคณะอย่างร่าเริง แต่ฉันก็ต้องหุบยิ้มเพราะถ้าปิดเทอมแล้ว ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่คอนโดพี่เคียนติ อยากให้ห้องของเขาเป็นเพียงแค่ที่ซุกหัวนอนก็เท่านั้น เพราะภาพเมื่อคืนที่เห็นมันบาดใจจนเจ็บไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว