(เช้า)..
..อืมมม~
เสียงเล็กดังอยู่ในอ้อมกอดของชายตัวโต เธอโผล่หน้าแหงนมองเจ้าของแขนใหญ่ ทันทีที่เปลือกตาเปิดขึ้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดทันที ดวงตาเบิกกว้าง แค่สภาพเปลือยเปล่ากับผู้ชายก็เป็นความอับอายที่สุดในชีวิตแล้ว แต่นี่ชายที่เธอเผลอมีอะไรด้วยดันเป็นเจ้านายของตัวเอง มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนหอบเอาความโชคร้ายทั้งหมดเข้ามาไว้กับตัว
อุ้ย! 0.0
ร่างเล็กค่อยๆขยับออกจากเขาแต่ยังไม่ทันที่ร่างจะพ้นจากผ้าผืนใหญ่ เธอก็ถูกดึงเข้าไปกอดอีกครั้ง สาวน้อยรีบหันมองหน้าของชายหนุ่มแต่โชคยังดีที่เขายังไม่ตื่น คิ้วดกดำเข้ารูป จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาสีชมพู เธอพึ่งมีโอกาสได้มองเขาใกล้ขนาดนี้เป็นครั้งแรก ความหล่อเหลาคมคายมันกำลังทำให้หัวใจของสาวน้อยเต้นแรงและร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
“ไม่ได้ ไม่ได้ อันอัน เธอต้องรีบออกไปจากที่นี้ก่อนที่เขาจะตื่น” เสียงเล็กพูดกับตัวเองเบาๆแล้วรีบเบี่ยงตัวออกจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ เสื้อผ้าของเมื่อคืนกระจายเต็มพื้นห้องไม่ต้องมีคำอธิบายอื่นใดอีกเพราะความหมายมันมีเพียงอย่างเดียว เธอรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อนแม้ร่างกายจะรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่ความอายที่จะตามมานั้นไม่อาจรอให้เธอช้าได้
ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง พอก้าวขาพ้นประตูสาวน้อยในชุดนักศึกษาก็รีบวิ่งออกมาทันที เธอนั่งรถกลับมาที่ห้องพักอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนชุดใหม่ ในสมองที่กำลังมึนงงมีความคิดหลายอย่างตีกันอยู่ในหัว
………….
(อันอัน)..ฉันแต่งตัวแล้วรีบออกมาจากห้องพักเพื่อมาถึงที่ทำงานให้ทันเวลางาน เมื่อคืนฉันจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ที่พอจะจับได้บ้างมันก็เหมือนความฝัน แต่ที่ฉันอยากรู้คือเขารู้มั้ยว่าเมื่อคืนเขาอยู่กับใคร ถ้าฉันโชคดีเขาอาจจะเมาเหมือนกันจนจำไม่ได้ว่าเรามีอะไรกัน แต่ถ้าโชคร้ายล่ะ..
ฉันรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัว แล้วรีบเดินมารอลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นของผู้บริหาร
กึก!
เสียงรองเท้าของใครบางคนมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ แต่พราะความคิดที่ยังจดจ่อกับเรื่องเมื่อคืนเลยทำให้ฉันไม่ได้สนใจหันไปมองหรือทักทายเขาคนนั้น
“ใจคอจะไม่ทักทายเจ้านายตัวเองเลยหรอ”
ความเย็นแล่นผ่านสมองกระจายไปตามโซนประสาทจนหัวใจฉันแทบหยุดเต้น ให้ตายเถอะเสียงนี่มันใช่เลย ฉันค่อยๆหันมองคนที่ยืนแทบจะตัวติดกันก่อนจะฝืนยิ้มให้เขาอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขะ ขอโทษนะท่านประธาน อันอัน ไม่ทันสังเกต”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ่อ..คือ มะ เมื่อกี้ค่ะ”
ฉันอยากตบปากตัวเองแรงๆสักที จะพูดติดๆขัดๆทำไม
“อืม!”
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก ฉันยืนรอให้เขาเข้าไปก่อนเพราะลิฟต์ตรงส่วนนี้เป็นส่วนของผู้บริหารอยู่แล้ว ทุกคนที่มาขอใช้ ก็จะต้องรอให้ผู้บริหารระดับสูงไปก่อน
“เข้ามาสิ” เสียงเข้ม
“คะ อัน ไป ไปอีกรอบ ดิ..ดีกว่าค่ะ”
“ทำไม เธอเป็นเลขา จะให้เจ้านายไปทำงานก่อนรึไง”
“งั้น เดี๋ยวอันวิ่งขึ้นบันไดไปก็ได้ค่ะ”
“เข้ามา ก่อนที่ฉันจะโมโห”
ยังไม่ทันหันหลังคำสั่งของเขาก็ต้องทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจำเรื่องเมื่อคืนนั้นได้มั้ย แต่ฉันจำไม่ได้แน่ๆ ส่วนตอนเช้าเขายังไม่ตื่นแล้วฉันต้องทำตัวยังไง
เราสองคนอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกัน บรรยากาศมันสุดแสนจะอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเพราะลิฟต์ตัวนี้ไม่มีอากาศจริงๆ
“เป็นอะไร กลัวผมหรอ”
“คะ ปะ เปล่าค่ะ”
“แล้วทำไมเอาแต่ยืนก้มหน้า” ใบหน้าคมก้มลงกระซิบข้างหู ทำให้สาวน้อยสะดุ้งผละตัวออกไปอยู่อีกมุม
“ไม่ค่ะ ไม่ๆ ไม่มีอะไรค่ะ”
“หึ ตกใจขนาดนั้น ขวัญอ่อนจังนะ” ใบหน้าคมเข้มยกยิ้มก่อนจะกลับมายืนตัวตรงเหมือนเดิม เขาเหลือบมองหมายเลขชั้นของลิฟต์ที่ค่อยๆเลื่อนไปตามลำดับช้าๆด้วยท่าทางสุขุม
“คุณรู้มั้ยว่าในลิฟต์นี้ ไม่มีกล้องวงจรปิด”
บ้า อยู่ๆ ก็ถามแบบนี้มั้นหมายความว่าไง แล้วทำไมมันไม่มีกล้องล่ะ หรือเขาจะฆ่าฉันปิดปากงั้นหรอ ตายแน่ อันอัน
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ”
“คะ เอ่อ ทะ ทำไมไม่มีคะ”
“ก็เพราะมันเป็นลิฟต์ของผู้บริหารไง บางครั้งบทสนทนาก็เป็นความลับ ดังนั้นที่นี้จึงไม่ติดกล้อง”
“แล้วถ้าเกิดลิฟต์ค้างล่ะคะ จะทำยังไง”
“ก็แค่รอให้คนมาช่วย”
“บ้า แล้วคนอื่นจะรู้ได้ไงคะว่ามีคนติดอยู่ข้างใน”
“คุณว่าผมบ้างั้นหรอ” คนตัวโตหันหน้า เดินเข้าหาร่างเล็กจนเธอถอยหลังติดกับข้างลิฟต์ ใบหน้าคมโน้มเข้าหาเธอช้าๆ จนลมหายใจอุ่นๆกับกลิ่นหอมอ่อนจากตัวเขาอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกเล็ก สาวน้อยได้แต่กลั้นหายใจหลับตาปี๋ แขนเล็กเหยียดตรงแนบลำตัว มือจิกกระโปรงตัวสั้นของตัวเองไว้แน่น
พู่!
ลมหายใจกลิ่นมิ้นเป่าเส้นผมเล็กที่พลิวลงมาปิดที่หน้าผากของเธอ
“ไหนบอกไม่กลัว เกร็งไปทั้งตัวขนาดนี้ ยังจะปากดี” เสียงสากกระซิบพูดกับสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มยกยิ้มก่อนจะกลับมายืนในท่าเดิม ปล่อยให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสหายใจอีกครั้ง
ติ้ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกขาก้าวยาวเดินนำออกไป โดยมีร่างเล็กวิ่งตามออกมาติดๆ
ตุบ!
โอ้ย >.<
พรึ่บ!
เสียงร่างบางชนเข้ากับแผ่นหลังของตัวโตที่อยู่ๆก็หยุดกะทันหัน จนเธอไม่ทันระวังต้องลงไปนั่งก้นจ้ำอยู่ที่พื้นทางเดิน คิ้วเล็กย่นเข้าหากันมองหน้าร่างใหญ่ที่ทำให้เธอเจ็บตัว ปากเล็กยู่เข้าหากันเป็นเชิงไม่พอใจ
“ลงไปทำอะไรตรงนั้น”
“ก็คุณหยุด”
“แล้วทำไมคุณไม่หยุดล่ะ” ชายหนุ่มยักคิ้วยิ้มให้คนตัวเล็ก แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ร่างเล็กค่อยๆลุงขึ้นจัดชุดให้เรียบร้อยเข้าที่ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเลขาหน้าประตู แต่ยังไม่ทันที่ก้นจะแตะลงกับเก้าอี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจนเธอสะดุ้งเฮือก
กริ้ง~~~
“สวัสดีค่ะ หน้าห้องท่านประธานค่ะ”
(ย้ายเข้ามานั่งข้างใน)
“ท่านประธานเหรอคะ ยะ ย้าย ย้ายเข้าไปทำไมคะ อัน ว่าตรงนี้ก็ถูกแล้วนะคะ”
(ผมสั่ง)
“รับทราบ ค่ะ”
ปลายสายตัดไป แต่มือเล็กยังยืนถือโทรศัพท์แนบที่หู เธอกำลังสบสนกับเรื่องก่อนหน้าแล้วก็ท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายที่เป็นเจ้านายในตอนนี้
ปึง!
เสียงเอกสารกองใหญ่ถูกวางกระแทกลงกับโต๊ะเสียงดัง จนสาวน้อยสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ หันมองที่มาของเสียง
“เหม่อ อะไรย๊ะ เป็นเลขาไม่ถึงวัน สติก็ไม่มีแล้ว” เสียงแหลมของผู้หญิงในชุดพนักงานตอนรับยืนกอดอกมองเธอท่าทางไม่พอใจ
“พี่เอมิลี่ ขอโทษค่ะ แล้วนี้เอกสารอะไรหรอคะ”
“ก็งานที่ต้องให้บอสเซ็นไง”
“ทำ..ไม..มันเยอะขนาดนี้ค่ะ”
“มันก็เยอะแบบนี้แหละ ถ้าไม่ไหวก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้มาทำแทน” มองด้วยหางตา
“ไหวค่ะ ไหว เดี๋ยวอันจัดการให้นะคะ”
“เธอทำเสร็จแล้วค่อยบอกฉันเดี๋ยวฉันเอาเข้าไปให้บอสเซ็นเอง”
สาวน้อยมองหน้าหญิงสาวด้วยความสงสัย แต่ก็เหมือนเธอจะโล่งใจที่จะไม่ต้องเข้าไปเจอหน้าเขาอีก
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่เอมิลี่ นั่งรออันแป๊ปนะคะ”
คนตัวเล็กรีบจัดการดูเอกสารปริ้นรายงานด้วยความเร่งรีบ เพราะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และสังเกตเธอเลยทำงานเอกสารได้ดีและรวดเร็ว ไม่นานแฟ้มงานหลายแฟ้มก็ถูกจัดเรียงเรียบร้อย
“พี่เอมิลี่คะ เรียบร้อยแล้วค่ะ^^”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินเข้ามาหอบกองแฟ้มเข้าหาตัว รอยยิ้มที่ดูเยาะเย้ยกับสายตาเหยีนดหยามด้วยหางตา ทำให้สาวน้อยหุบยิ้มแล้วนั่งลงอย่างเจียมตัว