บทที่ 12

2235 Words
ด้านชีคเจ้าเล่ห์สองพี่น้องก็มานั่งคุยกันในห้องทำงานของชีควาคิมได้สักพักแล้ว ชีคราชิดจึงขอตัวไปทำตามแผนที่ตัวเองเตรียมไว้และที่สำคัญเขาก็ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของพี่เขากับคนสนิทสักเท่าไหร่เลยขอตัวไปทำตามแผนพิซิตใจสาวตามที่ได้ตระเตรียมไว้เมื่อคืน อามีนเดินตามท่านชีคเล็กของตนออกมาจากห้องทำงานของชีคใหญ่ก็แปลกใจว่าแผนอะไรทำไมเขาถึงไม่รู้ ทำไมชีคเล็กของเขาจะทำอะไรก็ต้องปิดบังเขาตลอดนะ เขาเป็นองครักษ์คนสนิทรึเปล่านะ ทำไมชอบรู้เรื่องนายคนสุดท้ายตลอดเลยก็ไม่รู้ “อามีน...เจ้าจะไปไหนก็ไปเลยไป เราอนุญาตให้เจ้าพักได้ 1 วันและไม่ต้องถามนะว่าเพราะอะไร เพราะเราขี้เกียจพูดซ้ำ เพราะเจ้าก็ได้ฟังหมดแล้วตอนที่อยู่ในห้องทำงานของท่านพี่” “แหม!...แหม!...ท่านชีคถึงกับต้องลงทุนไล่อามีนคนนี้เลยเหรอเนี่ย...เพื่อจะได้อยู่กับคุณเจนนี่สองต่อสอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านชีคเล็กของอามีนจะใช้แผนกับผู้หญิงทั้งๆ ที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงถวายกายให้ ฮ่าๆ ” อามีนหยอกเย้าผู้เป็นนายด้วยความสนิทสนม เขากับชีคราชิดนั้นเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จึงมีบ้างเป็นบ้างครั้งเขาพูดจาแบบนี้กับผู้เป็นนายได้อย่างไม่เกรงกลัว จะมีบางครั้งเท่านั้นจะใช้สุภาพแบ่งแยกฐานะกับผู้เป็นนาย เพราะผู้เป็นนายนั้นไม่ชอบให้ใช้คำแบ่งแยกฐานะกัน ด้วยความที่ไม่ถือตัวกับลูกน้องชีคใหญ่และชีคเล็กของเขาถึงได้เป็นที่รักและเคารพของทุกคนในเรยาร่า “อามีน...มาให้เราเตะก้นเจ้าเดี๋ยวนี้เลยนะถ้าไม่อยากโดนหักเงินเดือน ฮ่าๆ ” ชีคราชิดวิ่งไล่เตะก้นคนสนิทอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าอามีนเป็นคนขี้เล่นขนาดไหน แบบนี้ไงเขาถึงไว้ใจอามีนในทุกเรื่อง “ฮ่าๆ...ถ้าอามีนหยุดท่านชีคก็เตะก้นอามีนคนนี่น่ะสิไม่มีทาง ฮ่าๆ ” โดนขู่แบบนี้บ่อยๆ จนชินแล้ว เพราะอามีนรู้ว่าชีคเล็กของตัวเองแค่ขู่หักเงินเดือนเขาเฉยๆ แต่ก็ไม่เคยหักสักทีเพราะเขาพูดล้อชีคที่เคารพรักของเขาเป็นประจำ ด้านชีควาคิมนั่งทำงานอยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงของน้องชายตัวดีของตัวเองหัวเราะกับคนสนิทเสียงดังส่งเขามาถึงในห้องก็อดหัวเราะตามไม่ได้และยิ่งหัวเราะดังเข้าไปใหญ่เมื่อคิดถึงแผนที่ไอ้น้องชายตัวดีเล่าให้ฟัง จนทำให้ซาลัสสงสัยเอา “ท่านชีคหัวเราะเรื่องอะไรขอรับ? ” “เราก็หัวเราะเจ้าน้องชายตัวดีของเราน่ะสิซาลัส มีอย่างที่ไหนวางแผนจีบหญิง เราก็เห็นจะมีแค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละที่น้องเราไล่จีบหญิงแล้วแบบนี้นายจะไม่ให้เราหัวเราะได้ไงนายคิดดูสิซาลัส ฮ่าๆ ” เมื่อซาลัสคิดตามสิ่งที่ชีคใหญ่ของตนพูดมันก็จริงทุกอย่างเพราะคนอย่างชีคราชิดไม่เคยไล่จีบหญิงที่ไหนมาก่อนมีแต่มาเสนอตัวให้เป็นส่วนมาก คิดได้ดังนั้นแล้วซาลัสก็หัวเราะตามผู้เป็นนายไปอีกคน ก่อนจะหยุดหัวเราะแล้วก็หันไปดูชีคใหญ่ของตนที่หยุดหัวเราะตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดูเหมือนสีหน้าผู้เป็นนายของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยในตอนนี้ อยู่ดีๆ ก็หยุดหัวเราะแล้วนั่งน่าเศร้าซะงั้นเขาเดาไม่ออกจริงๆ ว่าชีคใหญ่ของเขานั้นเป็นอะไรไป “ท่านชีคมีเรื่องอะไรทุกข์ใจรึเปล่าขอรับ มีอะไรเล่าให้ซาลัสคนนี้ฟังได้นะขอรับ” ยิ่งได้รู้เรื่องอามีนเล่าเรื่องราวของแพรไหมกับชีคใหญ่ของเขาให้ฟัง เขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงชีคใหญ่ของเขา จะพอมีทางไหนบ้างทำให้ท่านชีคของเขาสมหวังกับแพรไหมได้บ้างนะ “ถ้าเจ้ารู้เจ้าก็ช่วยเราไม่ได้หรอก” เรื่องนี้มันเป็นปัญหาหัวใจของเขากับแพรไหม ไม่มีใครสามารถมาช่วยได้ทั้งนั้นนอกจากตัวเขาเอง “ถ้าท่านชีคไม่เล่าแล้วซาลัสจะช่วยท่านชีคได้ยังไงขอรับ ท่านชีคโปรดเล่าให้ซาลัสฟังด้วยเถิดขอรับ” ซาลัสไม่อยากให้ชีคใหญ่ของตนต้องเศร้าไปแบบนี้ ชีควาคิมตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของเขากับแพรไหมเมื่อสองปีก่อนให้กับคนสนิทฟังอย่างละเอียด สีหน้าตอนเล่าเรื่องราวของเขานั้นยิ้มแย้มไปด้วยความสุขในใจ พอเล่าจบก็กลับไปทำหน้าเศร้าเช่นเดิม ด้านหนึ่งในอุทยานนิสรีนของคฤหาสน์นิสรีนกำลังมีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ที่รับอาสาเป็นไกด์พาสองสาวจากไทยเที่ยวคฤหาสน์ของตนโดยอ้างเหตุผลกับสองสาวว่า “อามีนไม่ว่างออกไปทำงานข้างนอกให้เขาเขาเลยต้องมาเป็นไกด์พาเที่ยวเอง อีกอย่างเขาก็เป็นคนชวนและนัดด้วย ถ้าไม่ทำตามที่พูดคงไม่ดีแน่” นี้คือเหตุผลที่ชีคราชิดยกมาอ้างว่าทำไมต้องเป็นเขาพาเดินชมคฤหาสน์แทนที่จะเป็นอามีน “เหรอคะเสียดายจังว่าจะขอให้คุณอามีนพาไปเที่ยวข้างนอกสักหน่อย” พิรัณญาเอ่ยด้วยท่าทางผิดหวังเสียใจที่อามีนไม่อยู่ ชีคราชิดขบกรามตัวเองแน่นจนสันกรามปูดโปนขึ้นเพียงเพราะได้ยินหญิงที่ตัวเองหมายตาไว้พูดถึงชายอื่นที่ไม่ใช่ตน แต่ก็พยายามระงับไว้เพื่อจะได้เอาชนะใจหญิงสาว เขาไม่อยากใช้วิธีเหมือนที่เคยผ่านมา เพราะพิรัณญาจะเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคต แต่ทุกอิริยาบถของชีคราชิดก็ไม่ได้พ้นสายตาของแพรไหมเลย เธอพอจะดูออกด้วยว่าชีคราชิดคิดยังไงกับเพื่อนรักของเธอ เพราะตลอดการเดินชมคฤหาสน์นั้นชีคราชิดก็ดูเอาใจใส่เพื่อเธอเป็นพิเศษอย่างออกหน้าออกตา “ท่านชีคราชิดคะ วินนี่ขอตัวกลับไปพักผ่อนบนห้องก่อนนะคะ พอดีวินนี่รู้สึกเพลียๆ เลยอยากนอนพักผ่อนเอาแรงสักหน่อยค่ะ” อยากรู้นักว่าเพื่อนของตนจะทำยังไงเมื่ออยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง “ครับคุณวินนี่ตามสบายเลยครับ” ชีคราชิดหน้าชื่นตาบานขึ้นมาทันทีเมื่อจะได้อยู่กับพิรัณญาสองต่อสองจนลืมความโกรธก่อนหน้านี้ “แล้วฉันล่ะยัยวินนี่ แกจะให้ฉันเดินเที่ยวคฤหาสน์กับท่านชีคสองคนเหรอ ถ้าแกไม่เดินเที่ยวฉันก็ไม่เที่ยวนะแก” ด้วยความกลัวใจตัวเองเมื่อเวลาอยู่กับชีคราชิดสองต่อสองโดยเฉพาะดวงตาสีทรายคู่นั้นที่เธอสบเข้าทีไรก็แทบทำอะไรต่อมิอะไรไม่ถูกทุกทีเลย “เจนนี่แกอย่าเรื่องมากได้ไหมท่านชีคราชิดอุตส่าห์เสียสละเวลาพาเราชมคฤหาสน์ทั้งที แกก็น่าจะรู้นะเจนนี่ว่าท่านชีคไม่ได้มีเวลาแบบนี้บ่อยๆ ทั้งๆ ที่งานเขาเยอะจะตายไปใช่ไหมคะท่านชีค? ” แพรไหมหันไปเอ่ยถามชีคราชิดเพื่อขอความเห็น “ครับคุณวินนี่” ชีคราชิดตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นักแต่ชีคราชิดก็รู้ว่าแพรไหมต้องการจะช่วยให้เขาได้อยู่กับพิรัณญาสองต่อสอง “ก็ได้วินนี่ฉันอยู่เที่ยวกับท่านชีคต่อก็ได้ ไปแกขึ้นไปนอนพักผ่อนเถอะเดี๋ยวจะเป็นไปมากกว่านี้” หลังจากแพรไหมเดินลับตาไปแล้วชีคราชิดก็พาพิรัณญาเดินเที่ยวชมในอุทยานนิสรีนต่ออย่างมีความสุข “ท่านชีคคะทำไมอุทยานแห่งนี้ถึงชื่อนิสรีนเหมือนชื่อคฤหาสน์ ทำไมไม่มีดอกไม้ชนิดอื่นบ้างเลยคะ และทำไมต้องมีแต่ดอกกุหลาบขาวคะ” ก็ตั้งแต่เดินชมอุทยานแห่งนี้ก็ไม่เห็นมีดอกไม้ชนิดอื่นเลยนอกจากดอกกุหลาบขาวที่เธอเห็นเต็มไปหมดและมีกุหลาบสีอื่นบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนมากอุทยานแห่งนี้จะมีแต่กุหลาบขาวมากกว่าซะส่วนใหญ่ “ถามยาวจังเลยครับเจนนี่ แล้วจะให้เราตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะเนี่ย” เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มนวลของหญิงสาว และแล้วมันก็เป็นอย่างเขาคิด เมื่อสาวเจ้าหันหน้ามาแก้มนวลก็ชนเข้ากับจมูกโด่งเป็นสันของเขาเข้าอย่างจัง “ว๊าย!...คุณมาหอมแก้มฉันทำไม” พิรัณญาร้องถามด้วยความตกใจอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดแล้วหน้าก็แดงขึ้นมาทันที ก็ตั้งแต่โตเป็นสาวมาได้ 24 ปีไม่เคยมีใครได้หอมแก้มนวลเธอแม้แต่คนเดียว แต่ยกเว้นแม่กับพ่อเธอเท่านั้นที่ได้สัมผัสแก้มนวลเธอ ชีคราชิดเห็นคนตรงหน้าปั้นหน้าปั้นตาทำเป็นโกรธเมื่อโดนเขาหอมแก้มก็อยากจะหอมแก้มอีกข้างของหญิงสาวจริงๆ ก็ดูเอาเถอะ ตีหน้าโหดแต่หน้าแดงยังกะผลเชอร์รี่สุกยังไงอย่างงั้น น่ากินอย่างแรง หึหึ ยิ่งมองยิ่งน่ารักน่าฟัด คนอะไรเวลาเขินน่ารักเป็นบ้าเลย... พิรัณญาเอาแต่ก้มหน้าเอียงอายไม่กล้าสบตาเขา แต่พอเงยหน้าขึ้นได้สบเข้ากับในตาสีทรายของชีคราชิดเข้าอย่างจัง ทำให้แข่งขาของเจ้าหล่อนไม่มีเรี่ยวแรงจะทรงตัวได้อีกต่อไป หญิงสาวทรุดฮวบลงกับพื้นหญ้าอย่างรวดเร็วจนทำให้ชีคราชิดตั้งตัวไม่ทัน จนทำให้เธอไปนั่งเล่นที่พื้นหญ้าอย่างที่เห็น ตอนนี้เธออายแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว เขินจนยืนไม่อยู่ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น พิรัณญาสาวใจหินมาพลาดท่าเสียทีให้กับชีคราชิดสุดหล่อคนนี้ให้จงได้ “เจนนี่เป็นอะไรมากไหม? ” เขาถามด้วยความห่วงใย เขาตกใจมากอยู่ดีๆ สาวเจ้าก็ทรุดฮวบลงพื้นแบบนั้น “เปล่าค่ะ” หญิงสาวยอมให้เขาประคองขึ้นอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่ยอมเงยหน้ามองใบหน้าชายหนุ่ม “เปล่าแล้วก้มหน้าทำไม? ” ยิ่งพิรัณญาก้มหน้าตอบแบบนี้เขายิ่งเป็นห่วงเธอมากขึ้นเท่านั้น “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะท่านชีค” ย้ำเสียงดังฟังชัด จนทำให้ชีคราชิดหายห่วงไปอีกเปาะ “เราว่าเราพาเจนนี่กลับเข้าไปพักผ่อนในคฤหาสน์ดีกว่าไหม” “ไม่เป็นไรจริงๆ แล้วค่ะท่านชีค ขอบคุณนะคะท่านชีคที่เป็นห่วง” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเขาพร้อมกับปัดมือเขาออกจากตัวเองตอนนี้พิรัณญาคนเดิมเริ่มกลับมาแล้ว “ท่านชีคจะตอบคำถามที่เจนนี่ถามก่อนหน้านี้ได้รึยังคะเจนนี่อยากรู้? ” ชีคราชิดปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ทั้งที่เมื่อกี้พิรัณญาเหมือนจะไม่สบายแต่ตอนนี้กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว “คือมารดาของเราชอบดอกกุหลาบขาวมากเลยตั้งชื่อคฤหาสน์นี้ว่าคฤหาสน์นิสรีน ซึ่งแปลว่า ดอกกุหลาบขาว และอุทยานแห่งนี้ก็เหมือนกันมารดาของเราทรงโปรดดอกกุหลาบขาวเลยตั้งชื่อของอุทยานนี้เหมือนชื่อของคฤหาสน์เลยทำให้ดอกไม้ในอุทยานนี้มีแต่ดอกกุหลาบขาวอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ” เขานึกถึงภาพของมารดาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะมักมาเดินเล่นพักผ่อนในอุทยานนี้แทบจะทุกวัน พอคิดถึงมารดาผู้ล่วงลับไปสีหน้าของเขาก็เศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด พิรัณญาเห็นสีหน้าของชีคราชิดเศร้าไปก็รู้สึกสงสารเขาอยู่ในใจลึกๆ ทำไมเห็นเขาเศร้าแล้วเธอต้องรู้สึกเจ็บตรงอกซ้ายนะ หญิงสาวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร “เจนนี่เสียใจด้วยนะคะเรื่องแม่ของท่านชีคและขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ท่านชีคนึกถึงท่านอีกครั้ง” หญิงสาวหายสงสัยแล้ว่าทำไมสองชีคพี่น้องถึงได้เลือกมาอยู่คฤหาสน์กลางทะเลทรายแทนที่จะอยู่ราชวังในตัวเมืองที่สะดวกสบายไปเสียทุกอย่าง แต่ก็เลือกมาอยู่ที่นี่แทน ช่างเป็นลูกที่รักพ่อแม่เสียจริง “ไม่เป็นไรเจนนี่มันไม่ใช่เพราะเจ้า เพราะเราตั้งใจจะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” “ท่านชีคคะอากาศเริ่มร้อนแล้วค่ะเจนนี่ว่าเรากลับเข้าไปในคฤหาสน์ดีกว่าไหมคะ” ก็เวลานี้อากาศในทะเลทรายมันร้อนยิ่งกล่าวอะไร แต่พอตกกลางคืนก็หนาวสุดใจ “อืม!...งั้นเราก็กลับกันเถอะเพราะอากาศในทะเลทรายตอนบ่ายๆแบบนี้อาจจะทำให้เราร้อนตายได้ แต่ถ้าเป็นกลางคืนอากาศก็จะหนาวเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกเลยแหละ เลยทำให้เวลากลางคืนเราไม่เปิดเครื่องปรับอากาศกันแต่จะเปิดเครื่องปรับอากาศเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD