Chapter 11 แค่หน้าเหมือนหรือโลกกลม
“ไสหัวไป!” ฉันโยนแฟ้มเอกสารของเขาลงในถังขยะอย่างไม่ใยดี
“นี่พ่อคิดยังไงถึงอยากได้ผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้มาเป็นลูกเขยนะ แต่นายหม่อมนั่นก็อย่าหวังจะได้แอ้ม ฉันไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายที่มีความคิดแบบนี้เป็นอันขาด ต่อให้หาสามีไม่ได้และขึ้นคานไปตลอดชีวิตก็ตามเหอะ ไอ้บ้ากาม!”
ฉันหรี่ตามองแฟ้มเอกสารอีกชุดที่วางอยู่บนโต๊ะ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
“หวังว่าประวัติของคุณจะไม่เลวร้ายจนฉันต้องรื้อถังขยะหยิบประวัติไอ้หม่อมหลวงบ้ากามหลงตัวเองนั่นขึ้นมาใหม่นะคุณทวิช”
มือเล็กเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มประวัติของชายหนุ่มอีกคน แต่ชื่อของเขาสะดุดตาสะกิดใจของฉันมาก ฉันทำหน้าครุ่นคิด
“ทวิชนี่คุ้นจริงๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง”
“ชื่อคนมันก็ซ้ำกันไปหมดแหละน่า” ฉันถามเองและตอบเองเสร็จสรรพ
ประวัติอ่านหน้าแรกเขาก็ทำให้ฉันเริ่มมีความหวัง รอยยิ้มค่อยๆ คลี่ออกมา ผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมทั้งหน้าที่การงานและการศึกษา ทายาทของบริษัทซอฟต์แวร์เป็นการการันตีความมั่นคงว่าการเงินคงไม่ง่อนแง่น ผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะใช้ชีวิตคู่กับฉันมากกว่า เพลย์บอยเชื้อเจ้านั่น
หลังจากอ่านประวัติของเขาฉันก็หยิบรูปภาพที่สำนักงานนักสืบแนบมาขึ้นมาดู
“นี่อย่าบอกนะว่าสามียัยป่าน ทำไมหน้ามันคุ้นขนาดนี้วะ”
ภาพถ่ายของเขามีไม่มากแต่ชื่อและเค้าโครงหน้าตาของเขาก็ทำให้หัวใจของฉันเอนเอียงไปมากกว่าครึ่งว่าเขาคือผู้ชายที่ป่านฝันเข้าพิธีแต่งงานด้วยเมื่อสัปดาห์ก่อน
ถ้าหากว่าเป็นเขาจริงฉันคงจะหมดห่วงกับเพื่อน เมื่อรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าและมาปอกลอกป่านฝันอย่างที่เข้าใจในตอนแรก แต่สิ่งที่ยากคือป่านฝันจะยอมรับกับวิวาห์จัดฉากที่เธอสร้างขึ้นมาหรือเปล่านี่สิ แล้วฉันจะต้องไปรื้อแฟ้มประวัติของหม่อมหลวงเพลย์บอยหลงตัวเองนั่นกลับมาหรือไง
“โลกไม่จำเป็นต้องกลม โชคชะตาไม่จำเป็นต้องเล่นตลกกับฉันมากขนาดนี้ก็ได้มั้ย”
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสัย ยิ่งคิดก็ยิ่งเจอจุดจับสังเกตมากมาย ความมั่นใจของฉันเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิด...ทีละนิด
ทุกอย่างกำลังปลุกตัวตนของฉัน ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร...
แต่สำหรับฉันตอนนี้ ผู้ชายคนหลังทำให้ฉันนึกสนุกมากกว่าหม่อมหลวงอะไรนั่นเสียแล้ว
ฉันอมยิ้มออกมา “ชักมีเรื่องสนุกทำแล้วสิ ฉันจะพาตัวเข้าไปทำความรู้จักกับคุณเร็วๆ นี้”
แต่ไม่ใช่สนุกสำหรับชีวิตของฉันหรอกนะ แต่มันสนุกที่จะได้รู้ความจริงที่เพื่อนกำลังปิดบังอยู่ต่างหาก อ่านจบฉันก็วางแฟ้มเอกสารลงในลิ้นชัก
หยิบแฟ้มเอกสารที่เพิ่งจะโยนลงถังขยะกลับมาที่เดิม
ฉันเบะปากมองเอกสารและหยิบขึ้นมาอย่างรังเกียจ บอกออกไปราวกับกำลังสื่อสารกับเจ้าของชื่อบนเอกสารอยู่
“ฉันไม่ได้รื้อขยะขึ้นมาหรอกนะ แต่จ่ายค่านักสืบไปแพง ขอเก็บไว้ให้คุ้มค่าจ้างหน่อยก็แล้วกัน”
จากนั้นก็หันกลับไปทำงานต่อ...จนลืมเวลาเช่นเคย
กลิ่นของอาหารทำให้ฉันต้องละสายตา เหลือบไปมองคนยกถาดอาหารเข้ามาให้อย่างอัตโนมัติ ถ้าไม่ได้กลิ่นอาหารฉันคงไม่รู้ว่านั่นเป็นเวลาบ่าย 2 เข้าไปแล้ว
“บ่ายสองแล้วเหรอคะพี่พิมพ์” ฉันเงยหน้ายิ้มให้เลขา
“พี่เห็นดาวไม่ออกไปไหน พี่ก็เลยสั่งข้าวมาให้ค่ะ ทำงานจนลืมเวลาอีกแล้วนะคะ” คนยกข้าวเข้ามาให้บอกเย้ากึ่งดุด้วยสายตา
“ขอบคุณค่ะ”
หากถึงเวลาบ่ายและฉันยังไม่ยอมออกจากห้องทำงาน พิมพ์วราก็จะสั่งข้าวเข้ามาให้แบบนี้เป็นประจำ เธอกลายเป็นนาฬิกาประจำตัวของฉันอย่างอัตโนมัติ
“ดาวทำงานเยอะไปแล้วนะคะ ควรสนใจอย่างอื่นบ้าง”
“ก็ดาวอยากทำงานที่คุณพ่อมอบหมายออกมาให้ดีที่สุด ไม่อยากให้คุณพ่อมาตำหนิ”
พิมพ์วราพยักหน้า เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบแบบนี้จากปากของฉัน ยื่นแฟ้มที่อยู่ในมือส่งให้“นี่แฟ้มเอกสารที่ดาวขอค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เรื่องประชุมที่เขาใหญ่ พี่นัดเวลาบ่ายโมงนะคะ เผื่อเวลาเดินทางสำหรับดาวด้วย”
“ได้ค่ะ” ฉันตอบรับและหันไปมองแฟ้มเอกสารที่พิมพ์วราจัดการให้ เงยหน้าขึ้นถามตารางงานอีกครั้ง
“หลังจากจบ 2 แฟ้มนี้ ตอนเย็นดาวมีงานอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่จำเป็นดาวก็อยากกลับบ้านไปพัก ช่วงนี้กลับบ้านดึกทุกวันเลย”
“วันนี้มีจัดงานเลี้ยง 2 งานเล็กๆ ค่ะ ถ้าดาวอยากพักก็กลับบ้านได้ พี่ดูแลต่อให้ก็ได้ไม่น่าเป็นห่วงอะไร”
งานโรงแรมคงไม่มีอะไรมากกว่าการต้อนรับแขก ถ้าหากว่ามีงานเลี้ยงฉันจะอยู่ดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเองเสมอ ชีวิตประจำวันของฉันจะอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่และอาจจะค้างที่เพนเฮาส์ในโรงแรมบ้าง
จากเดิมที่ทำงานแค่ที่โรงแรมเป็นหลัก แต่ตอนนี้เริ่มมีงานอื่นเข้ามามากขึ้นเมื่อพ่อเริ่มถ่ายเทงานบริหารและงานก่อสร้างโปรเจกต์ใหม่มาให้ฉันดูแลมากขึ้น เวลาพักผ่อนของฉันจึงน้อยตามลงไปด้วย
“ในห้องจัดเลี้ยงมีงานอะไรบ้าง”
“ห้องแกรนด์บอลรูมมีงานแต่งงาน และห้องวีไอพีมีงานเลี้ยงขอบคุณทีมผู้บริหารของบริษัทเคจี กรุ๊ปค่ะ
“งานเลี้ยงของลุงทวีป กุลบริฉัตรเหรอ”
“ค่ะ มีเลี้ยงแบบนี้ทุกเดือนอยู่แล้วนะคะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ไม่เป็นไร ดาวอยู่รอดูแลก่อนกลับดีกว่า ท่านเป็นเพื่อนคุณพ่อ ถ้าดาวไม่อยู่คงน่าเกลียดแย่”
“ค่ะ...ดาวจะรับอะไรอีกไหมคะ”
“ดาวอยากได้ตารางนัดตลอดสัปดาห์ ขอเคลียร์งานกองนี้ให้เสร็จ สรุปงบบัญชีให้ทันวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนดาวจะขอลาพักร้อนสัก 2-3 วันอยู่ต่อที่เขาใหญ่”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากพิมพ์วราก้าวออกไปจากห้องเพียง 20 นาทีเธอก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับตารางงานของฉัน สุดท้ายตารางประชุมและนัดลูกค้ายาวเหยียดก็ทำให้ฉันไม่สามารถหยุดพักร้อนได้ จำได้ว่าฉันไม่เคยได้หยุดพักผ่อนหรือไปเที่ยวไหนมาเกิน 3 ปี
ชีวิตวนเวียนอยู่ที่บ้าน ท้องถนน และโรงแรมหลายสาขาที่พ่อสร้างขึ้นมา รวมถึงตึกอสังหาริมทรัพย์และคอนโดฯ ที่เปิดขาย ฉันเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด นั่นเป็นหน้าที่บังคับที่ฉันต้องอยู่โดยปริยาย
พ่อไม่เคยถามฉันสักคำว่าเหนื่อยหรือเปล่า ฉันต้องการชีวิตสวยหรูแบบนี้หรือไม่ สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ถ้าหากว่าฉันทำดีท่านก็จะทำหน้านิ่งๆ และพูดว่า “โอเค ฉันไม่ผิดหวังในตัวแก” แต่เมื่อใดที่ฉันทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ผลตอบรับในแววตาตำหนิของพ่อกลับเพิ่มเป็นทวีคูณ
...นี่แหละชีวิตของฉัน ภาพความเพอร์เฟกต์สวยหรูถูกฉาบทับเอาไว้ด้วยความอ้างว้างและเดียวดาย ฉันต้องการคนที่เข้าใจ ต้องการเพื่อน แม้จะอยากได้การยอมรับจากพ่อ แต่ฉันก็โหยหาความรักความอบอุ่นจากท่านมากกว่า สมบัติมหาศาลที่ท่านหาเอาไว้ให้ฉันกลับไม่รู้สึกว่ามันมีค่ามากกว่าอ้อมกอด