FOREVER รักนิรันดร์ 3
ระหว่างที่รออุ่นใจจ่ายเงินฉันจึงเดินออกมารอหน้าร้านสะดวกซื้อ ระหว่างที่ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความคุยกับเพื่อน คล้ายกับมีเสียงตะโกนและเสียงดังกริ๊ง ๆ ดังขึ้น เสียงแค่เสี้ยววินาทีที่เงยหน้าขึ้นมองทางต้นกำเนิดเสียงก็มีจักรยานคนหนึ่งที่พุ่งมาทางฉัน ฉันรีบขยับหลบแต่ก็เหมือนจะไม่ทันการณ์เมื่อรถจักรยานคันนั้นพุ่งเข้าชนฉันเต็มแรง ทำให้ทั้งฉันและคนที่ปั่นจักรยานมานั้นล้มลงไปกองที่พื้นจนเกิดเสียงดังโครมคราม
“เอม!!”
“อิ่มเอม!!”
น้ำเสียงตกใจของอุ่นใจและความสุขดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังวิ่งเข้ามาช่วยประคองฉันเพื่อดูอาการบาดเจ็บ ยิ่งเห็นว่าที่แขนและข้อศอกมีรอยถลอกและมีเลือดซิบสองพี่น้องก็ออกอาการหงุดหงิด หันกลับไปมองคู่กรณีก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงตก เมื่ออีกฝ่ายมีสภาพที่แย่มากกว่าฉัน ทั้งเข่าแตก แขนถลอกใบหน้ามีรอยแผลเล็กน้อย
“ขอโทษครับพี่ ขอโทษครับผมรีบปั่นไปส่งของจนลืมว่ารถมันไม่มีเบรก ขอโทษครับพี่” คู่กรณียกมือไหว้ทั้งฉันและพี่น้องฉันอย่างรู้สึกผิด
“ระวังหน่อย นี่มันทางเท้าจะมาปั่นแบบนี้ไม่ได้นะครับ” อุ่นใจเป็นฝ่ายบอกกับคู่กรณีฉัน
“ครับพี่ ผมขอโทษจริง ๆ ครับ”
“ไปทำแผลเถอะ ไม่เอาเรื่องอะไรหรอกแต่อย่าทำแบบนี้อีก” อุ่นใจบอกคนตรงหน้าอย่างใจดี เมื่อได้ยินแบบนั้นคนที่มีความผิดก็ยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยขอบคุณไม่หยุด กระทั่งฉันถูกอุ่นใจจับแขนให้กอดคอเขาจากทางด้านหลังแล้วย่อตัวให้ฉันขึ้นไปบนหลังเขา
“จะให้ทำแผลให้หรือให้พาไปโรงพยาบาล”
“ทำแผลที่ห้องก็ได้ค่ะ” บอกพี่ชายไปอย่างที่คิด ไม่อยากไปโรงพยาบาลเลย เพราะไปทีไรรู้สึกอึดอัดตลอดเลยน่ะสิฉันเลยไม่ค่อยชอบที่นั่นเลยสักนิด
“อื้อ เดี๋ยวทำให้ สุขเข้าไปเอากล่องอุปกรณ์ทำแผลที่ห้องพี่นะ เอามาที่ห้องเอม”
“ได้ครับ” ก่อนเดินเข้าห้องอุ่นใจหันไปบอกกับความสุข
กลายเป็นพี่ชายและน้องชายที่ช่วยทำแผลตามร่างกายให้ฉันอย่างน่ารัก ทั้งคู่คอยอยู่เป็นเพื่อนกระทั่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วยังนอนเฝ้าฉันจนหลับ รวมถึงบอกว่าคืนนี้จะนอนเป็นเพื่อนเผื่อกลางดึกฉันมีไข้จากแผลที่ได้มาเมื่อช่วงดึก
“นอนได้แล้วอิ่มเอม ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว” อุ่นใจกระซิบบอกในช่วงเวลาที่ฉันกำลังเคลิ้มหลับ เมื่อมีพี่ชายและน้องชายมาเฝ้า ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ทำให้นอนไม่หลับ แต่ความรู้สึกที่มีอะไรบางอย่างคอยจ้องมองนั้นยังมีอยู่ดังเดิม และมักจะรู้สึกในเวลาเดิมทุกวัน แต่ฉันไม่รู้เลยว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่
เพียงแค่ไม่กี่วันถัดมาเราก็ได้แพลนเที่ยวพักผ่อนรวมถึงการจองที่พักที่อุ่นใจนั้นจัดการไว้ให้ทั้งเราและลูกค้าของพ่อและผู้ช่วยของเขา อุ่นใจที่เริ่มเข้าไปช่วยพ่อทำงานที่สนามแข่งได้รับหน้าที่จัดการทุกอย่างให้พ่อ ช่วงนี้แม่ก็วุ่น ๆ เรื่องขยายร้านทำให้อุ่นใจรับหน้าที่นี้อย่างเต็มใจโดยมีฉันและความสุขช่วยเลือกที่พักด้วย
เมื่อมีวันกำหนดชัดเจนก่อนเดินทางเพียงสามวันฉันก็ออกมาเดินซื้อของเตรียมไปพักผ่อน เพื่อน ๆ ของฉันหลังจากที่สอบเสร็จและกินข้าวด้วยกันก็เดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดบ้าง ไปเที่ยงต่างประเทศบ้างเราจึงคุยกันผ่านโปรแกรมแชตและโทรคุยกันเท่านั้น
“ตัว มันโป๊ไหม?” อุ่นใจที่เห็นฉันเลือดชุดว่ายน้ำมาหลายตัวและหลากหลายสีพี่ชายก็เริ่มออกอาการหวง ความสุขเองก็กอดอกมองฉันเลือกชุดว่ายน้ำนิ่ง ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน สายตาแบบนี้ ของอุ่นใจและความสุขเรียกได้ว่าเหมือนกันมากจริง ๆ
“ไม่โป๊หรอก คนอื่นก็ใส่กัน”
“งั้นให้แค่สองชุด แล้วอย่าดื้อใส่ไปเดินไหนคนเดียว” อุ่นใจยื่นเงื่อนไข ฉันน่ะ รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตให้คุ้มในทุกเรื่องดังนั้นหากไปเที่ยวก็จะเที่ยวให้เต็มที่และสนุกแบบสุดเหวี่ยงกันไปเลยล่ะ
“ได้ค่ะ”
หลังจากได้ชุดว่ายน้ำมาสามชุดฉันก็ชวนสองหนุ่มไปเดินซื้อของอย่างอื่นเพิ่มเติมรวมถึงซื้อของใช้เข้าบ้าน ที่ตอนนี้ของหมดไปแล้วหลายอย่าง เรียกได้ว่าเราใช้เวลาในวันหยุดกันอย่างคุ้มค่าเลยก็ว่าได้
“พรุ่งนี้เค้าไปทำธุระนะ เดี๋ยวมะรืนจะพากลับบ้านทั้งสองคนเลย” อุ่นใจที่หิ้วถุงข้าวของมาส่งฉันถึงห้องพักไม่ลืมเอ่ยเตือนฉันและความสุข เราสามพี่น้องไม่ได้คุยอะไรกันต่อและเลือกที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามที่ตัวเองชอบ ฉันกลับเข้าห้องก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่มาลองสวมดู เมื่อสวมแล้วยิ่งชอบกว่าเดิมเพราะเมื่อเสื้อผ้าและชุดว่ายน้ำเหล่านั้นอยู่บนเรือนร่างฉันชอบและรู้สึกว่าตัวเองสวยมาก ต้องขอบคุณที่เราสามพี่น้องสูงกันหมด ส่วนเรื่องหุ่นไม่ต้องพูดถึงแม้จะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแต่ฉันเหมือนกับแม่คือกินและไม่อ้วน แต่กลับมีทรวดทรงที่ชัดเจน ฉันชอบมากเลยล่ะ ทั้งยังภูมิใจที่พ่อแม่หน้าตาดีและทำให้เราสามพี่น้องจัดได้ว่าหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่
หลังจากลองชุดจนพอใจแล้วฉันถึงได้นำชุดที่ซื้อมาไปซัก แล้วกลับมาทำมื้อเย็นง่าย ๆ ระหว่างที่รออาหารสุกประตูห้องก็ถูกกดกริ่ง ฉันลดไฟให้อ่อนลงก่อนจะเดินไปเปิดดูกล้องที่เชื่อมกับประตูพอเห็นว่าเป็นใครก็เริ่มขยับเข้าไปเปิดประตูทันที
“พี่ซัม...” เอ่ยเรียกทักพี่ซัมเมอร์ ที่มายืนกดกริ่งห้องฉันในตอนนี้
“อะนี่ พี่ซื้อข้าวมาให้ กำลังทยอยเคาะห้องเลย” พี่ซัมเมอร์บอกกับฉันพร้อมกับส่งถุงอาหารจากร้านดังมาให้หนึ่งถุงพร้อมกับส่งถุงแก้วชานมไข่มุกมาให้ฉันด้วย
“ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีครับ ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวพี่เอาไปให้คนอื่นต่อก่อน” พี่ซัมเมอร์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินไปเคาะห้องข้าง ๆ ฉัน มักจะเป็นแบบนี้เวลาไปไหนหรือได้กินของอร่อยเรามักจะซื้อกลับมาฝากกันเป็นประจำก็ว่าได้ หนุ่ม ๆ ก็จะได้แค่ข้าวแต่หากเป็นฉันและไอริสเราจะได้ชานมไข่มุกหรือเค้กเพิ่มมาหนึ่งอย่าง ไม่ว่าใครที่ซื้อมาก็มักจะไม่ลืมสองสิ่งนี้
กลายเป็นว่ามื้อเย็นจะมีสลัดผักฉันยังได้สเต๊กจากร้านดังมาด้วยหนึ่งชุด ฉันยกจานใส่อาหารมาวางที่โต๊ะกระจกใสหน้าทีวีพร้อมกับเปิดการ์ตูนที่ชอบดูไปพลาง ๆ ระหว่างที่ก้มหน้าก้มตากินและเงยหน้ามองทีวีหางตาก็เห็นเงาอะไรบางอย่าง พอหันไปมองก็ไม่มีอะไรนอกจากผ้าม่าน
หรือบางทีอาจจะเป็นเงาผ้าม่านก็ได้
ได้แต่คิดกับตัวเองอย่างไม่กังวลอะไรมาก แต่สิ่งที่ชัดเจนคือความรู้สึกที่เหมือนมีคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้ก็เริ่มที่จะชินกับความรู้สึกนี้แล้วเช่นเดียวกัน
====
หนูลูก มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะชินนะคะ
เรื่องนี้ยังคงค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนะคะ