อยู่ๆร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงเล็กๆผวาและสะดุ้งสุดตัว ชายหนุ่มกระพริบตาถี่ๆหลายครั้ง จากนั้นก็สะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองที่ตอนนี้มีเหงื่อเม็ดเล็กๆขึ้นมาเช่นเดียวกับลำคอ เพราะอุณหภูมิภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่อย่างใด
“นิโคลัส…ไอ้ตัวแสบเฮ้ย!”
คริสเตียนสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับทบทวนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาจะมานอนบทเตียงแคบๆนี้ ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งดื่มกับสองการ์ดคนสนิทอยู่ในคลับหรูของตัวเอง แต่แล้วจู่ๆสติก็ดับวูบไปพอมารู้สึกตัวอีกทีเขาก็โผล่มาอยู่ที่นี่แล้ว
หากเขาไม่ยอมรับข้อเสนอคุมความประพฤติของอดีตมาเฟียตัวร้ายอย่างนิโคลัสจากฟรานเซสพี่ชาย ที่ขู่จะยึดสนามรถแข่งของเขาตั้งแต่แรก เรื่องราววุ่นวายพวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา แต่ที่เขาต้องยอมรับข้อเสนอก็เพราะมันเป็นกฎที่เขามิอาจปฏิเสธได้ เลยทำให้เขาต้องถูกนิโคลัสป่วนชีวิตไม่เว้นในแต่ละวัน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ไนท์คลับหรูของเขาจะมีความปลอดภัยสูงแค่ไหนก็สู้ความเจ้าเล่ห์ของอดีตมาเฟียที่เคยทำแต่ธุรกิจมืดสนิทอย่างนิโคลัสไม่ได้อยู่ดี นิโคลัสแอบวางยานอนหลับให้เขาดื่มแล้วมาทิ้งไว้ที่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆที่ไหนสักแห่งซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันอยู่ส่วนไหนของประเทศอิตาลี
นี่ถ้าเขาไม่เห็นว่านิโคลัสเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องละก็เขายิงทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปแล้ว ไม่ปล่อยให้คอยป่วนชีวิตของเขาทุกวันจนแทบไม่มีเวลาให้กับสาวๆแบบนี้หรอก คิดแล้วก็พาให้ขุ่นเคืองใจ
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงหมายจะเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ชะงักไปนิดเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวเหมือนไร้อาภรณ์ปกปิดเรือนร่างได้สัดส่วนของตัวเอง เมื่อก้มมองดูตัวเองก็ต้องขบกรามแน่นทันที ชุดสูทแบรน์หรูที่สวมใส่ก่อนหน้านี้หายไปจากเรือนร่างกำยำเหลือไว้เพียงกางเกงในและเสื้อกล้ามอย่างละชิ้น
“ตัวแสบ…อย่าให้เจอตัวนะนิโคลัส!”
คริสเตียนคำรามออกมาอย่างเดือดดาลพร้อมคาดโทษอีกฝ่ายก่อนที่จะมองหากระเป๋าตังและโทรศัพท์เพื่อติดต่อให้การ์ดคนสนิททั้งสองนำเสื้อผ้ามาให้ แต่แล้วก็ต้องปัดเหงื่ออีกครั้งเมื่อพบว่าทั้งกระเป๋าตังและโทรศัพท์ว่างเปล่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในห้องเลย
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!”
มาเฟียหนุ่มสบถออกมาอย่างเจ็บใจ เกิดมาไม่เคยซวยอะไรเท่านี้มาก่อน แล้วทีนี้เขาจะออกไปข้างนอกยังไงล่ะ
ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นหน้าห้องทำให้ชายหนุ่มที่กำลังวิตกอยู่กับเสื้อผ้าหลุดจากห้วงภวังค์ความคิด ครู่ต่อมาหลังจากประตูเปิดก็ปรากฏร่างสูงของชายคนหนึ่งในชุดยูนิฟอร์มของพนักโรงแรมเข้ามาในห้องและโค้งศีรษะให้กับเขา นาทีนี้เองทำให้คริสเตียนตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ที่โรงแรมแถวชานเมือง
“ห้องนี้ได้แจ้งว่าจะพักแค่คืนเดียว ทางเราเลยจะมาแจ้งว่าอีกสิบนาทีจะหมดเวลาใช้บริการ และสักครู่จะมีพนักงานทำความสะอาดมาทำความสะอาดห้องครับ แต่ถ้าหากคุณลูกค้าต้องการพักต่อรบกวนให้แจ้งกับทางโรงแรมด้วยครับ”
“ฉันไม่ต้องการพักต่อ แต่ฉันขอยืมโทรศัพท์หน่อย”
คริสเตียนสวนกลับทันทีตามอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังก่อเกิดขึ้นมาในตอนนี้ และก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อได้รับคำตอบจากพนักงานตรงหน้าว่า
“ขอโทษครับคุณลูกค้า พนักงานทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้พกโทรศัพท์เวลาทำงาน ถ้าหากคุณลูกค้าต้องการใช้โทรศัพท์รบกวนเชิญที่หน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมครับ”
“ฉันไม่มีเสื้อผ้าจะออกไปยังไงเล่า ไม่เห็นหรือไงว่าโป๊อยู่”
หลังจากพูดจบ ดวงตาคมกริบก็ประกายแสงแห่งความหวังเมื่อกวาดสายตามองรูปร่างพนักงานชายตรงหน้าแล้วพบว่าเขามีรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากตัวเองเท่าไหร่
และไม่นานคริสเตียนก็เดินออกมาจากห้องพักในชุดพนักงานชายของโรงแรม โดยเสนอค่าชุดแสนแพงให้กับพนักงานคนดังกล่าวพร้อมสัญญาว่าจะกลับมาจ่ายค่าชุดให้หลังจากที่ติดต่อการ์ดได้
……………………………….
บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมเล็กๆ ร่างอรชรในชุดเดรสชีฟองยาวถึงหัวเข่าสีฟ้าสวยหวานแบบแขนกุด กำลังก้าวฉับๆตรงมาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสอบถามถึงนายแบบหนุ่มที่นัดไว้ ทว่าเดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเท้าเพราะพนักงานหนุ่มที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงเคาน์เตอร์ตรึงสายตาเธอจนแทบลืมกระพริบตา เมื่อเผลอจ้องอยู่นานก็ได้สติ แต่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพราะไม่อยากหลุดเสียงกรีดร้องออกมา
“กรี๊ดดดด! พ่อของลูก”
ดวงตาคมสวยจับจ้องอยู่ที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดูองอาจที่กำลังวางสายโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับพนักงานสาวประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอิตาเลี่ยนซึ่งโรสศิรินไม่สามารถเข้าใจได้ ก่อนจะเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ตรงไปยังเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับแขกที่ต้องการนั่งพัก ทุกการก้าวเดินแลดูสง่า มีอำนาจ และน่าเกรงขาม ทั้งที่การแต่งตัวนั้นไม่ได้แตกต่างจากพนักงานชายคนอื่นๆของโรงแรมเลยสักนิด
แต่ไม่รู้ทำไมความรู้สึกในส่วนลึกของเธอถึงได้บอกว่าผู้ชายคนนี้มีความพิเศษกว่าพนักงานคนไหนๆ เพราะเขาดูไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และที่แปลกไปกว่านั้นคือเขากำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังดึงดูดบางอย่างฉุดให้หญิงสาวต้องเดินตามไปช้าๆโดยไม่รู้ตัว กว่าจะได้สติก็ตอนที่ได้มายืนอยู่ชิดด้านหลังของเขาเรียบร้อยแล้ว
“คุณคะ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลาหันมาตามเสียง แต่แล้วนัยน์ตาคมกริบสีสนิมเหล็กก็ต้องประกายแสงแวววาบเมื่อพบกับใบหน้างดงามขาวใสแลดูอ่อนเยาว์ของเจ้าของเสียงหวานที่ทักมาเป็นภาษาอังกฤษแบบเต็มตา
ความพึงพอใจแวบแรกที่เกิดขึ้นทำให้มุมปากหยักได้รูปยกยิ้มเล็กน้อยโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกตจากนั้นก็ชี้มาที่หน้าอกตัวเองพร้อมย้อนถามหญิงสาว
“คุณเรียกผมเหรอครับ”
“ใช่ค่ะคุณนั่นแหละ”
เจ้าของเสียงหวานยืนยันชัดเจน ขณะที่ดวงตาคู่สวยจ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง แสดงถึงความพึงพอใจอย่างไม่คิดปิดบัง เพียงแค่ได้สบตาก็ทำให้เธอลืมนึกถึงนายแบบหนุ่มอีกคนที่เธอได้นัดหมายไว้ก่อนหน้านี้ไปเสียสนิทใจ
‘เขาคนนี้แหละที่จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน’
หญิงสาวพึมพำกับตัวเองในใจ รู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเลื่อนสายตากวาดมองบุรุษหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ในชุดเสื้อเชิดสีขาวกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังธรรมดา เพียงแค่นี้เขาก็ดูสง่างาม อย่างไม่น่าเชื่อ
“มีปัญหาอะไรกับผมหรือครับคุณผู้หญิง”
เจ้าของเรือนร่างสมบูรณ์แบบเอ่ยถามเสียงเรียบ เก็บความรู้สึกขุ่นเคืองไว้ในใจ เมื่อถูกดวงตาคู่สวยถือวิสาสะกวาดมองราวกับกำลังประเมินสินค้า
“คุณเป็นพนักงานของโรงแรมนี้เหรอคะ”
หญิงสาวยกมือขึ้นมากอดอกด้วยท่าทางจริงจังและดูไว้ตัวนิดๆแต่สายตาที่จับจ้องชายหนุ่มตรงหน้ากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
“ต้องแบบนี้สิ ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ”
พูดออกไปเป็นภาษาไทยเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้ภาษาไทย แล้วก็เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว แต่แล้วครู่ต่อมาคิ้วเรียวโค้งงามก็ต้องขมวดเข้าหากันยุ่ง
“อะไรสมบูรณ์แบบ”
ชายหนุ่มไม่ยอมตอบแต่กลับย้อนถามเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วราวกับเป็นเจ้าของภาษา ดวงตาคมกริบสีสนิมเหล็กหรี่ตาลงเล็กน้อยมองเธออย่างใช้ความคิด ขณะเดียวกันก็เก็บซ่อนอารมณ์ขุ่นๆไว้อย่างใจเย็น
โรสศิรินถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยินภาษาไทยที่หลุดออกมาจากปากหยักได้รูปของอีกฝ่าย เธอเชื่อว่าหูตัวเองไม่ได้ฝาดแน่ๆ แต่เพื่อความแน่ใจเธอจึงต้องพิสูจน์อีกครั้ง
“คุณพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอคะ”
คราวนี้หญิงสาวเลือกที่จะถามเป็นภาษาไทย และแล้วเธอก็ได้รับคำตอบให้กระจ่างทั้งสำเนียงและภาษาเต็มสองรูหูกลับมา
“ไม่ใช่แค่พูดได้ แต่หัวใจผมก็เป็นไทยด้วย แถมเลือดในตัวครึ่งหนึ่งก็เป็นไทย ทีนี้คุณจะตอบคำถามผมได้หรือยังว่าอะไรสมบูรณ์แบบ”
‘ที่แท้ก็เป็นลูกครึ่งไทยนี่เอง โลกกลมจริงๆ’
“คุณค่ะ คุณเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ”
โรสศิรินตอบไปตามตรงอย่างไม่คิดจะอ้อมค้อมตามแบบฉบับของเธอ พลางจินตานาการไปว่าหากลูกของเธอเป็นลูกครึ่งเหมือนเขาก็คงมีหน้าตาดีไม่ต่างกัน ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“สรุปว่าคุณทำงานเป็นพนักงานของโรงแรมนี้หรือเปล่าคะ”
ถามออกไปแล้วก็อยากตีปากตัวเองนัก ก็เห็นอยู่ว่าเขาอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของโรงแรมนี้ แล้วยังจะต้องการคำยืนยันอะไรอีก
‘ให้ตายสิ สภาพฉันตอนนี้มันแย่ขนาดที่ถูกมองว่าเป็นพนักงานโรงแรมเลยหรือไงวะ’
คริสเตียนไม่ตอบเพียงแต่คำรามอยู่ในใจ เขาจะไม่โทษเธอที่เข้าใจผิด เพราะชุดที่เขาสวมใส่อยู่ตอนนี้คือชุดยูนิฟอร์มของพนักงานโรงแรมจริง
“คุณสนใจที่จะหารายได้พิเศษไหมค่ะ”
“รายได้พิเศษ”
คริสเตียนทวนคำขณะที่จ้องใบหน้างามของหญิงสาวเจ้าของคำถามด้วยความแปลกใจและสงสัย นี่สภาพของเขาตอนนี้ดูลำบากถึงขนาดต้องหารายได้พิเศษเลยเหรอ
“ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ ฉันไม่ใช่มิจฉาชีพหรือพวกสิบแปดมงกุฎสักหน่อย”
หญิงสาวย้อนถามไปด้วยความไม่พอใจ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกมองด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย แต่แค่แปลกใจเท่านั้นเองที่อยู่ดีๆคุณก็มาเสนองานพิเศษให้ผม คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่างานพิเศษของคุณคืออะไร”
ถามออกไปแล้วก็ต้องรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อส่งผลให้ดวงตาคู่สวยประกายแสงแห่งความยินดีขึ้นมาในทันที
“เรื่องนี้เราคงต้องคุยกันยาว วันนี้คุณช่วยลางานได้ไหมคะ เราจะได้ไปนั่งดื่มและคุยกันในร้านกาแฟ เดี๋ยวฉันออกค่าเสียเวลาให้คุณเอง”
“ไม่จำเป็นต้องลางานหรอก”
คริสเตียนบอกพลางส่ายหน้าช้าๆ โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติมเพราะคิดว่าเธอคงเข้าใจความหมายของเขาแล้วว่าเขาไม่ใช่พนักงานของที่นี่ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหญิงสาวนั้นเข้าใจไปอีกอย่าง โรสศิรินเข้าใจว่าชายหนุ่มเลิกงานแล้ว
“หมดเวลางานของคุณแล้วเหรอคะ งั้นก็ดีเลย”
เจ้าของเสียงหวานพูดจบก็ไม่รั้งรอให้ชายหนุ่มตอบรับหรือปฏิเสธเพราะมือเล็กๆนุ่มนิ่มรวบไปที่ข้อมือใหญ่อย่างถือวิสาสะจากนั้นก็ก้าวฉับๆเดินลากจูงชายหนุ่มออกไปจากโรงแรมทันที และจุดหมายของเธอคือร้านกาแฟที่เปิดอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม ซึ่งเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี