8. Worked with for the first time

2837 Words
@หอพักเฟริน "ซอยนี้เหรอ" พี่เขาถามขึ้นพร้อมกับเลี้ยวรถเข้ามาในซอยที่ฉันบอกให้เลี้ยวเข้ามา "ค่ะ" ฉันตอบออกไป ตลอดทางเราไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นถามคำตอบคำซะมากกว่า "หอนี้ค่ะ เดี๋ยวเลี้ยวเข้าไปกลับรถตรงลานจอดรถในหอได้ค่ะ" เป็นการพูดที่ยาวที่สุดตั้งแต่เจอกันจนพี่เขาขับรถมาส่งถึงหอ "ไม่เห็นว่าจะใกล้รถไฟฟ้าเลย" พี่เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจอดรถหน้าหอพักฉัน "ก็ไม่ไกลนะคะ เดินออกจากซอยนิดเดียวก็ถนนใหญ่แล้ว แล้วรถไฟฟ้าก็ถัดจากซอยนี้แค่ 2 ซอยเอง เดินจนชินมั้งคะ เลยไม่คิดว่ามันไกล" ฉันหันหน้ามาอธิบายให้พี่เขาฟัง ส่วนพี่เขาก็หันหน้ามาจ้องฉัน ทำให้เราสบตากันโดยบังเอิญ จนฉันรู้สึกตัวเลยหันหน้าไปอีกฝั่งทันที "ขอบคุณนะคะ" ฉันกล่าวขอบคุณแล้วหันหน้าเพื่อไปเปิดประตูรถฝั่งคนนั่ง "อืมม แล้วเจอกันวันจันทร์" พี่เขาพูดขึ้นหลังฉันเปิดประตูลงไป พร้อมกับกำลังจะปิดประตูรถ จากนั้นฉันก็เดินขึ้นหอทันทีโดยไม่ได้มองว่ารถพี่เขาขับออกไปรึยัง หลังจากที่อาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย พร้อมจะนอน แต่ฉันกลับนอนไม่หลับ จึงหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเปิดไปยังโปรแกรมที่ทำให้ฉันได้คุยกับพี่เขา ซึ่งในทุกครั้งที่คุยกัน หัวใจของฉันมันก็ค่อยๆไปอยู่ที่พี่เขาเรื่อยๆอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันถามตัวเองว่าทำไมก่อนจะให้ใจพี่เขาไป ฉันไม่ถามพี่เขาก่อนนะว่า พี่เขาโสดหรือเปล่า ความรู้สึกของฉันจะได้ไม่เจ็บแบบนี้ Team 15 พฤษภาคม 22:30 Ferin : ทำไรอยู่คะพี่ วันนี้งานเยอะไหม Jadai : เพิ่งอาบน้ำเสร็จ วันนี้งานไม่เยอะเท่าไร Jadai : วันนี้เราทำอะไรบ้าง Ferin : เช็คคอมและมอนิเตอร์ของแต่ละคนเพิ่งเสร็จค่ะ 27 พฤษภาคม 22:40 Ferin : วันนี้เหนื่อยไหมคะ Jadai : นิดหน่อย Ferin : เฟ เพิ่งรู้ว่าพี่เป็นลูกครึ่ง Jadai : อืม ไทย-เมกัน Ferin : มิน่า ทำไมถึงชื่อฝรั่ง พ่อเป็นคนอเมริกาเหรอคะ Jadai : ป่าว แม่คนเมกัน ส่วนพ่อคนไทย Ferin : เหรอคะ น้อยคนนะนี่ ที่จะเห็นพ่อเป็นคนไทย แม่เป็นฝรั่ง ส่วนใหญ่ที่เฟรู้จัก พ่อฝรั่งกันทั้งนั้นเลย 12 มิถุนายน 22:45 Jadai : อยู่ไหม หลับรึยัง Ferin : ยังค่ะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ พี่ล่ะคะทำไรอยู่ Jadai : เพิ่งทำไรเสร็จเหมือนกัน Ferin : วันนี้ไปตะลุยที่ไหนคะ เหนื่อยไหม Jadai : ลูกค้าพาไปสำรวจตลาดที่เสียมราฐ วันนี้นั่งรถตุ๊กตุ๊กไฮโซไปด้วย Ferin : อิจฉา อยากนั่งบ้าง Jadai : ไว้จะพามา 26 มิถุนายน 22:47 Ferin : ทำไรอยู่ค่ะ Ferin : ยุ่งอยู่เหรอคะ งั้นไม่กวนแล้วค่ะ 27 มิถุนายน 00:07 Jadai : เพิ่งกลับถึงห้องพัก Jadai : นอนแล้วเหรอ Jadai : sweet dream ฉันเลื่อนอ่านข้อความที่คุยกับพี่เขาในแต่ละวัน ตอนที่พี่เขาอยู่ที่โน่น เราคุยกันแทบทุกคืน ไม่ฉันทักไป พี่เขาก็จะทักมา ช่วงหลังๆจะเป็นพี่เขาทักมาก่อน เพราะช่วงหลังกว่าฉันจะกลับถึงบ้าน และจัดการตัวเองเสร็จพี่เขาก็ทักมาก่อนแล้ว แต่วันนี้ได้เจอกันจริงๆ โดยไม่ผ่านเครื่องมือสื่อสาร ฉันกลับรู้สึกไม่มีความสุขเหมือนตอนที่คุยผ่านโปรแกรม Team เลย คงเพราะฉันรู้ความจริงว่าเขามีเจ้าของด้วยแหละมั้ง มันเลยทำให้เหมือนฉันตื่นจากฝันดี ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เฮ้อ สองวันที่หยุดนี้ รีบตัดใจเลยอีเฟ ก่อนที่จะเจ็บหัวใจไปมากกว่านี้ ฉันบ่นกับตัวเองในใจพร้อมกับจ้องที่ข้อมือตัวเอง ที่ตอนนี้มีสร้อยที่พี่เขาใส่ให้อยู่บนข้อมือ เอ็นดูฉันตามประสาพี่น้องเหรอ? มีไมตรีตามปกติของเพื่อนร่วมงาน? สงสารชีวิตฉันเลยทำดีขนาดนี้? ฉันนั่งถามตัวเองจนหลับคาโต๊ะเขียนหนังสือไปเลย วันต่อมา @บริษัท YSD ฉันมาถึงออฟฟิศ 8 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฉันมาประจำอยู่แล้ว พอเปิดประตูเข้าไป พี่ภูมิ ผู้ชายอบอุ่น มาแต่เช้าเลยวันนี้ เหมือนแดจาวูไปตอนวันที่ฉันมาทำงานวันแรกเลย วันนั้นมาถึงเจอพี่ภูมิวุ่นวายกับเครื่องถ่ายเอกสารเพียงลำพังเหมือนกับวันนี้ "ให้เฟช่วยมั๊ยค่ะ" ฉันเดินเข้าไปถามหลังจากวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว "อ้าว เฟเองเหรอ โทษที พี่ไม่ทันได้มอง" พี่ภูมิพูดขึ้นมา แต่ยังวุ่นอยู่กับเครื่องถ่ายเอกสาร และเอกสารหลายแผ่นที่วางโต๊ะข้างๆเครื่องถ่ายเอกสาร ฉันเห็นแบบนั้นจึงหยิบเอกสารที่คิดว่ายังไม่ได้ถ่าย กะจะหยิบขึ้นมาช่วยถ่ายเอกสารให้ ขณะที่พี่เขากำลังจัดเรียงเอกสารแต่ละชุดอยู่ ในช่วงจังหวะที่ฉันหยิบเอกสาร พี่ภูมิก็ยื่นมือมาหยิบด้วยกัน แต่ด้วยช่วงจังหวะฉันไวกว่า ทำให้มือฉันจับโดนเอกสาร ส่วนมือพี่ภูมิจับที่มือฉันแทน เราสบตากันอยู่สักพัก พี่ภูมิถึงยอมปล่อยมือเขาจากมือของฉัน "เอ่อ ขอโทษ แล้ว ขอบใจนะที่ช่วย" พี่ภูมิกล่าวขอโทษฉัน ส่วนฉันหลังจากถูกปล่อยจากการจับมือ ก็รับหันหน้าเข้าเครื่องถ่ายเอกสารทันที กลัวพี่ภูมิจะรูัว่าฉันมีอาการเกินพี่เขา ฉันเป็นคนผิวขาว เวลาเกิดอาการเขินหรืออายมันเลยเห็นได้ง่ายจากสีที่แดงระเรื่อบนใบหน้าฉัน "แล้วนี่พี่ภูมิจะไป Present งานที่ไหนคะ ถึงถ่ายเอกสารหลายชุดเลย" ฉันเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับถ่ายเอกสารไปด้วย "ที่ Thai Oil แล้วคนเข้าประชุมเยอะ เอกสารเลยเยอะตาม" พี่ภูมิตอบกลับพร้อมกับนั่งเย็บเอกสารเป็นชุดๆ ที่โต๊ะข้างเครื่องถ่ายเอกสาร ตี๊ดดดด (เสียงคนติ๊ดบัตรประตูเข้ามา) "เฮ้ย เจได" เสียงพี่ภูมิร้องเรียกคนที่เข้ามาใหม่ โดยฉันยังหันหน้าเข้าหาเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ โดยไม่มองคนใหม่ที่เข้ามา แค่ได้ยินชื่อนี้ใจก็เต้นแรงแล้ว "ทำไรกันน่ะ" เสียงคนที่เข้ามาใหม่ถามขึ้น และเหมือนเสียงเขาจะอยู่ไม่ห่างจากฉันเท่าไร เพราะรู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนยืนอยู่ด้านหลังฉัน "เตรียมเอกสารไป Present กับลูกค้าที่ Thai Oil ตอนบ่ายนี้ เอ่อ มาเช้าเหมือนเดิมเลยนะ นี่น้องเฟ รู้จักแล้วสิจากทาง Team" พี่ภูมิตอบกลับคนที่เข้ามาใหม่พร้อมกับแนะนำฉันให้เขารู้จัก แต่ฉันก็ยังไม่ได้หันหน้าไปทักทาย ไม่รู้สิ ฉันกลัว ฉันเลยเลี่ยงถ่ายเอกสารอยู่โดยไม่สนใจ "อืมม รู้จักกันแล้ว คุยกันบ่อยอยู่ พี่ตั๊กให้มาคุยเรื่อง Laptop บ่อยๆ ได้ข่าวว่าทางญี่ปุ่นจะซื้อ Laptop ให้ทุกคนใหม่เลยเหรอ" พี่เขาบอกแล้วก็ถามกับพี่ภูมิเรื่องอื่นไป "ใช่ คงให้ Support กับโปรแกรม Windows ที่เพิ่งใช้ใหม่แหละ นี่ตอนนี้ก็เกิดปัญหาเครื่องช้า และเครื่องร้อนเร็วขึ้น พิมนี่เจอคนแรกเลย ไป Present งานกับลูกค้า แล้วเปิดไฟล์ไม่ขึ้น กว่าจะมานานมาก ส่วนของเชียร์ ก็เครื่องร้อนเร็วมาก นี่เลยต้องเอาเครื่องส่วนตัวมาใช้แทน ช่วงที่รอเครื่องใหม่มา" พี่ภูมิเล่าเรื่องที่นี่ว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างให้พี่เขาฟัง "แล้วเครื่องใหม่จะมาเมื่อไหร่" พี่เขาถามขึ้นหลังพี่ภูมิเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง "น่าจะมาวันนี้มั้ง เฟครับ Laptop ใหม่มาวันนี้รึเปล่า พี่เห็นพี่ตั๊กบอกว่าน่าจะมาวันนี้ ใช่ไหมครับ" พี่ภูมิหันมาถามฉันขึ้น แล้วจังหวะที่ฉันหันหน้ามาตอบ ทำให้ฉันได้สบสายตากับพี่เขา เหมือนพี่เขาจ้องมองฉันเป็นตาเดียวเลย เหมือนโกรธอะไรอยู่ หรือฉันคงคิดไปเองมั้ง "วันนี้ค่ะ เดี๋ยวทางร้านจะเอามาส่งตอนบ่าย" ฉันตอบคำถามไปพร้อมกับหันหน้ามาที่เครื่องเอกสารต่อทันที "พี่ภูมิคะ เสร็จแล้วค่ะ ให้เฟวางไว้ตรงไหนดีคะ" ฉันถามขึ้นพร้อมกับมือที่ถือเอกสารที่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว "อ้อ เดี๋ยวพี่จัดการเอง วางไว้ตรงนี้ดีกว่า" พี่ภูมิพูดขึ้น พร้อมกับเดินมาช่วยถือเอกสาร แล้วจังหวะที่จะเปลี่ยนตำแหน่งเอกสารจากมือฉันไปสู่มือพี่ภูมิ ทำให้มือเราสัมผัสกันอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้มีเพียงเราสองคนอยู่ด้วยกัน แต่มีบุคคลที่สามที่จ้องการกระทำของเราทั้งสองอย่างไม่วางตา แล้วฉันก็เห็นพี่เขาเดินกลับไปที่โต๊ะ พร้อมกับเสียงอะไรสักอย่างกระทบลงที่โต๊ะดังพอสมควร ทำให้ฉันรู้สึกตัวแล้วปล่อยมือออกจากการจับกุมมือของพี่ภูมิ พร้อมกับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ช่วงที่ฉันกำลังนั่งลงเก้าอี้ ฉันเห็นสายตาเหมือนไม่พอใจของพี่เขาแผ่รัศมีมาทางฉันที่นั่งโต๊ะเยื้องกับโต๊ะพี่เขาแต่ฝั่งตรงข้าม โดยพี่เขานั่งฝั่งเดียวกันกับพี่ติ๊ก ถัดไปเป็นช่องว่างทางเดิน แล้วจึงเป็นโต๊ะของพี่เขาที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะพี่เขาคือโต๊ะพี่อลัน "เฮ้ เจ็คกลับมาแล้ว" เสียงของพี่ตั๊กที่เข้ามาทักพี่เขาขึ้น "เป็นไงที่พนมเปญ สนุกมากเปล่า" พี่ตั๊กถามขึ้นมา แต่น้ำเสียงออกไปทางแซวมากกว่า "สนุกกับผีสิพี่ นี่ถ้าให้ไปอีกนี่ ขอบายเลย เปลี่ยนคนอื่นไปบ้างเหอะ ไม่ไหวแล้ว" พี่เขาพูดขึ้นมาพร้อมกับเดินมาที่โต๊ะพี่ตั๊ก โดยต้องผ่านต้องผ่านโต๊ะฉันไปก่อน ช่วงจังหวะที่พี่เขาเดินผ่านฉันไป อยู่ๆใจฉันเต้นแรงขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว "นี่พี่สั่ง Laptop มาแล้วนะ เดี๋ยวตอนบ่ายช่วยเช็คเครื่องให้หน่อยนะ ว่างรึเปล่าตอนบ่าย" พี่ตั๊กเอ่ยถามเพื่อขอความช่วยเหลือจากพี่เขา "บ่ายน่าจะว่างนะพี่ เดี๋ยวช่วยเช็คให้" พี่เขาตอบกลับไป แล้วหลังจากนั้นพี่ตั๊กกับพี่เขาก็คุยถึงเรื่องการ advance เงิน ที่ออกไปก่อนช่วงที่พี่เขาอยู่กัมพูชา "เฮโล อ้าวเจ็ค เป็นไงบ้าง" เป็นพี่พิมที่เข้ามาพร้อมทักพี่เขาที่กำลังคุยกับพี่ตั๊กอยู่ "ไปบ้างดูสิ เผื่ออาจจะชอบ" พี่เขาตอบกลับแบบกวนๆใส่พี่พิม "เหอเหอ ขอบายเหอะ แค่ไปขอนแก่น หนองคาย ก็จะบ้าตายอยู่แระ" พี่พิมบ่นขึ้นพร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ "พี่ภูมิ ออกกี่โมงหนิ" พี่พิมหันไปถามพี่ภูมิที่จัดเอกสารใกล้จะเสร็จแล้ว "น่าจะ 10 โมง รอแดเนียลกับอลัน ไปด้วยกัน" พี่ภูมิตอบเสร็จก็มาสาระวนกับหน้าจอคอมต่อ "Hello ทุกคน อ้าว เจ็ค เป็นไงบ้าง ไปนานเลยนะรอบนี้ ทำให้ลูกค้าจนจบเลยเปล่ารอบนี้" พี่อลันผู้เข้ามาคนต่อมาเอ่ยถามพี่เขา พร้อมกับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ แล้วเดินมาคุยกับพี่เขาที่โต๊ะพี่ตั๊ก "วันนี้มากันแค่นี้รึเปล่า" พี่อลันเอ่ยถามขึ้นมา "น่าจะเหลือแดเนียลนะที่จะเข้ามา แล้วจะออกไปพร้อมกับเราและพี่ภูมิไม่ใช่เหรอ เชียร์ ทราย มิ้ง ไปคุยกับลูกค้าต่างจังหวัดเลยไม่น่าเข้ามาแล้ววันนี้ ส่วนพี่ติ๊กลาพักร้อน น่าจะมาโน่นวันศุกร์เลยมั้ง" พี่ตั๊กแจ้งรายละเอียดให้พี่อลันฟัง สมกับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบุคคลจริงๆ รู้ความเคลื่อนไหวทุกคนเลย เวลา 13.30 น. @บริษัท YSD "ยกมาห้องเล็กนี้เลยค่ะ" เสียงพี่ตั๊กบอกพนักงานที่มาส่ง Laptop ให้ขนของไปไว้ที่ห้องเล็ก เพื่อทำการเช็คของก่อนส่งมอบ ส่วนฉันก็เดินตามเข้าไปเพื่อเปิดเช็คทีละเครื่อง @ห้องประชุมเล็ก บริษัท YSD "พี่คะ เครื่องนี้เหมือนจอสั่นๆ" ฉันคิดว่าเป็นพี่พนักงานที่มาส่ง Laptop เข้ามาในห้องประชุม จึงเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้หันไปดูว่าเป็นใครเปิดประตูเข้ามา "ไหน ขอดูหน่อย" เป็นเสียงพี่เจไดที่เดินเข้ามาในห้อง ฉันหันไปดูเพื่อความแน่ใจว่าฉันไม่คิดถึงแต่พี่เขาจนหูฉันแว่วไปเอง "เอ่อ นี่ค่ะพี่" ฉันพูดจบก็ขยับตัวเองไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ เพื่อให้พี่เจไดนั่งเก้าอี้ตรงที่ Laptop ตั้งวางอยู่ แล้วพี่เขาก็กดนั่นนี่เหมือนเช็คระบบคอมพิวเตอร์อยู่ ซึ่งฉันดูก็ไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็นั่งดูที่พี่เขาทำอยู่ข้างๆ "เครื่องนี้น่าจะต้องเปลี่ยนนะ ถึงแก้ได้แล้ว แต่คิดว่าใช้ไปก็กลับมาเป็นอีก" แล้วพี่เขาก็อธิบายให้ฟังต่อว่ามันเกิดอะไร ทำให้ฉันต้องขยับเข้ามาใกล้ๆเพื่อดูหน้าจอเวลาพี่เขากดคลิกไปตามการตั้งค่าต่างๆ "เดี๋ยวบอกร้านแบบนี้นะ" พี่เขาสรุปแล้วก็หันมาบอกฉัน เป็นช่วงที่ฉันหันมามองพี่เขาพอดี ทำให้หน้าเราสองคนห่างกันนิดเดียว ทำให้ใจฉันเต้นแรงมาก เต้นแรงจนพี่เขาได้ยินรึเปล่าก็ไม่รู้ การอยู่ใกล้กันขนาดนี้ทำให้เราได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน เราสองคนสบตากันอยู่นานตามความรู้สึกของฉันนะ แล้วฉันจึงหันหน้าก้มลงดูหน้าจอคอม เพื่อหลบสายตาของพี่เขา "เพิ่งเห็นชัดๆว่าอยู่ในข้อมือเราแล้วสวยดีนะ" พี่เขาพูดขึ้นมา ทำให้บรรยากาศในห้องที่เงียบ กลับมีเสียงของพี่เขาดังขึ้นมา แต่ฉันไม่ตอบอะไรกลับไป เลือกที่จะหยิบ Laptop เครื่องต่อไปขึ้นมาดู "สายชาร์จไปไหนล่ะเนี๊ย" ฉันค้นหาสายชาร์ทตามช่องต่างๆในกล่อง แต่หาไม่เจอ ฉันจึงลุกขึ้นไปดูที่กอง Laptop เผื่อว่าจะหลงไปอยู่กล่องอื่น จังหวะที่ฉันลุกมันสะดุดขึ้นมาซะดื้อ ทำให้ฉันกำลังจะล้ม แต่ดีที่หน้าไม่ทิ่มลงไป แต่ที่จริงหน้าทิ่มลงไปยังจะดีกว่า เพราะคนที่ช่วยฉันไม่ให้หน้าทิ่มลงไปคือ พี่เจได ช่วงจังหวะที่ฉันกำลังจะล้ม พี่เขาก็ลุกขึ้นมากอดเอวฉันไว้พอดี ทำให้หน้าฉันไม่ทิ่มลงไป แต่ฉันกลับอยู่ในอ้อมกอดพี่เขาน่ะสิ ที่ทำให้ฉันคิดว่าล้มลงไปยังจะดีกว่า พอฉันขยับตัวออก พี่เขากลับกอดเอวฉันไว้แน่น พร้อมกับดันหลังฉันให้เข้ามาใกล้พี่เขา จนทำให้เราสองคนใกล้กันมาก ดีที่ฉันเตี้ยกว่าพี่เขามากอยู่ เลยทำให้ฉันอยู่ในระดับอกพี่เขาพอดี "พี่เจไดคะ เฟยืนเองได้แล้วค่ะ" ฉันบอกพี่เขาไปพร้อมกับก้มหน้าลงดูเท้าตัวเองโดยไม่ยอมมองหน้าพี่เขาเลย กลัวพี่เขาจะเห็นหน้าแดงระเรื่อของฉัน "ดีนะที่รับไว้ทัน" พี่เขาบอกพร้อมกับปล่อยฉันเป็นอิสระ หลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เราสองคนก็พูดถามคำตอบคำ โดยไม่มีประโยคที่นอกเหนือจากเรื่อง Laptop เลย จนเราเช็ค Laptop ครบทุกเครื่อง "มีอะไรให้ช่วยมั๊ยครับ" เสียงบุคคลเข้ามาใหม่ดังขึ้นมา คนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ภูมิ นั่นเอง ทำให้ฉันรู้ว่าเวลามันล่วงเลยมานานมาก ฉันจึงหันหน้าไปมองพร้อมกับยิ้มให้ พอพี่ภูมิเข้ามาในห้องประชุมเล็ก แล้วเดินตรงมานั่งข้างฉัน อยู่ๆ พี่เจไดก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ฉันหันไปมองพี่เขาเดินออกไปจากห้อง แล้วก็หันมาหาพี่ภูมิ "เสร็จพอดีเลยค่ะ แล้วพี่ภูมิเป็นไงบ้างคะ ไปเจอลูกค้าวันนี้" ฉันยิ้มถาม พร้อมกับเอา Laptop ทยอยเก็บใส่กล่อง "ก็ดีครับ แต่ไม่สนุกเท่าอยู่ออฟฟิศ" พี่เขาตอบกลับมาพร้อมกับเก็บของช่วยฉัน "ที่ออฟฟิศมีอะไรสนุกค่ะ เฟไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนุกเท่าได้ออกไปข้างนอกเลย" ฉันหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำพูดพี่ภูมิ แล้วพี่ภูมิก็พูดบางอย่างออกมาที่ทำให้ฉันใจเต้นแรงอีกครั้ง "เพราะออฟฟิศ มี เฟ ไง"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD