Introduce
พี่ต๊อบ น้องชม
INTRODUCE
“ชมพู วันนี้เราไปเดินสยามกันไหม เค้กอยากไปดูกล้องรุ่นใหม่ ว่าจะเอาไว้มาถ่ายในวันจบ”
เสียงเพื่อนสนิทของฉันดังขึ้นด้านข้างกัน เรากำลังเดินตีคู่กันออกจากโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในแถบชานเมือง
“เราต้องไปช่วยแม่ขายของ ช่วงนี้คนที่ร้านวิ่งวุ่นกัน”
ฉันปฏิเสธแบบเนียน ๆ การมีเพื่อนที่มีฐานะดีกว่า มันลำบากใจ ก็ตอนที่เธอชวนไปไหนต่อไหน ฉันก็ต้องหาข้ออ้างมาเลี่ยงที่จะตามไปทุกที
“นะ ไปเป็นเพื่อนเค้กหน่อย เดี๋ยวเราให้คนรถไปส่งชมพูที่บ้าน”
เค้กกอดแขนฉันด้วยท่าทางน่ารัก ใช้สายตาหวานเชื่อมอ้อนวอนกัน
ส่วนฉัน ก็ใจอ่อนไปตามระเบียบ
“ก็ได้ แต่เราไม่กลับค่ำนะ”
“รักชมพูที่สุดเลย”
ฉันชื่อ ชมพู เป็นแค่ลูกแม่ค้าอาหารตามสั่งธรรมดา ได้เรียนที่นี่ก็เพราะได้รับทุนจากการแข่งขันล้วน ๆ ลำพังแม่คนเดียว ส่งพี่สาวฉันเรียนมหา'ลัย ก็แทบใช้เงินแบบเดือนชนเดือนแล้ว
ส่วนเพื่อนที่ชอบชวนฉันไปนั่นนี่ เธอชื่อ ขนมเค้ก แต่เพราะเราคือเพื่อนกัน เธอเลยให้ฉันเรียกกันแบบสนิทสนม แค่เค้กพยางค์เดียวก็เพียงพอ ลำพังแม่ของเธอเรียกชื่อเต็มคนเดียวก็เลี่ยนจะแย่แล้ว เธอบอกฉันแบบนั้น
“ลุงจั่น มีอะไรข้างหน้าเหรอคะ”
เค้กเอ่ยถามคนขับรถของเธอ ที่ตอนนี้ได้จอดรถเฉย ๆ ทั้งที่ตรงนี้ไม่ได้มีสัญญาณไฟอะไร
“วัยรุ่นตีกันครับคุณหนู ผมจะลองเลี่ยงไปอีกทาง”
แต่พอลุงจั่นกำลังจะหาทางออกไปจากตรงนี้ ก็มีบางอย่างมากระทบกับฝากระโปรงหน้ารถ
มันคือมีดปลายแหลม ที่ขนาดความยาวเท่าหนึ่งศอกของฉัน ผู้ชายที่มีใบหน้าดุดัน รอยสักเต็มแขนเดินมาหยิบเอาหน้าตาเฉย แต่ก่อนจะไปเขาหันมามองทางด้านหลัง ที่มีฉันกับเค้กนั่งอยู่
เค้กกอดฉันแบบอัตโนมัติ เรามองเห็นกัน เพราะรถคันนี้มันเป็นกระจกใส
พี่ชายคนนั้น คนที่อยู่ท้ายซอย คนที่ชอบสั่งข้าวทีละหลายกล่อง เป็นคนที่ฉันชอบเห็นเขานั่งสูบบุหรี่อยู่คนเดียวเวลาฉันเอาข้าวไปส่งตามที่แม่สั่ง
ทำไมเขาต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น...
“เด็กพวกนี้ แค่ต่างสถาบันก็ใส่กันยับเลย เดือดร้อนคนใช้รถใช้ถนนกันไปหมด”
ลุงจั่นพึมพำทั้งยังส่ายหัว
พี่ชายคนนี้ เขาน่าจะเรียนจบแล้วนะ มันไม่ใช่ต่างสถาบันหรอก มันอาจจะเป็นความแค้นส่วนตัว
“ลุงจั่นอย่าเล่าให้คุณแม่ฟังนะคะ เดี๋ยวจะบ่นเป็นห่วงเกินเหตุอีก แค่นี้เค้กก็ไม่ได้ไปไหนแล้ว”
“ครับคุณหนู”
ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินเที่ยวกับเค้ก เค้กเป็นน่ารัก ใจดี บางทีใจดีเกินเหตุเป็นฉันเองที่เกรงใจเธอ
เค้กชอบซื้อของเป็นคู่ ไม่ว่าจะน้ำหอม โลชั่นบำรุงผิว ทุกอย่างที่เธอใช้ก็ว่าได้ แล้วเธอก็จะแบ่งให้ฉันเท่า ๆ กัน ที่ฉันไม่ค่อยอยากมากับเค้ก ก็เพราะเหตุนี้นี่แหละ
“เจอกันพรุ่งนี้นะเค้ก”
ฉันบอกหลังจากที่รถมาจอดอยู่หน้าร้านของแม่
“เรารักชมพูนะ ชมพูเป็นคนเดียวที่เข้าใจเรา”
เป็นอีกอย่างที่เค้กชอบพูด เธอชอบบอกรัก ชอบการสกินชิพ ซึ่งบางทีฉันก็ขนลุกเป็นบางครั้ง
รถยนต์ขับเคลื่อนออกไป ทิ้งเพียงความไม่มั่นใจในตัวฉัน บางทีฉันก็ไม่ชอบนะ แต่พอพูดไป เค้กก็จะเสียใจ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบทำร้ายน้ำใจใคร เลยเก็บความอึดอัดไว้กับตัวดีกว่า
“คราวนี้ได้มาเยอะเลย ไหนมีอะไรบ้าง”
ส่วนนี่ คือเสียงพี่สาวแท้ ๆ ของฉัน ทุกครั้งที่ฉันได้ของมาจากเค้ก เธอจะขอดู และ ขอเอาไปใช้ เพราะส่วนตัวฉันเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้าแต่งตัวเท่าไหร่
เรานอนห้องเดียวกัน แต่คนละเตียง เวลามีอะไรติดมือมา พี่สาวฉันจะเห็นทุกอย่าง
“เพื่อนแกนี่ดีจัง ซื้อแต่ของแพง ๆ ให้”
พี่ ชมพู่ รื้อของไป ปากกระจับสวยของเธอก็ขยับตามไป
แม่จะเรียกพี่ชมพู่ว่า พู่ ส่วนฉันชื่อชมพู แม่จะเรียกว่าชมเฉย ๆ
ปีที่แล้วเธอไปอยู่หอ เนื่องจากพึ่งศึกษาปีที่หนึ่ง แต่ปีนี้ต้องกลับมานอนบ้าน เพราะต้องช่วยกันประหยัดค่าใช้จ่าย
ซึ่งมันเป็นหายนะสำหรับตัวฉันมาก ๆ
“ใช้มั้ยน่ะ พี่ขอนะ”
ฉันชินกับการถามแบบนี้ละ ไถ่ถามเพื่อลองเชิง สุดท้ายก็ใช้ความเป็นพี่น้องมาอ้างในการริบของฉันไปอยู่ดี
ฉันรีบอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนักเรียนออกเพื่อซัก แต่ตอนที่จะเอาไปตากตรงระเบียง สายตามองไปด้านล่าง เห็นหัวผู้ชายสามคนนั่งอยู่ เวลานี้ปกติแม่จะปิดร้านแล้วนะ
แล้วใครยังมานั่งอีก.....
“มาพอดี ช่วยแม่ยกไปให้พี่เขาหน่อย”
แม่ฉันที่พึ่งจะราดกะเพราลงไปในจานข้าว เอ่ยบอกกับฉัน อยากไปเห็นหน้าชัด ๆ อยู่เหมือนกัน ว่าคนที่มารบกวนได้แม้กระทั่งตอนร้านปิดไปแล้ว
หน้าตามันเป็นยังไง!
“เอ้า ชม ไปสิ เดี๋ยวพี่เขารอนาน”
แม่สะกิดบอก ที่ฉันหยุดฝีเท้า ก็เพราะสายตาไปปะทะเข้ากับลูกค้าพอดีไง
พี่ชายคนนั้น กับเพื่อนอีกสองคน
“เก็บมีดไป ไอ้เชี่ยต๊อบ”
พี่คนที่ใส่แจ็กเก็ตยีนส์แขนยาว บอกพี่ชายคนนั้นให้เก็บอาวุธ
นี่ไม่ใช่เอามีดมาขู่ให้แม่ฉันขายข้าวให้หรอกนะ
“เก็บทำไม ใกล้มือดี มีอะไรก็หยิบมากระซวกได้ทัน”
แล้วทำไมต้องมองหน้าฉันเวลาพูดด้วยล่ะ แค่ตอนเย็นฉันเห็นเขาหยิบมีด ฉันก็กลัวแล้วนะ
“ของเหลือทำแค่นี้นะต๊อบ วันนี้ขายดี แค่นี้น่าจะพอกินนะ”
แม่พูด หลังจากที่เอาจานข้าวมาวางที่โต๊ะของพี่เขา
“แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่ ป้าไม่ด่าให้ก็ดีแล้ว ขอบคุณครับ”
พี่อีกคนที่นั่งด้านซ้าย ท่าทางน่าจะชอบกวน เพราะใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์กว่าใครเพื่อน
“วันหลังก็โทรมาบอกก่อนนะ ป้าให้เบอร์ไปแล้วไม่ใช่เหรอต๊อบ”
“ครับ”
ตอบแม่ก็เชิญส่องตาไปที่แม่สิ จะมองฉันเพื่อ?
“เดี๋ยวป้าไปหยิบน้ำให้ละกัน”
พอแม่ให้หลังไป ฉันที่กำลังจะเดินตามแต่ต้องหยุดกึก เพราะมีบางอย่างหล่นมาเกือบโดนเท้า
“ไอ้ต๊อบ”
พี่อีกคนอุทานเสียงดัง ระคนตกใจ
ก็ไอ้พี่คนนั้น มันแกล้งเอามีดมาวางในตอนที่ฉันจะก้าวขาเดินน่ะสิ ทำคนอื่นตกใจ ยังมีหน้ามากระตุกยิ้มอีก
“ขอโทษนะน้อง เพื่อนพี่มันสติไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ พอดีวันนี้พึ่งไปออกแรงมา เส้นมันเลยกระตุก”
พี่คนที่อุทาน เอ่ยคำขอโทษให้แทนเขา ส่วนเจ้าตัวนั่งมองอยู่ได้ สงสัยจะสติไม่ดีอย่างที่พี่คนนี้ว่าจริง ๆ
ฉันไม่ตอบ แต่มองเขาอย่างไม่ชอบใจ แล้วรีบเดินไว ๆ หนีสายตาดุดันนั่น
เป็นบ้าอะไรของเขา กวนประสาทคนเป็นนิสัย ใครอยู่ใกล้ ได้ปวดประสาทไปทั้งวันแน่