"นอนตรงโซฟา แล้วก็ปิดไฟให้เรียบร้อย" เอ่ยสั่งทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังรออยู่เดินเข้ามาภายในห้อง มายาเพียงตอบรับสั้นๆ ทำตามที่คนเป็นนายสั่งและล้มตัวลงนอน ผ้าห่มและหมอนที่วางอยู่บนโซฟา ถูกหยิบขึ้นมาใช้กลิ่นหอมๆ ของคนเป็นนายยังฝังอยู่ทุกอนูของเครื่องใช้บนโซฟา รวมถึงในห้องนี้ ไม่ว่าจะเยื้องย่างไปทางใดก็มีแต่งกลิ่นของคุณผู้หญิงของบ้าน ซึ่งก็มาจากน้ำหอมราคาแพงที่กลิ่นติดทนนานจนหลายเป็นกลิ่นประจำกายของหล่อน พยายามข่มตาหลับกับสถานที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้
"ฉันลืมถามว่านายเธอจะไปนานเท่าไหร่" เธอชินกับการที่นายสินชัยต้องไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเป็นเวลานาน
"สองเดือนค่ะ" เอ่ยตอบกลับไปภายในความมืด
"ดี ฉันจะได้มีเวลาส่วนตัว"
"เธอเก็บความลับเก่งมั้ย" อยู่ๆ คนเป็นนานก็ถามออกไปอย่างชวนคุย
"ค่ะ"
"ฉันเคยมีสามีมาก่อน"
"ค่ะ" เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้อยู่แล้ว
"แต่ไม่ใช่แค่คนเดียว" คราวนี้มายาถึงกับเงียบ
"นับไม่ถ้วนเลยล่ะ" เธอพูดออกมาราวกับภูมิใจ
"แต่ช่างเถอะ มันไม่ได้สำคัญ เธอคงง่วงแล้วล่ะสิ"
"ค่ะ"
"ฝันดีนะ" บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น
มายาในวัยเด็กวิ่งออกจากบ้านพักคุณหมอมะนาวกลับไปยังสถานรับเลี้ยงเด็ก หลังจากคืนนั้นเธอไม่ยอมออกมาพบเจอคุณหมอเหมือนดั่งทุกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็ไม่ยอมแพ้เทียวมาหาตลอดจน
"คุณหมอคะ" หมอมะนาวหันมาตามเสียงเรียก
"น้องฝากจดหมายมาให้ค่ะ" เธอรีบรับมาและเปิดอ่านทันที
'มายรักพี่หมอนะคะ พี่สาวที่แสนดี ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ทั้งชีวิตนี้มายไม่เหลือใคร มีแต่พี่หมอคนเดียวที่เห็นคุณค่าในตัวมาย ขอโทษที่ทำให้พี่หมอลำบากใจ ต่อจากนี้มายต้องไปตามทางของตัวเอง แล้วสักวันเราจะพบกัน'
"มายไปไหนคะ" หลังจากอ่านจดหมายจบก็หันไปถามผู้ดูแลคนเดิมทันที วันนี้เธอตั้งใจจะมาขอรับมายาไปดูแลอย่างถาวร เธอคิดเรื่องนี้มานานแล้วก่อนจะเกิดเรื่อง
มายาถูกสองสามีภรรยาที่ดูมีฐานะขอรับไปเลี้ยงดู ซึ่งมายาก็เต็มใจทั้งที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธมาโดยตลอด หมอมะนาวเดินกลับขึ้นรถด้วยความเหนื่อยอ่อนหมดเรี่ยวแรง นึกโทษว่าเป็นเพราะเธอ หากวันนั้นไม่ปล่อยให้มายาวิ่งเตลิดออกมาโดยที่ไม่คิดตาม เรื่องคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้
"ฉันว่ามันคงขายได้ราคาดี" ผู้หญิงในคราบนักบุญเอ่ยกับสามี
"สวยๆ แบบนี้คงต้องลองเสียหน่อย" เขาใช้สองมือลูบปากอย่างหื่นกระหายแต่ถูกภรรยารัวฟาดด้วยความโกรธ แม้จะมีเด็กผู้หญิงเข้ามาอยู่ในบ้านบ่อยก่อนจะลำเลียงส่งขาย แต่เธอก็ไม่เคยไว้วางใจสามีหัวงูได้เลย
สองคนนี้คือแม่เล้าดีดีนี่เอง ทั้งคู่ตะเวนไปตามสถานรับเลี้ยงเด็ก สำรวจหาเด็กสาวหน้าตาดี อ้างว่าตัวเองไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้จึงมาขออุปการะเด็กบังหน้า แต่เบื้องหลังคือขบวนการค้ามนุษย์ ในทีแรกก็เสแสร้งทำเป็นใจดีเลี้ยงดูปูเสื้ออย่างดีจนเด็กๆ พวกนั้นตายใจจึงเริ่มทยอยส่งออกชายแดนเพื่อไปเป็นนางบำเรือให้ลูกค้ากระเป๋าหนัก ซึ่งมายากำลังตกเป็นเหยื่อโดยที่ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
เธอลืมตาตื่นขึ้นมาภายในห้องนอนกว้าง สถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เด็กสาววัยสิบห้ากวาดตามองอย่างหวาดระแวงรวมถึงเสื้อผ้าเธอตอนนี้ที่ถูกเปลี่ยนเป็นชุดสวย ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง สักพัก
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ กินซะ เดี๋ยวจะเป็นลม" ผู้ชายร่างท้วมเอาข้าวเข้ามาให้เธอ เขาเพียงเข้ามาไม่นานและพอชายคนนั้นออกไปมายาก็พยายามหาลู่ทางจะหนีออกจากที่นี่ สายตาพลันเหลือบไปเห็นขวดแก้ว เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว สิ่งที่เธอสงสัยว่าทำไมพ่อแม่บุญธรรมถึงรับอุปการะเด็กสาวมากมายพาเข้าออกบ้านจนดูวุ่นวายไปหมด แต่ไม่นานจำนวนเด็กพวกนั้นก็ลดลงเรื่อยๆ จนวันนี้เธอกระจ่าง สองสามีภรรยาไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดไว้แต่เเรก และในเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจะช่วยเธอได้เธอจำเป็นต้องช่วยตัวเอง จานข้าวที่ถูกนำเข้ามาถูกจัดการจนเรียบ การเติมพลังเข้าสู่ร่างกายเป็นทางเดียวที่จะทำให้เด็กสาวร่างบอบบางมีแรงสู้กับคนพวกนั้น
"แขกคนแรกของแกมาแล้ว ดูแลดีๆ ถ้าทำให้เสี่ยติดใจ แกจะได้สบาย" ชายร่างท้วมเข้ามาย้ำให้เธอฟังอีกรอบ มายาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เตรียมพบกับความหฤหรรที่จะเกิดขึ้น
"โอ้ย! อีเด็กบ้า" ขวดแก้วที่แอบวางไว้ใต้หมอนสองใบถูกใช้ตีลงที่ศีรษะของเสี่ยหื่นกามจนแตกละเอียด
'เพี้ยะ' เขาตบไปที่แก้มของเด็กสาวเต็มแรงด้วยความโมโหทั้งที่เลือดไหลอาบแก้ม
'ฉึก' ขวดแก้วที่เหลืออยู่ในมือมายาแทงเข้าที่ท้องของเขาจนมิด ไม่วายถีบเขาจนตกเตียงคว้าเน็คไทด์กระชับถือขึ้นมาก่อนจะนั่งคล่อมคนที่กำลังโอดครวญ จัดการคล้องไปที่คอเขาอย่างไม่ได้รีบเร่ง ออกแรงมัดจนแน่นดึงรั้งด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขาดิ้นทุรนทุรายไม่นานก็เกร็งชักตาเหลือก ใบหน้าขึ้นสีอย่างรวดเร็วเพราะขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นว่าแน่นิ่งแล้วมายาจึงลุกออกจากตัวเขาสภาพโซเซ ชุดสวยเปื้อนเลือดไปหมด ยกขวดน้ำขึ้นกระดกดับความเหนื่อยกระหายก่อนจะเทที่เหลือเพื่อล้างคราบเลือดบนเสื้อผ้า เดินไปยังกองผ้าของเสียลามกค้นของในกางเกง ธนบัตรสีเทาเป็นปึก รีบยัดลงกระเป๋าทันทีพร้อมกับกุญแจรถหรู ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังโต๊ะหน้าประตูหยิบปืนกระบอกสั้นของคนที่นอนเป็นผักขึ้นมาถือไว้ ทีเเรกเขาใช้มันเพื่อขู่เธอให้ยอมอยู่นิ่งและทำตามเขา ประตูถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กสาวตัวสูง เสียงปืนหลายนัดดังขึ้น พวกผู้ชายหลายคนที่นั่งเฝ้าหน้าประตูตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะคนพวกนั้นกำลังเพลินเพลินกับขวดเหล้าตรงหน้า
"อย่าๆๆ อย่าทำฉัน" ชายร่างท้วมคนเดิมที่ยังพอมีสติกว่าทุกคนยกมือขึ้นเหนือหัวพร้อมกับเอ่ยขอร้องเด็กสาวอย่างกลัวตาย ตอนนี้บริเวณนี้เหลือเขาเเละเธอแค่สองคน
"ที่นี่ที่ไหน" พร้อมกับเล็งปืนไปที่เขา
"ชายเเดนเขมร"
"ถ้าจะเข้าเมืองต้องทำยังไง"
"แน่ใจนะว่าอยากทำแบบนี้" ชายร่างท้วมหันมาถามย้ำกับเด็กสาว ที่ตอนนี้ทั้งคู่เข้ามาอยู่ในรถหรูของเสี่ยบ้ากามด้วยกัน
"อืม"
"งั้นคงเข้าเมืองสภาพนี้ไม่ได้ พวกนั้นอาจกำลังตามล่าแก" เขาขับรถไปจอดยังสถานที่จำหน่ายเสื้อผ้ามือสอง
"ถ้าเราจะเป็นพวกเดียวกัน แกต้องไว้ใจฉัน" เขาหันมาบอกมายา
"อืม ฉันไว้ใจ" ชายคนนั้นลงรถไปนานจนมายาเริ่มกระวนกระวายแต่สักพักเขาก็ตรงมาที่รถพร้อมกับถุงใหญ่หนึ่งใบ
"เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ สภาพนี้ข้ามด่านไม่ได้แน่" เขาหันมาบอกก่อนจะลงรถไปอีกรอบปล่อยให้มายาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะตัวเขาเปลี่ยนมาเรียบร้อยแล้ว
ผู้ชายร่างท้วมคนนั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้ฉันได้ทำอาชีพเสี่ยงตายและพบเจอกับนายหญิง
คืนนั้นบนรถ ด้วยระยะทางยาวไกลกว่าจะถึงปลายทางทำให้เราทั้งคู่รู้จักกันมากขึ้น เขาชื่อ คิง เพิ่งมาทำงานนี้เป็นวันแรกด้วยมีภรรยาที่ต้องเลี้ยงดูจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำงานผิดกฎหมายเพื่อผลตอบแทนมหาศาล ส่วนมายาก็กล้าที่จะเล่าเรื่องของตัวเอง
"ฉันฆ่าพ่อแม่ของฉันตั้งแต่สิบขวบ" ทีแรกก็คิดว่าเด็กสาวที่นั่งเบาะหลังพูดเล่นแต่พอมองรอดกระจกไปก็รับรู้ได้ทันทีว่าหล่อนพูดจริง
"เขาทำให้ฉันตาสว่าง ว่าไม่ควรรักคนผิดแม้คนพวกนั้นจะให้กำเนิดฉันก็ตาม" เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ยาวที่สุดของมายาเลยก็ว่าได้ ทั้งรถเข้าสู่โหมดเงียบ คิงเริ่มกลัวเด็กผู้หญิงข้างหลังที่ในมือกำกระบอกปืนแน่น
"เห้ย เรื่องแค่นี้เองไม่เป็นไร แถมวันนี้แกก็ฆ่าไอ้พวกเวรนั่นตั้งหลายคน" เขาเพียงพูดเพื่อไม่อยากให้ทั้งตัวเองและมายาเครียด
"อายุสิบห้าแต่เก็บแต้มฆ่าคนไปได้แล้วตั้งเก้า ฉันภูมิใจในตัวแก แกคงเหมาะกับอาชีพเสี่ยงตาย" เขาเปรยออกมา