เมื่อปิดประตูพี่เซ้นต์ก็กวาดตามองรอบห้อง “ห้องใหญ่มาก สวยมากครับ”
ราคาของคอนโดแห่งนี้น่าจะไม่ใช่ถูก ๆ ห้องที่ฉันอยู่มีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องครัว สำหรับฉันแล้วก็ถือว่าใหญ่เลยนะกับการอยู่คนเดียว
แต่ฉันไม่มีสิทธิ์พูดว่าไม่ชินเพราะอยู่บ้านฉันก็อยู่คนเดียวบ่อยไป จะไม่ชินได้ยังไง น้อยใจแม่ไม่ได้ด้วย แม่ฉันน่ะเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แม่ขยันที่สุดและฉันรู้ว่าแม่รักฉัน
“เปลี่ยนใจกลับบ้านตอนนี้ยังทันนะคะ”
“จะทิ้งให้แฟนทำคนเดียวได้ไงครับ มาเดี๋ยวพี่ช่วย เราเริ่มจากอะไรดี” พี่เซ้นต์หันมายิ้ม
“ระหว่างรอพี่เซ้นต์มาเพ้นท์ทำไปนิดหน่อยแล้ว เหลือห้องครัวที่ยังไม่ได้ทำ”
“งั้นเราเริ่มกันเลยดีไหม”
“ค่ะ”
เวลาห้าทุ่มทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ไม่คิดเลยว่าการย้ายเข้าอยู่โดยไม่ได้หาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเหนื่อยขนาดนี้
“น้ำค่ะ” น้ำโค้กเทใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเย็น ๆ ยื่นให้พี่เซ้นต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็มานั่งที่โซฟา
ช่วงที่พี่เซ้นต์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันลงไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ฉันเกรงใจเขาอะ เกรงใจเขามาก เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันเดียวฉันก็ใช้งานเขาหนักจนเหงื่อโชกตัว ส่วนเสื้อผ้าเขาพกติดกระเป๋ามาด้วย เขาบอกชอบพกบางครั้งต้องเปลี่ยนงี้ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรียนวิศวะก็คงเลอะง่ายมั้งนะ
ช่างเถอะ ยังไงตอนนี้เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
“ดึกขนาดนี้ลงไปคนเดียวได้ไง อันตราย” พี่เซ้นต์ทำหน้าไม่พอใจหลังจากที่กวาดตามองข้าวของบนโต๊ะ ของที่ฉันเพิ่งซื้อมา
“คนยังพลุกพล่านอยู่เลยค่ะ” ปกติเที่ยงคืนยังปั่นจักรยานกลับจากร้านเหล้าอยู่ อันนี้ลงไปใกล้แค่นี้ปลอดภัยหายห่วง
“เดี๋ยวต่อไปพี่ซื้อของมาตุนไว้ให้ ชอบอันไหนลิสต์มาให้พี่ จะได้ไม่ต้องลงไปเวลาแบบนี้”
“…”
“เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจค่ะ”
“พี่พูดเพราะห่วงนะ พี่เป็นห่วงเพ้นท์มากจริง ๆ ความจริงก็น่าจะรอพี่ออกมาจากห้องน้ำแล้วเราค่อยไปด้วยกันก็ได้ ไปก็ไม่บอกพี่”
“ก็น้ำที่ซื้อติดมือมามันหมดแล้ว เพ้นท์เห็นพี่เซ้นต์เหนื่อยก็เลยอยากให้ดื่มน้ำเย็น ๆ จะได้ชื่นใจนี่คะ”
“ขอบคุณนะ”
“เพ้นท์สิที่ต้องขอบคุณพี่เซ้นต์ที่มาช่วยเพ้นท์ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยน่าจะหลายวันกว่าจะเสร็จ”
“แล้วไม่ได้ให้เพื่อนมาช่วยเหรอ”
“ไม่อยากรบกวนเพื่อนค่ะ เพื่อนเพ้นท์ไม่เคยมาที่นี่ คนที่เคยมามีแค่แม่กับเพ้นท์และวันนี้เพิ่มพี่เซ้นต์มาอีกคนค่ะ”
“พูดแบบนี้พี่ดีใจแล้วนะ”
“ดีใจอะไรคะ ดีใจที่เหนื่อยเหรอ”
“ครับ” เขายิ้มอีกแล้ว ใบหน้าที่ยามปกติเรียบนิ่งน่าเกรงขาม เวลายิ้มกลับละมุนหัวใจมาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเรากินข้าวด้วยกันเรียบร้อย เป็นเมนูอาหารในร้านสะดวกซื้อ ฉันไม่รู้ว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร ก็เลยหยิบมาหลายอย่าง คิดง่าย ๆ แค่ว่าน่าจะมีสักอย่างที่ถูกใจเขา
พี่เซ้นต์เลือกผัดซีอิ๊วหมู ฉันจึงเอาเข้าไมโครเวฟ
ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือเขาแค่เลือกมากินให้เหมือนฉัน
“ดึกแล้วพี่กลับก่อนนะ”
“พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้าใช่ไหมคะ” ระหว่างที่เก็บทำความสะอาดข้าวของเขาบอกฉันน่ะ
“ใช่ครับ”
“นี่เที่ยงคืนแล้ว กว่าจะกลับถึงบ้านพี่น่าจะเกือบตี 2 เลยไหมคะ แล้วก็ต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางแต่เช้าอีก”
“ก็ประมาณนั้น”
“พี่ค้างที่นี่ไหมคะ ชุดพี่เพ้นท์ปั่นแห้งตากไว้แล้ว”
“ให้พี่ค้างด้วยจริงเหรอ”
“…”
“พี่…”
“อีกห้องที่พี่เซ้นต์เก็บทำความสะอาดไว้ พี่นอนห้องนั้นได้เลยนะคะ หรือว่าพี่จะกลับคะ”
“กลับไม่ไหว พี่ง่วงแล้วครับ ไปนอนก่อนนะ” ว่าแล้วพี่เซ้นต์ก็ลุกขึ้นเร็วไว
“โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ” เขารีบร้อนคล้ายกลัวฉันจะเปลี่ยนใจ
ฉันเองก็ไม่ได้ใจจืดใจดำขนาดนั้นไหม เขาช่วยทำความสะอาดห้องจนดึกดื่น จะไล่เขากลับทั้งที่เช้าเขาก็ต้องเร่งรีบมาเรียน
ก็แค่ค้างคืน ทั้งยังคนละห้องนอน อีกอย่างเราก็เป็นแฟนกันแล้ว ไม่เสียหายหรอกมั้ง
มหาวิทยาลัย
เที่ยงฉันมานั่งที่โรงอาหารของคณะตามที่เพื่อนนัดเจอกันเพราะวันนี้เรามีเรียนบ่าย เพื่อนฉันอยากกินข้าวด้วยกันก่อนเข้าเรียนจึงนัดเจอกันที่นี่ พี่เซ้นต์ที่พักเที่ยงเวลานี้จึงให้ฉันสั่งข้าวไว้ให้เพราะเขาจะมากินข้าวที่นี่
เมื่อเช้าเขาออกไปตอนเช้าเลยมั้ง ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะว่าไม่ได้ตื่นมาเจอเขา ฉันหลับน่ะ เมื่อคืนกว่าฉันจะเข้านอนก็เกือบตี 2
“พี่เซ้นต์” เห็นว่าเขากำลังมองหาฉันก็เลยเรียกให้เขาเห็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันแยกออกมานั่งโต๊ะอีกตัวเพราะพี่เซ้นต์บอกว่าเพื่อนเขาจะมาด้วย ซึ่งโต๊ะที่เพื่อนฉันนั่งมันไม่พอและถ้าเขานั่งร่วมวงด้วยก็คงดูไม่ดี
“ขี้โกงนี่หว่ามีคนซื้อไว้ให้แล้ว” พี่เบย์เอ่ย
“หวัดดีน้องเพ้นท์” พี่โจส่งยิ้ม วางสมุดไว้ที่โต๊ะ
“หวัดดีค่ะ”
“เดี๋ยวไปซื้อข้าวก่อนนะ” พี่โจเอ่ยแล้วก็เดินออกจากโต๊ะไป
“เพ้นท์ตื่นกี่โมง”
“สิบโมงครึ่งค่ะ ตอนที่ทักบอกพี่ไง”
“เมื่อคืนนอนดึกเหรอ”
“น่าจะตีสองเข้าห้องนอน กว่าจะหลับก็เกือบตีสามค่ะ”
“นอนดึกจัง”
“นอนแปลกที่เพ้นท์ก็เลยเกร็ง ๆ แต่อีกเดี๋ยวก็ชินค่ะ”
“ครับ”
“พี่เซ้นต์หลับดีไหม พี่ออกไปกี่โมงคะ” คำถามนี้ฉันกระซิบเบา ๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยินว่าเรานอนที่เดียวกัน
“หลับดีมากครับ ได้รู้ว่าเพ้นท์นอนอยู่ห้องข้าง ๆ พี่รู้สึกดีมาก” พี่เซ้นต์ก็เหมือนจะรู้ถึงได้กระซิบกลับ
“อ้อ ค่ะ นี่ข้าวค่ะ กินได้ไหม เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร” ข้าวราดแกงสามอย่างที่ฉันเป็นคนเลือกมาเอง เขาบอกให้ซื้อข้าวให้แต่เขาไม่บอกว่าจะเอาอะไร เขาให้ฉันเลือกเมนูให้
ฉันก็เลยเลือกรวม ๆ กันมา
“เพ้นท์เลือกอะไรมาให้พี่ก็ชอบทั้งนั้น”
“จะชอบหมดไม่ได้นะคะ พี่เซ้นต์ต้องบอกเพ้นท์ด้วยสิว่าพี่เซ้นต์ชอบอะไร คราวหน้าเพ้นท์จะได้เลือกที่พี่ชอบ”
“ถ้าถามหาสิ่งที่พี่ชอบก็...เพ้นท์ไง”
“เพ้นท์หมายถึงของกินค่ะ”
“พี่กินได้ทุกอย่าง ยิ่งได้กินกับเพ้นท์พี่ยิ่งชอบ”
“เฮ้อ” ทำไมทุกอย่างที่พูดไปเขาถึงหยอดกลับมาได้ตลอดเลยนะ เขาเชี่ยวชาญหรือฉันอ่อนประสบการณ์
“แล้วไม่กินข้าวเหรอ”
“กินมาจากที่ห้องค่ะ” เวฟข้าวที่ซื้อมากินไป กลัวมันเหลือฉันก็เลยต้องกิน เสียดายของ
“ที่จริงพี่ไม่ค่อยอยากให้กินอาหารแช่แข็งเท่าไหร่นะ สุดท้ายแล้วก็ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ”
“ซื้อมาแล้วเลยต้องกินให้หมดค่ะ”
“เป็นสิบกล่องเลยนะ”
“ก็เพ้นท์ไม่รู้ว่าพี่ชอบกินอะไร เลยหยิบเผื่อ ๆ มาค่ะ”
“งั้นอยากให้พี่ไปช่วยกินไหม” สายตากรุ้มกริ่มนี่มันอะไรน่ะ
“เอ่อ…”
“มาแล้วก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ แซบ ๆ” พี่เบย์วางถ้วยก๋วยเตี๋ยวลงที่โต๊ะพร้อมกับพี่โจวางข้าวราดแกง ทั้งสองนั่งลงข้างกัน
“หวัดดีค่ะพี่ ๆ หนูฟินฟินเพื่อนเพ้นท์นะคะ” ตรงจังหวะกับที่ฟินฟินย้ายมานั่งที่โต๊ะเดียวกันกับฉัน เพื่อทำความรู้จักกับหนุ่มคณะวิศวะคนดังอย่างพี่เบย์
“หวัดดีครับน้องฟินฟิน พี่ชื่อเบย์ครับ นี่โจ นี่เซ้นต์”
“ฟินฟินรู้จักค่ะ สามหนุ่มหล่อของวิดวะ”
“หนูหว่าหวาค่ะ เพื่อนเพ้นท์ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ นะคะ” อีกคนตามมาแล้ว เฮ้อ เรื่องผู้ชายนี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริง ๆ
“หวัดครับน้องหว่าหวา ยินดีที่ได้รู้จักครับ” พี่โจเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหล่อ ขณะเดียวกันแฟนของฉันยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเป็นการรักษามารยาท
“ขอโทษนะคะ พี่เซ้นต์เป็นแฟนกับเพ้นท์แล้วใช่ไหมคะ” ฟินฟินตัวดีไม่ถามฉันล่ะ ไปถามเขาทำไม
“ใช่ครับ”
“ถึงว่ามีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นเดียวกับเพ้นท์เลยค่ะ”
แค่ก แค่ก พี่เซ้นต์ถึงกับสำลักข้าว ส่วนฉันเริ่มเลิ่กลั่ก
“บังเอิญครับ” เขายิ้มบาง
มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ฉันเป็นคนที่ซักผ้าแล้วใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเยอะมาก เยอะแบบกลิ่นติดชนิดที่ว่าเพื่อนหอมจนฉุนอะไรทำนองนั้น แล้วเมื่อคืนนี้ฉันซักชุดช็อปและกางเกงของพี่เซ้นต์ ด้วยความติดนิสัยใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหนัก ๆ เสื้อผ้าของพี่เซ้นต์ก็เลยติดกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้วก็ติดกลิ่นน้ำยาอัดกลีบ เนื่องจากเมื่อคืนหลังจากที่พี่เซ้นต์เข้าห้องไปแล้วฉันก็เตรียมเสื้อผ้าของฉันและของพี่เซ้นต์มารีด ระหว่างรีดก็เปิดเบียร์กระป๋องกินไปด้วย
เบียร์กระป๋องฉันซื้อมาแช่เย็นตอนที่ลงไปซื้อของด้านล่างน่ะ กินเพื่อให้หลับง่าย นอนแปลกที่คืนแรกกลัวหลับไม่ดีไง เจอเบียร์ไปสามกระป๋องหลับยาวเลย
“ว่าไปแล้ววันนี้กลิ่นเสื้อผ้ามึงก็แปลกไปจากทุกวันจริง ๆ สรุปยังไงวะ” พี่เบย์หันมาให้ความสนใจเรื่องกลิ่นเสื้อผ้าพี่เซ้นต์
“เพ้นท์ใช้กลิ่นนี้แล้วกูชอบกูก็เลยใช้ตามเพ้นท์” คือคำตอบของพี่เซ้นต์ เขาตอบเพื่อนแล้วหันมายิ้มให้ฉัน “ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรคะ”
“ขอบคุณที่เป็นแฟนที่น่ารักไง”
“ค่ะ” ฉันจะขอเดาแล้วกันว่าคำขอบคุณนี้หมายถึงเรื่องซักผ้ารีดผ้า
“ก๋วยเตี๋ยวกูปรุงรสเปรี้ยว แต่ทำไมมันเลี่ยนจังวะ” พี่เบย์แซวแหละ แซวแรงด้วยนะ แต่พวกเขาคงไม่คิดหรอกมั้งว่าฉันกับพี่เซ้นต์นอนที่เดียวกัน
“เลิกเรียนกี่โมง” พี่เซ้นต์ละสายตาจากเพื่อนหันมาพูดกับฉัน
“ตามตารางก็ห้าโมงครึ่งค่ะ” วันนี้เลิกค่อนข้างเย็น
“กลับด้วยกันไหม”
“พี่เซ้นต์เลิกบ่ายสองไม่ใช่เหรอ รอเพ้นท์นานเลยนะ” เขาบอกฉันไว้ในไลน์ ส่งตารางเรียนของเขามาให้ฉันตั้งแต่เช้าแล้ว
“วันนี้มีแข่งบอลกับสถาปัต”
“อ้อ”
“เรากลับด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ได้ค่ะ แต่เพ้นท์ขับรถมานะคะ”
“เพ้นท์ขับรถเป็นด้วยเหรอ ปกติพี่ไม่เคยเห็นเพ้นท์ขับ”
“ขับเป็นค่ะ แต่ขี้เกียจขับ ตอนนี้ตื่นสายได้ก็เลยไม่ค่อยขี้เกียจค่ะ”
“งั้นให้พี่ติดรถไปส่งเพ้นท์นะ จากนั้นเดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง”
“ได้ค่ะ เอาไว้เพ้นท์เลิกเรียนเราคุยกันอีกทีนะ”
“ครับ”