Chapter 9 ความลับ
สัปดาห์ต่อมา
พิมพ์วรากดอินเตอร์คอมและกรอกเสียงไปแจ้งเจ้านายสาว “ดาวมีเอกสารจากสำนักงานนักสืบมาส่งค่ะ”
พิมพ์วราเป็นเลขาคู่ใจและทำงานกับฉันมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน สิ่งเดียวที่ฉันไม่เคยเปลี่ยนคือเลขา เธอรู้ใจฉันยิ่งกว่าพ่อแท้ๆ ที่เลี้ยงมากับมือเสียอีก เพราะความที่ไม่มีแม่ดูแลฉันจึงให้ความรักและผูกพันกับพิมพ์วราเหมือนพี่และคนในครอบครัว
“ดาวรออยู่ เอาเข้ามาได้เลยค่ะ”
พิมพ์วรายื่นซองสีน้ำตาลให้และมองเหมือนมีคำถาม แต่เมื่อฉันเห็นแววตาแบบนั้นฉันก็ยิ่งอยากแกล้งพิมพ์วรา เลือกที่จะไม่บอกเธอ
ฉันยิ้มกับซองสีน้ำตาลที่รับมาอย่างมีความสุข ความสำเร็จขั้นแรกกำลังจะก้าวเข้ามาหา ในเมื่อมีประวัติอย่างละเอียดของผู้ชายสองคนอยู่ในมือก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันอีกต่อไป ยังเหลือเวลาอีก 80 วันที่ฉันจะวางแผนสำหรับเรื่องนี้ได้อย่างแยบยล
“ดาวให้สืบเรื่องของใครคะ ทำไมรอบนี้สั่งเอง” สุดท้ายเลขาสูงวัยกว่าถามอย่างแปลกใจ
ฉันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากและขยิบตาให้กับเลขา “ความลับค่ะ”
“นี่หัดมีความลับกับพี่แล้วเหรอ”
“ดาวอยากให้พี่พิมพ์เซอร์ไพรส์เหมือนคนอื่นด้วยไง”
“เรื่องที่ดาวจะแต่งงานใช่ไหมคะ”
ฉันวางซองเอกสารลงในลิ้นชักเหมือนไม่ใส่ใจและเงยหน้าขึ้นไปสั่งงาน
“ไม่เอาละ...ไม่พูดด้วยหรอก ฝากพี่พิมพ์ช่วยตามเรื่องประชุมโครงการบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ให้ด้วยนะคะ พรุ่งนี้ดาวจะไปสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเองก่อนเริ่มโครงการ”
“โอเคค่ะ”
“ดาวคงจะค้างที่เขาใหญ่เลย ถ้าพี่พิมพ์ไม่สะดวกดาวไปคนเดียวก็ได้นะคะ ดาวเข้าใจว่าพี่พิมพ์มีครอบครัว”
“พี่ไม่ปล่อยให้ดาวไปคนเดียวหรอก พรุ่งนี้วันศุกร์ ตอนเย็นเดี๋ยวให้คุณสหรัฐพาเด็กๆ ไป จะได้เที่ยวต่อเลย”
“ดีเลยค่ะ งั้นไปค้างที่บ้านคนึงนิจนะคะ”
“ค่ะ”
บ้านคนึงนิจ เป็นบ้านพักตากอากาศของแม่ที่เขาใหญ่ ฉันจำความได้ว่าตอนเด็กๆ แม่จะชอบอยู่ที่นั่นมากกว่ากรุงเทพฯ ในขณะที่พ่อก็มัวแต่ยุ่งทำธุรกิจเพราะกำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวไม่ค่อยมีเวลาให้แม่มากนัก
จนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีครอบครัวของเราก็พบกับความสูญเสีย ทุกอย่างสายไป พ่อได้รู้ว่าแม่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็เมื่อมีอาการย่ำแย่และอยู่ได้อีกไม่นาน
หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็จากไปอย่างสงบตอนฉันอายุ 8 ขวบ สิ่งที่ยังจดจำคือใบหน้าของแม่เจือไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ว่าตอนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงก็ตาม
สมบัติที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ฉันคือความทรงจำที่อบอุ่นในบ้านคนึงนิจ กล่องไม้ใบเล็กที่ฉันมักเห็นมันวางอยู่ข้างเตียงของแม่เป็นประจำถูกส่งต่อให้ฉันหลังจากแม่เสียชีวิต ตอนนี้มันก็คือสมบัติล้ำค่าที่สุดสำหรับฉันเป็นสิ่งปลอบโยนเมื่อท้อแท้และผิดหวัง
ฉันรับรู้ทุกความรู้สึกของแม่ผ่านกล่องไม้อันนี้ ตั้งแต่แม่รู้ตัวว่าเริ่มป่วยท่านก็ดูแลสุขภาพของตัวเองโดยไม่ปริปากบอกใครให้เป็นกังวลโดยเฉพาะพ่อ ท่านอยากให้พ่อทุ่มเทเวลาเต็มที่ให้กับธุรกิจที่เพิ่งจะเริ่มต้น
ในขณะที่ฉันยังเด็กมากจนไม่สามารถรับรู้และเข้าใจเรื่องราวลึกซึ้ง
ทุกอย่างเริ่มจาก...แม่ขอย้ายมาสร้างบ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ ตอนนั้นฉันเสียใจร้องไห้อยู่หลายวันเพราะไม่เข้าใจ คิดว่าพ่อกับแม่ไม่รัก
ตอนแรกแม่แค่ไปๆ มาๆ ไม่กี่วัน แต่ระยะหลังเริ่มอยู่นานขึ้น ในขณะที่พ่อก็มีงานมากขึ้นจนละเลยลูกเพียงคนเดียวอย่างฉันไปด้วยอีกคน
ความเป็นเด็กฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งและเป็นภาระของทั้งพ่อและแม่ ฉันเรียนที่กรุงเทพฯ และจะไปหาแม่ได้ในช่วงวันศุกร์เสาร์อาทิตย์และปิดเทอม ในเวลาปกติฉันต้องอยู่กับพี่เลี้ยง และพ่อก็กลับบ้านดึกดื่นๆ ทุกวัน
ฉันเริ่มเหมือนเด็กมีปัญหาและครอบครัวแตกแยกโดยปริยาย แม้ไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันต่อหน้า แต่มันจะแตกต่างกันอย่างไรเล่า ในเมื่อพวกเขาอยู่คนละที่ เด็ก 7-8 ขวบอย่างฉันคิดได้อย่างเดียวว่าพ่อแม่ไม่รัก
เมื่อแม่เริ่มป่วย ท่านก็เริ่มถ่ายภาพ แม่ชอบถ่ายภาพของฉันทุกอิริยาบถที่อยู่ด้วยกัน ฉันมีความสุขเมื่อได้มาหาแม่และนับวันรอที่จะถึงวันเสาร์อาทิตย์ในทุกสัปดาห์ ฉันขอย้ายมาอยู่กับแม่หลายครั้งแต่ท่านก็ไม่ยินยอมโดยให้เหตุผลว่าฉันต้องเรียนหนังสือ
ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น เพราะเห็นว่าเด็กเขาใหญ่ก็มีโรงเรียนเหมือนกัน นั่นทำให้ฉันยิ่งน้อยใจแม่มากขึ้น
ฉันรู้ความจริงหลังจากที่แม่เสียไปแล้วและโตพอที่จะเข้าใจ ทั้งหมดเป็นเพราะท่านไม่อยากให้ฉันเห็นภาพตอนที่กำลังอ่อนแอ ตลอดเวลาที่ฉันมาอยู่กับท่านที่เขาใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ แม่ต้องฝืนความเจ็บปวดของตัวเองเพื่อที่จะทำหน้าที่แม่ให้เหมือนปกติ
คนป่วยที่ยังเหลือเวลาอยู่อีกไม่นานต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นมาทำอาหารให้ลูก พาฉันไปปั่นจักรยานรอบๆ ไร่ พาฉันไปปิกนิกหรือแม้กระทั่งพาไปเที่ยวในทุกๆ ที่ที่ฉันอยากไป
แม่จดบันทึกลงบนหลังภาพถ่าย เก็บทุกความทรงจำไว้ในกล่องไม้ใบนั้นตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วย บางภาพฉันเห็นรอยคราบหยดน้ำตา บางภาพฉันเห็นรอยยับยู่ยี่เพราะแม่คงหยิบมาดูบ่อยๆ
ระยะหลังๆ ลายมือของแม่เริ่มแย่ลงแต่ในความรู้สึกของฉัน ตัวหนังสือของแม่สวยงามที่สุดในโลกเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ทุกตัวอักษรคือคำสอนที่ฉันจดจำและปฏิบัติมาจนถึงวันนี้
...แม่บอกให้ฉันตั้งใจเรียน ฉันก็คว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครอง เพื่อแม่...
...แม่บอกให้ฉันช่วยงานพ่อให้สมกับความมุ่งมั่นและตั้งใจของพ่อ ตอนนี้ฉันก็ทำได้สำเร็จ ฉันอยากให้แม่ได้ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ แม้จะไม่มีอ้อมกอดอบอุ่นของแม่เหมือนคนอื่น แต่ฉันก็รู้ว่าแม่ยังเฝ้ามองและรอดูความสำเร็จของฉัน
...แต่แม่คงจะลืมอวยพรให้ฉันได้เจอเนื้อคู่และมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ฉันถึงได้อยู่เป็นโสดมาจนถึงวันนี้
น้ำตาของความอ่อนแอเริ่มรื้นและไหลลงมาอาบแก้มเมื่อนึกถึงแม่และความทรงจำในบ้านหลังนั้น บ้านที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เข้าไปพัก ฉันรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนั้นมากกว่าบ้านที่อยู่มาตลอดชีวิตที่กรุงเทพฯ เสียอีก