BOY TOXIN :: INTRO [30%]

1768 Words
Gin (จิน,ยิน) ความหมาย = เป็นเหล้าสีขาว มีกลิ่นหอมของผลจูนิเปอร์ทำมาจากการกลั่นข้าว และผสมกลิ่นรสชาติของสมุนไพร ทุกวันนี้ประเทศอังกฤษเป็นชาติที่ผลิตเหล้าจินได้มากเป็นอันดับหนึ่ง และเหล้าจินของอังกฤษก็ได้รับความนิยม จากนักเลงสุราสูงสุด ในที่สุด... ในที่สุด สอบปลายภาพในชีวิตรั้วมหาลัยปีสอง คณะบริหารธุรกิจของฉันก็จบลง กรีดร้องด้วยความดีใจหลังจากออกมาจากห้องสอบ คิดว่าตัวเองต้องทำได้ดีทุกวิชาโดยไม่ติดเอฟ นี่คือหัวสมองของฉันที่ควรจะคิดแบบนั้น และมันต้องได้สิวะ เจ้าของส่วนสูง 168 ซม. ความสูงที่คิดว่าเป็นมาตรฐานของหญิงไทย เธอมีใบหน้าที่น่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากบางเล็ก ผมสีดำน้ำตาลถูกก้าวขึ้นเป็นหางม้าไว้อย่างลวกๆ สวมชุดนักศึกษาที่ค่อนข้างจะเรียบร้อย เดินอดอาลัยตายยากมานั่งฟุบที่โต๊ะหินอ่อนหน้าคณะตัวเอง “เฮ้อ ชีวิตในรั้วมหาลัยปีสอง สิ้นสุดลงสักที สถานีต่อไปคือเที่ยว!” ในหัวสมองคิดแต่เรื่องเที่ยวโดยไม่คิดถึงคะแนนสอบที่จะเป็นผลพวงในภายภาคหน้า ‘จิน’ นามของฉันที่เป็นชื่อของเหล้าชนิดหนึ่ง แต่ใช่ว่าฉันจะรู้จักของพวกนี้ดีนะ มันไม่ใช่เลยสักนิด “ทำไมเกิดมาชีวิตถึงได้รันทดแบบนี้นะ หัวสมองไม่ดีแถมยังไม่ไร้เสน่ห์อีกต่างหาก” ฉันบ่นพึมพำกับชีวิตที่แสนจะรันทดอดสู สอบเข้ามหาลัยได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ นอกจากจะเรียนไม่เก่ง ฉันยังดูไร้เสน่ห์จนเพื่อนในคลาสให้ฉายาว่า “ยัยแห้ง” เพราะรูปร่างผอมเพรียวแต่ไร้ส่วนโค้งเว้า แม้แต่หน้าอกของฉันมันยังแบนราบพอๆ กับแผ่นหลังเลย ท้อแท้กับชีวิตตัวเองชะมัด มีพี่ชายอยู่คนเดียวก็ไม่ค่อยจะกลับมาอยู่ที่บ้าน ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว ดีนะที่บ้านไม่ต้องเช่าเพราะมรดกชิ้นสุดท้ายที่พ่อกับแม่ให้ไว้ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ พวกท่านคงเห็นอนาคตสินะว่าสักวันฉันคงต้องพึ่งพี่ชายตัวเองไม่ได้ หลังจากสอบเสร็จฉันนั่งพักอยู่ในมหาลัยก่อนจะปิดเทอมลง ซึ่งมันคือสิ่งที่ฉันต้องการมากๆ เหตุผลที่ต้องมาสอบคนเดียวเพราะว่าเพื่อนรักของฉันสอบไปแล้ว ฉันเลยต้องมาสอบคนเดียวเนื่องจากวันนั้นฉันตื่นสายและป่วยทำให้มาสอบล่าช้ากว่าปกติ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันควรคิดโปรแกรมไปเที่ยวกับพี่ชายตัวเองดีกว่า ฉันเดินกอดอกไปตามทางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ทะเล? น้ำตก? หรือไปตั้งแคมป์ดีนา ปี้น! “ว้าย...” ตุ้บ เอี๊ยด! “อูย เจ็บง่ะขับรถบ้าอะไรแบบนี้วะ” ก้นของฉันกระแทกลงกับพื้นปูนอย่างแรงขณะที่รถต้นเหตุจอดลง แถมเป็นรถยี่ห้อหรูหราจนฉันกลืนน้ำลายลงอย่างลำบาก ประตูด้านคนขับเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาเจ้าเล่ห์ ดวงตาคมกำลังหรี่มองรถตัวเอง ริมฝีปากได้รูปแดงคล้ำกัดเข้าหากัน เขาเป็นคนที่สูงมากๆ มีผมสีดำแดงละต้นคอ มือหนาเสยผมตัวเองขึ้นไป ฉันมองเห็นรอยสักที่ลำคอแกร่งเป็นรูปใบไม้ ที่คุ้นตามากดูเหมือนจะคล้ายใบเมเปิ้ล ฝ่ามือขวาก็มีรอยสักเป็นรูปตัวการ์ตูนอะไรไม่รู้ เพราะไม่ได้สังเกตอะไรมากขนาดนั้น เขาหรี่สายตามามองฉันด้วยความหงุดหงิด “เดินข้ามถนนทำไมไม่มองรถวะ” “เออ...” “ยัยแห้งเอ่ย ถ้ารถฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอโดนเรียกเงินหมดตัวแน่!” เขาเดินมาดูรถตัวเองโดยไม่สนใจฉันที่นั่งฟุบกับถนน ใบหน้าหล่อหันมามองฉันอีกครั้ง “จะนั่งอ่อยอีกนานมะ หลุมดำของเธอฉันไม่ได้อยากมองนะเว้ย” “กะ กรี๊ด! อะ ไอ้บ้า ไอ้ลามก” “ด่าอะไรช่วยดูด้วยนะยัยแห้ง มานั่งแหกให้ดูแบบนี้จะหาว่าฉันลามกหรือไง?” “ที่ฉันต้องมานั่งฟุบแบบนี้ไม่ใช่เพราะนายขับรถมาเฉี่ยวเหรอไงเล่า” ฉันอารมณ์ขึ้นทันที สายตาของเขามองฉันที่ลุกขึ้นปัดกระโปรงนักศึกษา “มองทำไม?” “เหอะ ใครกันแน่ที่ผิดวะ รถของฉันวิ่งมาตามทางปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเธอต่างหาก” “กะ ก็นั่นแหละถึงยังไงนายก็เฉี่ยวฉันนะ รับผิดชอบหน่อยสิ!” เขาเอียงคอมองฉันด้วยสีหน้าที่โคตรจะดูถูก เอาความจริงฉันก็ไม่ได้ต้องการอะไรหรอกนะ แค่คำขอโทษก็ยังดีนี่นา “อ่อยหรือไงยัยแห้ง” “วะ ว่าไงนะ?” “ฉันถามว่าเธอคิดจะอ่อยฉันหรือไง” ฉันอ้าปากเหวอมองร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ ก้มใบหน้าลงมากวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างของฉันที่ถึงแม้มันจะไม่มีอะไร แต่ก็ต้องปกปิดไว้ “โรคจิต” “หึ ฉันเจอมาเยอะนะพวกผู้หญิงที่ชอบมาอ่อยให้ฉันเคี้ยวเล่นน่ะ” “นายหลงตัวเองมากไปหรือเปล่า? ฉันไม่รู้จักนายนะ แล้วฉันจะมาอ่อยนายทำซากอะไร” “จริงอะ ไม่รู้จักแล้วทำไมถึง... อยากให้ฉันรับผิดชอบจังล่ะ” “ที่ให้รับผิดชอบคือนายขับรถเฉี่ยวฉัน ไม่ได้หมายถึงให้รับผิดชอบอะไรแบบที่นายคิดนะ” ผู้ชายคนนี้ยังคงยิ้มเยาะ เขาถอนหายใจออกมา “นี่ยัยแห้งไร้เสน่ห์” “อะ ห๊ะ!” “เธอนั่นแหละยัยแห้งไร้เสน่ห์ เธอไม่ใช่สเปกฉันว่ะ และก็นะฉันไม่รับผิดชอบให้กับผู้หญิงที่คิดมาอ่อยหรอก” “นะ นาย!” “พี่ซัสคะ เสร็จยังคะหนูรอนานแล้วนะ” ฉันชะโงกหน้าไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่โผล่นหน้าแหลมๆ ออกมาจากรถ นั่นมันยัยก้อยเพื่อนคณะเดียวกับฉันที่เป็นดาวคณะนี่นา “อ้าวจิน เธอเองเหรอที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ซัส?” “จิน” “ใช่คะพี่ซัส จินเป็นเพื่อนร่วมคลาสกับก้อยเอง” เขาคนนี้ที่ชื่อว่า ‘ซัส’ มองฉันด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ แถมบวกด้วยความกวนตีนที่ฉันอยากจะกระโจนไปกัดคอมันให้ขาด “อ่อชื่อจิน” “เออแล้วจะทำไม?” “เปล่า ฉันไม่มีเวลาว่างมาเคี้ยวเธอหรอกนะ ที่สำคัญเธอไม่เหมาะจะเป็นหมากฝรั่งให้ฉันเคี้ยวหรอก” “ห๊า!” ฉันงงกับคำพูดของหมอนี่มากเลยนะ ตั้งแต่คิดว่าฉันอ่อยเขาแล้ว? บ้าหรือเปล่าเจอกันครั้งแรกนี่คิดว่าอ่อยเหรอ คิดได้ไงกัน “ถ้าเจอกันอีก อย่าอ่อยฉันนะ บอกไว้ก่อนฉันไม่สนหุ่นแห้งๆ และก็ผู้หญิงไร้เสน่ห์... มันเคี้ยวไม่อร่อย” “นะ นี่นาย!” “ฉันไม่มีเวลามายืนให้เธออ่อยนะ ฉันจะต้องไปเคี้ยวเพื่อนเธอแล้ว โอเค?” เขายกยิ้มและเดินจากไป ก่อนที่รถหรูจะเคลื่อนผ่านจนฉันที่ยืนอึ้งอยู่ ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ “มะ มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย! กรี๊ดดด” มืดค่ำมาถึง หลังจากที่ยืนงงอยู่ในดงตีนก็เลยกลับมาถึงบ้านสองชั้นที่เงียบสงบ เพราะพี่ชายตัวแสบที่อายุห่างกับฉันสามปี หายหัวไปซุกอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหนื่อยมากบอกเลย! ไม่ได้เหนื่อยอะไรนะ เหนื่อยกับคนบ้าไง ไอ้บ้าซัส! เกือบจะเรียกเขาว่าสัตว์แล้วนะ แต่ก็เหมือนอะว่าจริงไหมล่ะ พรึบ “พะ พี่...” ไฟในบ้านสว่างขึ้น ฉันเห็นแผ่นหลังของผู้ชายที่สูงยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าครัว ก็วิ่งถลาไปกอดรัดร่างสูง ใช่เลยพี่ชายของฉันแน่นอน “พี่ ‘รัม’ หนูคิดถึงจัง หายหัวไปไหนมาห๊ะ!” ฉันซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง สูดเอากลิ่นกายของพี่รัมที่คิดถึงเข้าปอดให้มากที่สุด แต่ทว่า... กลิ่นหอมนี่มันไม่คุ้นจมูกเอาเลยแหะ แถมพี่รัมยังยืนนิ่งไม่ไหวติงเลยสักนิดที่น้องสาวแสนสวยกอดรัดอยู่ ฉันเพ่งสายตาที่สั้นของตัวเองมองไปที่ท้ายทอยก็เบิกตากว้าง เพราะ... พี่รัมไม่มีรอยสักรูปปีกนางฟ้าสีดำอยู่ที่ท้ายทอย ใบหูทั้งสองข้างที่ติดต่างหูสีดำอีกนับสิบ ไหนจะทรงผมสีดำสนิทที่ไถข้าง ฝ่ามือของฉันปล่อยออกจากเอวหนา ค่อยๆ มองร่างสูงที่หันมาสบตากับฉัน “พะ พะ พี่ ‘เคียนติ’...” ใบหน้าหล่อนิ่งเฉย แถมส่งสายตาเย็นชามาให้ เขาคนนี้คือเพื่อนของพี่รัมที่ฉัน “แอบรัก” ใช่ ฉันแอบรักพี่เคียนติมาตั้งแต่สมัยที่พี่เขายังเรียนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับพี่รัม กระทั่งมาถึงตอนนี้ที่ทั้งคู่เรียนจบแล้ว ฉันก็ยังคงแอบรักเขาอยู่ และพี่เคียนติเองก็รู้มาตลอดว่าฉันรู้สึกยังไงกับเขา แต่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่เคยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง เขาเป็นบุคคลที่อ่านยากมากจนฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ฉันถอยหลังจนไปชนเข้ากับขอบโต๊ะและมันก็ซ้ำกับบริเวณก้นที่เพิ่งถูกไอ้บ้าซัสเฉี่ยวมา “แขนไปโดนอะไรมา?” “อะ เออ... หนู” ฉันไม่กล้าแม้แต่จะพูดกับเขาด้วยซ้ำ นอกจากจะกลัวเขาแล้ว มันยังใจเต้นทุกครั้งที่สบตากับเขา แถมยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กอดเขา สูดกลิ่นกายของเขาเข้ามาในปอดและฉันสัญญาเลยว่าจะไม่ให้กลิ่นของพี่เคียนติเล็ดลอดออกจากปอดผ่านโพรงจมูกออกมาแน่ “นะ หนูล้ม” “ทำยังไงถึงได้ล้ม โตแล้วนะ” “หนูเปล่าล้มเอง รถเฉี่ยวก็เลยล้ม” ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วย แต่จำต้องมองตาเขา พี่เคียนติถอนหายใจออกมา เขากวาดสายตามองไปรอบบ้านจนฉันมึนงง “ไปเก็บของ” “อะไรนะ พี่เคียนติให้หนูทำอะไร?” “เก็บของ เสื้อผ้าของเธอทั้งหมด แล้วไปอยู่กับพี่” “!” “ให้เวลายี่สิบนาที” “ดะ เดี๋ยวสิพี่เคียนติ หนูไม่เข้าใจ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD