ตอนที่ 3 ท้องจริง
ร่างบอบบางกำลังหลับพริ้มอยู่ในห้องนอน ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ดวงตาของอีกฝ่ายกำลังยิ้มอย่างมีความสุข นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่เห็นนางหลับเช่นนี้
เขาถึงขั้นยิ้มตามนางแล้วใช้นิ้วค่อย ๆ เกลี่ยใบหน้าเกลี้ยงเกลาของภรรยาสัมผัสอย่างแผ่วเบากลัวว่านางจะตื่น และเลื่อนมือสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบของนางเขาอดที่จะอย่างแปลกใจไม่ได้
“ไม่ใช่จะโต กว่านี้หรือ” เขาสงสัย คิดว่านางและสาวใช้อาจจะโกหกก็ได้เรื่องที่นางตั้งครรภ์ วันนั้นที่นางเป็นลมไม่ได้มีท่านหมอมาตรวจเพียงแต่สาวใช้เป็นคนบอก นางโกหกหรือ
พลันสีหน้าที่อารมณ์ดีเมื่อครู่กลายเป็นขุ่นมัวยามเมื่อลูบหน้าท้องของนางที่แบนราบมินูนเด่น เขาไม่รู้ว่าท้องแรกจะใหญ่หรือเล็กเช่นนี้
เขาเป็นบุรุษเชี่ยวชาญการศึกมิได้เชี่ยวชาญเรื่องสตรีตั้งครรภ์ เช่นนั้นจึงได้เก็บความสงสัยและตามท่านหมอมาตรวจอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
อวี้เหยารู้สึกผ่อนคลายนักที่ได้กลิ่นกายจากใครบางคนกลิ่นที่คุ้นเคยเช่นนี้ นางกำลังฝันว่าได้นอนกอดเขาและหลับอยู่ในอ้อมกอด พลางขยับเข้าไปใกล้ ๆ แผงอก ซุกหน้าเกลี้ยงเกลาลงที่อกแกร่งของเขา วงแขนของนางกอดที่เอวราวกับว่ากลัวเขาจะหายไป
เมื่อนึกได้ว่านางจะเสียเขาไปจึงได้ร้องไห้เสียใจในห้วงแห่งความฝัน นางละเมอรำพึงรำพันเป็นถ้อยคำออกมา มีแต่คำว่า คนบ้า คนไร้รัก คนชั่ว ไอ้คนเห็นแก่ตัว ทำให้คนที่ถูกนางกอดนั้นแทบจะหักคอภรรยา ขนาดนอนหลับยังก่นด่าเขาได้อีก
หากนางตื่นมามิเรือนแตกหรอกหรือ
เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องโมโหเป็นแน่ที่เห็นเขาอยู่บนเตียงกับนางเช่นนี้ เมื่อคืนแอบย่องมาดูนางหลับเพื่อจะห่มผ้าให้ แต่แล้วถูกแขนของนางโอบเพียงนิดเดียวเขาจึงได้นอนข้างกาย
หวังว่าจะพักสายตาสักครู่ แต่นึกไม่ถึงว่าหลับไปยามไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แต่ยังโชคดีที่คนท้องยังไม่ตื่น เกรงว่านางจะอาละวาดเสียยกใหญ่
อวี้เหยารู้สึกตัวเหมือนเตียงนอนมีบางอย่างที่เคลื่อนไหวไม่ใช่นางจึงค่อย ๆ ไล่ความมืดมิดออกจากดวงตา พลันเห็นใบหน้าของสามีแต่เช้าเช่นนี้ จึงคิดได้ว่า เขามานอนกับนางหรืออย่างไร
“ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว ออกไปนะ” นางสบถด่าเขาแต่เช้า คาดว่าวันนี้ทั้งวันอารมณ์คงจะไม่ดีแน่
“ฮูหยิน ใจเย็น ๆ เมื่อคืนเจ้าเป็นคนกอดข้าเองนะ” เขายกยิ้มที่มุมปากอย่างเหนือกว่านาง เมื่อคืนเป็นนางเองที่กอดเขา
“ตื่นเช้า ๆ แบบนี้ออกไปเดินเล่นสูดอากาศดีหรือไม่” เขาหวังดี ไม่อยากให้นางอุดอู้อยู่แต่ในห้อง แต่ถ้าหากนางออกไปเจอเหล่าชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างนอก นางมิก่นด่าเขาเสียยกใหญ่หรือไร
ก็แค่กลัวนางหนี เขาจึงได้ทำถึงเพียงนี้ หากใครรู้เข้า เขาอาจจะถูกหัวเราะเยาะเป็นแน่
“สูดอากาศ อากาศดีหรือ มีท่านอยู่เกรงว่ามันคงจะมีแต่กลิ่นเหม็นก็ว่าได้ เชิญท่านตามสบายเถิด จะไปไหนก็ไป ข้ามีเรื่องให้จัดการอีกมาก” นางไม่อยากจะออกไป อยากจะพักสักเล็กน้อยเริ่มวิงเวียนเพราะเขาเข้ามาเนี่ยแหละ
“เจ้าท้องอยู่ จะจัดการอะไร หากไม่เดินเล่นก็นอนพักผ่อนเสีย” เขาเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าหน้าของนางซีดกว่าเดิม เห็นทีว่าจะต้องตามท่านหมอมาตรวจให้แน่ชัด
“ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงข้า” อวี้เหยานางลืมไปคิดว่าเขาเป็นห่วงนาง
“ข้า เอ่อ...” เขาเป็นห่วงแต่ปากแข็ง
“อ้อ ลืมไป ท่านไม่เคยมีข้าอยู่ในสายตาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วนี่ ข้าสำคัญตัวเองผิดไป ไม่ต้องมาห่วงลูกในท้องของข้า สาย ๆ ข้าจะให้คนเอาของไปให้” นางพูดถึงเรื่องหนังสือหย่า
นางเขียนอีกหลายสิบแผ่น กะว่าหากเขาฉีกแผ่นนี้ทิ้งไป นางจะให้สาวใช้เอาไปให้เขาอีก ดูสิว่าใครมันจะเก่งกว่าใคร นางจะเล่นสงครามก่อนออกไปจากจวนนี้
“ของอะไร” เขางงไม่น้อย
“เดี๋ยวก็รู้เองละว่าของอะไร เชิญออกไปได้แล้ว” อวี้เหยายกมือขึ้นไล่เขาราวกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง คนตัวโตไม่กล้าโต้เถียงเมื่อเห็นสีหน้าของนางที่เหมือนจะอาเจียนอีกแล้วไวไม่ทันความคิด นางก็โก่งคออาเจียน อ้วก อ้วก อ้วก
“ฮูหยินเจ้าคะ ข้าวต้มกับยามาแล้วเจ้าค่ะ” อาเมิ่ง ยกข้าวต้มเข้ามาพร้อมกับยาแก้อาเจียน มีอีกหนึ่งถ้วยเป็นยาเม็ดสีดำ เป็นยาบำรุงครรภ์โดยเฉพาะ
“นั่นยาอะไร ทำไมมีสองถ้วย” คนเป็นห่วงจึงได้ถามขึ้น เขาอยากรู้ว่านางดื่มยาที่ว่ามีอะไรบ้าง เขาจะได้สั่งให้ท่านหมอมาอยู่ดูแลนางและจัดเทียบยาบำรุงครรภ์ เขาไม่อยากเห็นนางเป็นแบบนี้
“อย่ามายุ่ง ยาอะไรก็ช่าง จะสนใจทำไม เชิญไปได้แล้วท่านอยู่ ข้าจะอาเจียน เหม็นจริง ๆ” อวี้เหยาแกล้งว่าเขาเหม็น เพื่อที่จะได้พูดคุยกับสาวใช้
ท่านแม่ทัพเดินจากไป อาเมิ่งก็ยกมือขึ้นป้องปากของนางกระซิบอย่างแผ่วเบากลัวว่าใครจะได้ยิน จากนั้น อวี้เหยา โมโหไม่น้อยพลางหยิบหมอนได้ก็ปาไปข้างนอก เพื่อระบายความกรุ่นโกรธที่กำลังปะทุในอก
“เขาจะขังข้าไว้ในนี้เลยหรือ ช่างกล้านัก อย่างไรข้าจะออกไปให้ได้” อวี้เหยาทรุดกายนั่งลงที่เก้าอี้ มือเรียวของนางลูบที่ท้องน้อยเบา ๆ พลางมองดูที่ท้องน้อยอย่างอ่อนใจ
“ลูกแม่เจ้าจะต้องเข้มแข็งเพื่อแม่นะ แม่ไม่ยอมให้ใครมาพรากเราจากกันไปได้แน่ แม่ไม่มีทางยอม” นางร้องไห้สะอื้นเบา ๆ อาเชาที่เร้นกายพลางสงสารไม่น้อย
ท่านแม่ทัพก็ปากแข็ง แค่คำว่า รัก พูดออกไปนั้นมันยากนักหรือไง อาเชาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้านายสาวอย่างไรดี เห็นนางร้องไห้เช่นนี้ เขาไม่สบายใจนัก
สตรีตั้งครรภ์อารมณ์แปรปรวนบ่อย มักต้องการคนที่ดูแลเอาใจใส่ ไม่เพียงแค่ท่านแม่ทัพไม่ดูแลมิหนำซ้ำบางครั้งก็พูดจาทำร้ายจิตใจ
อวี้เหยาอยากออกไปเห็นกับตาว่ามีชายชุดดำกี่คนกันที่มาเฝ้านางเอาไว้ เมื่อรับสำรับมื้อเช้าพร้อมยาแล้ว ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็มีท่านหมอสองคนมาขอตรวจอาการ อวี้เหยา มองไปคนที่ยืนทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ด้านหลังท่านหมอ
“หากไม่เชื่อว่าข้าตั้งครรภ์ เหตุใดท่านไม่ยอมหย่ากับข้าเสียที” อวี้เหยายื่นแขนให้ท่านหมอจับชีพจร แต่ปากของนางยังเอ่ยต่อว่าสามี
“ก็ไม่อยากหย่าแล้ว” ท่านแม่ทัพไม่รู้จะเอาเหตุผลใดมาอ้าง เขาเลยยกลูกขึ้นมาบังหน้าเพื่อรั้งให้นางอยู่ต่อ ตอนนี้เขาคิดได้แล้วและหวังจะให้นางอภัยในสิ่งที่เขาโง่เขลาเบาปัญญามองไม่เห็นค่าของนาง
“พูดง่ายนัก ไม่อยากหย่า หากวันใดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาท่านก็มาขอหย่ากับข้าอีกหรือ ฝันไปเถิดว่าท่านจะขังข้าเอาไว้ในจวนได้ ไม่มีทางนอกเสียจากท่านใส่ตรวนที่ขาของข้ากระมัง” อวี้เหยานางท้าทายเขา
หากเขาล่ามขานางไว้แน่นอนว่าย่อมหนีไม่ได้ นางมีมือมีเท้าอย่างไรก็ต้องออกจากจวนนี้ไปได้อยู่ดี
“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินท้องได้สามเดือนแล้วขอรับ ดูท่าเด็กแข็งแรงดี แต่ท่านแม่ทัพควรพูดจาให้ดี ๆ รักษาน้ำใจของคนท้องไว้บ้าง อารมณ์ช่วงนี้อ่อนไหวนัก อย่าให้กระทบกระเทือนจิตใจ มิเช่นนั้นอาจจะแท้งได้ขอรับ” ท่านหมอเอ่ยขัดเมื่อเห็นว่ากำลังมีไฟกองน้อย ๆ ที่กำลังปะทุขึ้น
ด้วยฝีปากของฮูหยินที่ต่อว่าท่านแม่ทัพ เขาเป็นหมอมาหลายสิบปี ยังไม่เคยเห็นฮูหยินจวนใดเอ่ยท้าสามีเช่นภรรยาท่านแม่ทัพเลย น่านับถือยิ่ง
“ดี เช่นนั้นตกรางวัลท่านหมอ” อาเจาน้อมรับคำสั่ง เชิญท่านหมอไปรับรางวัลที่เรือนใหญ่ ที่นี่ปล่อยให้สามีภรรยาเขาทำความเข้าใจกัน
หยางเฟยฉี แม่ทัพผู้เด็ดเดี่ยวกล้าหาญชาญชัย ชนะทุกศึก แต่เขากลับแพ้ศึกในจวนอย่างราบคาบ เมื่อภรรยาของเขาตั้งครรภ์
ปากบอกจะหย่าแต่ใจเป็นห่วง คนปากแข็งเช่นท่านแม่ทัพต้องถูก ฮูหยินสั่งสอนถึงจะถูก อาเจานั้นยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าท่านแม่ทัพยอมศิโรราบให้กับฮูหยิน ตั้งแต่วันที่แต่งงาน จนกระทั่งนางตั้งครรภ์
ท่านแม่ทัพนั่งลงที่เตียงนอน พลางกอบกุมมือเรียวของภรรยา อวี้เหยามองเห็นเขาอ่อนโยน แต่นางไม่เคยเชื่อเลยว่าเขาจะเปลี่ยนไป เพียงแค่นางท้องเท่านั้น
เขายอมเพื่อลูกไม่ใช่นางเป็นแน่ อวี้เหยาครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่จะทำตามน้ำเพื่อให้เขาตายใจและนางจะได้ไป เขาจะได้รู้ว่าความรักนั้นย่อมมีความเจ็บปวด นางเจ็บมากเกินพอแล้ว
“เหยาเอ๋อร์ ภรรยารัก เจ้าอยากได้อะไรบอกพี่มาเถิด พี่จะหามาให้เจ้า”
“ข้าก็บอกท่านแล้วอย่างไรว่าจะหย่า ท่านก็ไม่ยอม เอาแบบนี้ดีหรือไม่”
“จะเอาแบบไหนพี่ยอมทั้งนั้น ขอให้เจ้าอยู่กับพี่ที่นี่”
“ท่านก็ยกเลิกที่จะแต่งงานกับคุณหนูไป๋เสีย ได้หรือไม่เล่า ความรักของท่าน แลกกับลูกในท้องของข้า แต่มีข้อแม้นะ ลูกอยู่ข้าอยู่
ท่านไม่มีสิทธิ์มาขับไล่ข้า ทรัพย์สินแบ่งกันคนละครึ่ง ที่ดิน การค้า เหลาอาหาร โรงน้ำชา ทุกอย่างคนละครึ่ง ท่านยอม ข้ายอม ว่าอย่างไรจะยอมแลกกับความรักอันหวานชื่นหรือไม่ หากท่านแต่งกับนาง จะมีลูกสักกี่คนก็ได้ ไม่ต้องเสียเงินทองมากมาย รั้งให้ข้ากับลูกอยู่ที่นี่ ลูกแค่คนเดียว” อวี้เหยาหาข้อเสนอ นางมีแต่ได้กับได้ หากเขาไม่ยอมนางก็ไม่เดือดร้อน
“แค่คนเดียวก็ลูกหรือไม่ ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากที่นี่ไปได้ง่ายดาย ฮูหยิน ข้าเป็นแม่ทัพ มิใช่พ่อค้าคิดไม่ทันเจ้า เล่ห์เหลี่ยมของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้หรอก ฝันไปเถิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป” เฟยฉีไม่สนข้อเสนอของนาง
หากนางอยู่ที่นี่ทุกอย่างก็เป็นของนางอยู่แล้วใยจะต้องแบ่งสันปันส่วนด้วย และอีกอย่างไม่ใช่เพียงแค่ลูก นั่นคือลูกของเขาที่จะเกิดและเติบโตมา อยู่พร้อมหน้าบิดาและมารดา
“หากไม่ปล่อยข้า เช่นนั้นท่านก็ต้องไม่แต่งงานกับนาง เลือกมา!! จะทำเช่นไร ท่านแต่ง ข้าไป!!” อวี้เหยาไม่ยอม แม้ว่าจะรู้สึกคลื่นใส่อยากจะอาเจียนก็ตาม
“ข้าไม่แต่ง ไม่แต่งกับนางแล้วเจ้าพอใจหรือไม่!!!” เขารับปากจะไม่แต่งงานกับใครแล้ว จะมีนางคนเดียว
“เพียงแค่ลมปากของท่าน ข้าไม่เชื่อหรอกเจ้าค่ะ มิต้องมาทำให้ข้าใจอ่อน บุรุษอย่างท่านพูดแล้วมิคืนคำ ไม่เช่นนั้นท่านจะเอ่ยบอกกับข้าทุกสามวัน ห้าวันหรือ เมื่อไหร่จะหย่ากับข้าเสียที ท่านกรอกหูข้าทุกวัน จนยากจะเชื่อว่าท่านจะไม่แต่งงานกับนาง”