กรุงโรม ประเทศอิตาลี
ราซิเอลโล่ในวัยสามสิบแปดปีก้าวเดินลงมาจากรถสปอร์ตหลังจากนำมันมาจอดในโรงจอดรถของบ้าน เขาก้าวเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ที่ในความรู้สึกของเขาตอนนี้คิดว่า มันใหญ่เกินไป ใหญ่จนรู้สึกถึงความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงา เข้ามาในบ้านไม่เจอสมาชิกในครอบครัวที่ต่างมีหน้าที่ด้วยกันทั้งสิ้น คนที่เขาเจอกลับเป็นคนรับใช้ บางครั้งเขาคิดว่า อยากมีบ้านหลังเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ไงไอ้เสือ วันนี้กลับบ้านได้ ไม่หิ้วผู้หญิงไปกกเหรอ” นานโอ อาหนุ่มวัยสี่สิบเจ็ดปีทักหลานชาย
“แล้ววันนี้ทำไมคุณอาอยู่บ้านได้ ปกติไม่เห็นอยู่” หลานชายไม่ตอบ แต่ถามกลับ
“ฉันก็กลับบ้านทุกวัน มีแต่แกนี่แหละนานๆ ทีจะโผล่หัวกลับมาบ้าน” ราซิเอลโล่หยักไหล่ เดินไปนั่งบนโซฟา “แกเตรียมจัดกระเป๋าหรือยัง”
ราซิเอลโล่ย่นคิ้วกับคำถามของอาหนุ่ม “จัดกระเป๋า จัดทำไม จัดไปไหนครับ”
“แกอย่าบอกนะว่าแกลืม” นานโอส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนทวนความจำให้หลานรัก “แกลืมจริงๆ ด้วย ฉันกับแกต้องไปเมืองไทยวันมะรืนนี้ ฉันบอกให้แกรู้เป็นอาทิตย์แล้วนะ แกดันลืมซะได้”
“ผมลืมไปเลย แต่ไม่เป็นไร จัดกระเป๋าแปปเดียวก็เสร็จ”
ราซิเอลโล่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต
“แล้ววันนี้แกนึกยังไงถึงกลับบ้าน เวลานี้แกน่าจะอยู่กับสาวๆ ไม่ใช่เหรอ” นานโอถามอย่างรู้นิสัยหลานรัก
“เบื่อ” ราซิเอลโล่ตอบสั้นๆ “อยู่ๆ ก็เบื่อขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่า ไม่ถูกใจผู้หญิงคนไหนเลย พอเห็นหน้า หมดอารมณ์ซะงั้น”
“ฉันก็เพิ่งรู้ว่าคนอย่างแกเบื่อผู้หญิงก็เป็นด้วย จะว่าไปอายุแกก็สมควรมีครอบครัวได้แล้วนะ อย่าปล่อยให้อายุเลยมาไกลเหมือนฉัน เพราะบางทีแกอาจเสียโอกาสอะไรไปในชีวิตก็ได้” นานโอเตือนหลานชาย
“ที่ว่าเสียโอกาสอะไรไป มันคืออะไรคุณอา”
“โอกาสที่แกเจอผู้หญิงดีๆ ไงล่ะ บางทีอาจผ่านเข้ามาในชีวิตแก แต่แกเพิกเฉยไม่ใส่ใจ ปล่อยผ่านเลยไป พอนึกถึงมันก็สายเกินไปอะไรทำนองนี้”
คำตอบของนานโอกระแทกใจราซิเอลโล่อย่างจัง ราซิเอลโล่อาจเจอผู้หญิงดีๆ เหมาะจะมาเป็นแม่ของลูก ทว่าเขากลับไม่ใยดี ไม่ใส่ใจความรู้สึก จนหล่อนหลุดมือไป และเขาก็ไม่คิดวิ่งตามหล่อนกลับคืนมา สตรีที่เขากำลังนึกถึงคือ เพชรหอม หญิงสาวที่ก่อกวนใจเขามาตลอดเจ็ดปี ราซิเอลโล่มีความรู้สึกว่า ตนเองมีอะไรติดค้างเพชรหอมอยู่ ทว่าเขาก็ไม่คิดค้นหาคำตอบคาใจ
“คุณอาพูดเหมือนกับว่าเคยพลาดโอกาสนั้นไป”
“ฉันไม่เคยเจอหรอก และคิดว่าไม่เจอด้วย เลยวัยแล้วมั้ง ฉันอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว เหงาบ้างบางเวลา แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาความเหงาก็หาย” นานโอพูดอย่างคนเข้าใจชีวิต และยอมรับชีวิตที่ตนเป็นอยู่ “ฉันอยากให้แกมีครอบครัว เพราะมันถึงวัยแล้ว เลยจากนี้ไปบางทีแกอาจไม่อยากมีชีวิตคู่ เพราะคิดว่าอยู่คนเดียวได้ แต่ไม่ใช่ว่าแกไปเมืองไทยแล้วจะหิ้วผู้หญิงไทยกลับมาเป็นเมียนะ ถ้าแกทำอย่างนั้นแม่แกมาถลกหนังหัวฉันแน่ แกก็รู้ว่าแม่แกไม่ชอบสาวไทย แถมยังมองหาผู้หญิงให้แกด้วย”
เมื่อพูดถึงสาวไทย คนเดียวที่ราซิเอลโล่นึกถึงคือเพชรหอม หญิงสาวที่ยังคงรบกวนจิตใจเขาเนืองๆ และไม่หลุดออกจากความทรงจำง่ายๆ ด้วย และพานานโอพูดถึงมารดาบังเกิดเกล้า คนเป็นหลานถึงกับไม่อยากพูด
“คุณอาอย่าพูดถึงคุณแม่เลย เพราะคุณแม่นี่แหละที่ทำให้ผมไม่อยากกลับบ้าน รบเร้าให้ผมไปหาแบร์รี่อยู่ได้ รู้ๆ อยู่ว่าผมไม่ชอบ” ราซิเอลโล่ทำเสียงหงุดหงิด
“แต่จะว่าไป ฉันว่าแบร์รี่ก็น่ารักดีนะ แกก็ลองเปิดใจสิ เผื่อจะรักแบร์รี่ได้” นานโอแนะนำ
“ไม่เอาดีกว่า” ราซิเอลโล่ปฏิเสธทันควัน “ผมขอตัวก่อนนะครับคุณอา อยากพักผ่อน”
ราซิเอลโล่ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนทันทีที่พูดจบ นานโอมองตามร่างหลานชายไปอย่างจับสังเกตได้ว่า ราซิเอลโล่กำลังมีเรื่องบางอย่างกวนหัวใจ แต่จะเรื่องใดนั้นเขาไม่ถาม เพราะหากหลานชายอยากบอกก็จะบอกให้ตนรู้เอง
เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัว ราซิเอลโล่นอนแผ่หลาบนเตียง ในสมองเขานึกถึงเพชรหอม การไปเมืองไทยครั้งนี้ เขาจะได้เจอหล่อนหรือไม่ หล่อนจะเป็นเช่นไร สบายดีไหม มีครอบครัวหรือยัง เขาคิดสะระตะ จนรู้สึกว่า เพชรหอมกำลังมีอิทธิพลกับตนมากเกินไป
“จะคิดถึงทำไมวะก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ผู้หญิงที่คิดจะจับเรา คิดให้เปลืองสมองเปล่า”
ราซิเอลโล่พูดกับตัวเอง ก่อนตัดความรู้สึกนึกคิดของตนเอง ลุกเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำให้สบายตัวสบายใจ จากนั้นก็กลับมานอนบนเตียงอีกครั้ง เพื่อดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา
ช้องนางเดินถือถุงกระดาษที่มีเสื้อผ้าชุดสวยอยู่ในนั้นหลายชุดมายังห้องล็อกเกอร์ หล่อนหันซ้ายหันขวาราวกับว่าจะมองหาใครบางคนอยู่ แล้วเมื่อเห็นว่าคนที่ตนกำลังต้องการพบนั่งแต่งหน้าอยู่ตรงบานกระจกบานใหญ่ที่มีไว้สำหรับให้พนักงานหญิงเสริมความงาม หล่อนปรี่เดินไปหาเพชรหอมทันที
“อ๊ะ! เสื้อผ้า” เพชรหอมมองถุงกระดาษ ก่อนเงยหน้ามองหน้าเพื่อน
“เสื้อผ้าอะไร” เพชรหอมถามอย่างสงสัย
“ก็เสื้อผ้าที่แกต้องใช้ระหว่างเป็นล่ามไง ฉันไปขอพี่มลมาให้ นางจัดให้แกห้าชุดเลย” คนถามเยี่ยมหน้ามองเสื้อผ้าในถุงกระดาษที่หล่อนรู้ดีว่า มีแต่ยี่ห้อราคาแพง ราคาที่หล่อนเอื้อมไม่ถึงทั้งนั้น
“โห ไม่เอาหรอก ถ้าฉันทำเสื้อผ้าพี่มลเสียหาย ฉันไม่มีปัญญาใช้หรอกนะ ตัวนึงตั้งหลายพัน” เพชรหอมปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน
“แกไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เสื้อผ้าพวกนี้พี่มลโละทิ้งแล้ว นางให้แกเลย ให้แล้วให้เลย แกจะทำเสียหายยังไงก็ไม่ต้องชดใช้” ขณะช้องนางพูด เพชรหอมหยิบเสื้อขึ้นมาดู
“ตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลยนะ ดูสิยังมีป้ายราคาติดอยู่เลย อู้หู...ตัวละตั้งเจ็ดพันแน่ะ” เพชรหอมทำตาโตเมื่อเห็นป้ายราคาค่าเสื้อผ้า
“ตัวนี้ยังถูก เมื่อวานนางซื้อชุดเดรสราคาหมื่นสองมาหนึ่งชุด ฉันก็นั่งมองชุดนะก็ไม่เห็นว่ามันจะเลิศเลอเพอร์เฟคตรงไหน แบบก็เรียบ ฉันว่านะ ชุดบางชุดของนางตามตลาดนัดสวยกว่าเยอะ” ช้องนางนินทาพี่สาวต่างแม่ให้เพชรหอมฟัง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก “แกไม่ห่วงเรื่องเสื้อผ้านางเลย นางมีล้นตู้ ทิ้งไปก็เยอะ ไม่ได้ใส่ก็แยะ ไม่รู้จะซื้อมาทำไมหนักหนา ซื้อแล้วก็ไม่ใส่”
“แกก็ใส่แทนสิ”
“ถ้าฉันใส่ได้ฉันใส่ไปแล้ว แต่นี่มันติดนม นมฉันดันใหญ่กว่านาง ใส่ของนางแล้วมันรัดนมหายใจไม่ออก เฮ้อ! เกิดมาหนักอกก็ต้องหนักใจอย่างนี้แหละ ฉันเลยขอเสื้อผ้านางมาให้แกไง แกใส่ไปโลด สวยๆ แพงๆ ทั้งนั้น นางรวยแค่ไม่กี่ชุดนางไม่ยี่หระหรอก”
มารดาของวรรณวิมลมีฐานะร่ำรวย เป็นเศรษฐีทางภาคเหนือที่คนเรียกติดปากกันว่าแม่เลี้ยงสาย วรรณวิมลจึงมีนิสัยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พักอยู่ในคอนโดสุดหรูราคาห้องละเกือบเก้าล้านบาท ดูแลกิจการร้านผ้าไหมและร้านทองในกรุงเทพ ไม่แปลกที่วรรณวิมลจะใช้ชีวิตแบบหรูหรา ต่างกับช้องนางที่ใช้เงินอย่างประหยัด ตามฐานะของบิดามารดา แต่ยังดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างช้องนางกับวรรณวิมลเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน บ่อยครั้งที่วรรณวิมลหยิบยื่นเงินให้ใช้สอย รวมถึงส่งเสียให้ช้องนางเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ช้องนางจึงรักและเคารพวรรณวิมลมาก
“แกโชคดีนะที่เกิดมานมใหญ่ ไม่ต้องศัลยกรรมให้เปลืองเงิน”
“นมใหญ่ไม่ดีหรอก มันหนัก ฉันไม่ชอบ ฉันชอบแบบพอดีมากกว่า”
“แกไม่ชอบ แต่ผู้ชายชอบนะ” เพชรหอมเย้าเพื่อน
“เลิกพูดเรื่องนมฉันดีกว่า ค่ำนี้ฉันมีนัดกับต้าร์ แต่ไม่อยากไปคนเดียว แกไปกับฉันหน่อยนะ”
เพชรหอมทำหน้าแปลกใจกับการถูกชวนไปเที่ยว เพราะปกติช้องนางจะไปไหนมาไหนกับไกรศรสองต่อสองเสมอ แต่ครั้งนี้ทำไมถึงชวนตน
“ทำไมแกถึงไม่อยากไปกับต้าร์ตามลำพังล่ะ ต้าร์เป็นแฟนแกนะ”
“ไม่รู้สิ ใจมันบอกมั้ง พูดไม่ถูกอ่ะ” ช้องนางพูดอย่างไม่เข้าใจตัวเองว่า เหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้ “แกจะไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
“ได้ แต่กลับดึกไม่ได้นะ เต็มที่ไม่เกินสี่ทุ่ม”
“สองทุ่มฉันก็บินแล้ว ไม่อยากอยู่ดึก”
“เลิกงานเจอกันนะ” เพชรหอมสรุป
“อืม ฉันไปก่อนนะ” ช้องนางบอกเพื่อน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องล็อกเกอร์หญิง เพชรหอมจึงหันมาแต่งหน้าให้แล้วเสร็จ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องดังกล่าวเพื่อไปทำหน้าที่ของตน