ดวงตาคนถูกไล่เบิกกว้าง จ้องมองคนรักแววตาตัดพ้อ แค่เห็นเธอกอดจูบผู้ชายในผับ ถึงกับไม่ติดต่อ ทำเหมือนต้องการเลิกรากัน
“กลับเหรอ จะให้ปากลับไปได้ยังไง ในเมื่อเรายังเข้าใจผิดกันอยู่แบบนี้!” ปารุดาจับท่อนแขนเขาไว้แน่น น้ำตาเริ่มไหลริน “ปารักคุณนะคะ ปาพยายามติดต่อคุณ เพื่ออธิบายเรื่องทุกอย่าง ทำไมคุณถึงไม่ฟังปาบ้าง”
นรีกานต์ชะงัก มือบางกำแน่น กัดฟันข่มความรวดร้าวไว้ภายใน ผู้ชายอย่างเขา คงไม่มีทางจริงใจกับใครได้จริง นี่เธอกลายเป็นมือที่สามหรือนี่ งานแต่งไม่ควรเกิดขึ้น เพราะมันคงสร้างความปวดร้าวให้กับผู้หญิงอีกคน
โสภาพรรณอดรนทนไม่ไหว เพราะไม่อยากให้หญิงสาวผู้หมายมาดให้เป็นสะใภ้ได้ยิน
“พายัยปารุดาออกจากบ้านแม่ไปซะกวี อย่าให้แม่ต้องเรียกตำรวจ!” โสภาพรรณสั่งบุตรชายเสียงกร้าว
ปารุดากัดฟันจ้องมองผ่านไปยังผู้หญิงอีกคน แววตาแข็งกร้าว
“คุณแม่ไล่ปา แต่กลับต้อนรับขับสู่ผู้หญิงอีกคน ทำแบบนี้ไม่ลำเอียงไปหน่อยเหรอคะ!”
“แล้วเธอรู้เหรอว่าผู้หญิงที่เธอว่าคือใคร อย่าสอดปากไปยุ่งกับคนอื่นเลย!” โสภาพรรณตำหนิ “อีกอย่าง ฉันไม่ใช่แม่ของเธอ!”
ยิ่งมองยิ่งรู้สึกไม่พอใจ ผู้หญิงคนนี้อยู่ร่วมชายคากับคนรักเธอ หน้าตาออกสวยขนาดนี้ แล้วกวีจะไม่หวั่นไหวงั้นเหรอ เธอรับไม่ได้
“อ๋อ... ปาเคยได้ยินนะคะ ว่าคุณแม่อยากได้ลูกสาวเพื่อนมาเป็นสะใภ้ หรือว่าจะเป็นคนนี้”
โสภาพรรณกอดอก ทอดสายตามองอย่างหยามเหยียด
“ใช่! นรีเป็นคนที่ฉันอย่างได้มาเป็นสะใภ้ แล้วอีกไม่นาน สองคนจะแต่งงานกัน ไหน ๆ ก็มาแล้ว ควรรับรู้เรื่องนี้ไว้ด้วย!”
“ไม่จริง!” ปารุดาเถียงทันควัน
“ไม่เชื่อ ลองถามตากวีได้เลย ว่าฉันพูดจริงหรือเปล่า”
เธอหันมองคนรัก แววตาเต็มไปด้วยคำถาม ทว่าชายหนุ่มกลับมีความแน่วแน่ เขาไม่ต้องการคบหากับปารุดาต่อไป เพราะเธอนอกใจเขา
“จริงเหรอคะกวี ที่คุณแม่พูด”
“จริง!” เขายืนยันเสียงหนักแน่น นั้นทำเอาปารุดานิ่งงัน
“อะไรนะ! คุณยังไม่ได้เลิกกับปาเลยนะคะ ทำไมคุณทำแบบนี้” ปารุดาเริ่มคร่ำครวญ น้ำตาอาบแก้ม
นรีกานต์หมดความอดทน ไม่อยากดูอะไรแบบนี้ ตัดสินใจเดินหนีจากวงสนทนา ทว่าปารุดากลับตวัดสายตามอง แล้วตรงเข้าไปกระชากเรือนผม จนแหงนหงาย มือบางกำผมตนเองแน่น
“โอ้ย!” หญิงสาวร้อง วันนี้รู้สึกไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้า เลยไม่มีแรง ยิ่งมาเจอแบบนี้ ยิ่งทำเอารู้สึกราวกับว่าตนเองจะเป็นลมเสียให้ได้
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะปา!” เขาตะโกนลั่น ตรงเข้าไปจับข้อมือแฟนสาวไว้ แล้วแกะนิ้วกำเส้นผมออก ก่อนผลักให้ห่างกาย
ปารุดากรีดร้อง ส่วนหญิงสาวอีกคนกำผมตนเองแน่น น้ำตาคลอหน่วย ตวัดสายตามองคนต้นเหตุแววตาไม่พอใจ
เพียะ!
ใบหน้าปารุดาหันตามแรงฝ่ามือ นรีกานต์มองภาพตรงหน้าสีหน้าตื่นตะลึง โสภาพรรณยกนิ้วชี้หน้าแขกไม่ได้รับเชิญแววตาไม่พอใจ
“อย่ามาทำหยาบคายในบ้านฉัน ไสหัวออกไปให้พ้น!” เจ้าของบ้านตวาดลั่น
ปารุดายกมือกุมหน้าตนเอง จังหวะนั้นกวีวัธน์เลยรั้งเรียวแขนให้เธอก้าวตามมา ถึงหน้าบ้าน ปารุดาโถมกายกอดคนรักไว้แน่นแต่เขากลับผลักออก มองคนรักแววตาหม่น
“อย่ามาที่นี่อีก แล้วไม่ต้องติดต่อผมมา เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
“อะไรกันคะกวี แค่ปากอดจูบผู้ชายคนอื่นแค่นี้ คุณถึงกับต้องเลิกกับปาเลยเหรอคะ!”
“ตอนที่ผมไปเห็น มันอาจแค่กอดจูบ แต่ใครจะรู้ว่าถ้าผมไม่เห็น คุณจะทำอะไรกับผู้ชายคนอื่นบ้าง หรือคุณต้องการให้ผมเป็นไอ้โง่ให้คุณหลอกต่อไปเรื่อย ๆ!”
“ปาแค่เมา ปาเลยพลาด ปาไม่ได้ตั้งใจ ให้อภัยปาสักครั้งไม่ได้เหรอคะ เป็นครั้งแรกที่ปาทำแบบนั้นนะคะกวี” เธออ้อนวอนน้ำตานองหน้า
เขาส่ายหน้า “อย่าโกหกผมอีกเลย ปาน่าจะรู้ว่าคนอย่างผม ไม่เคยเชื่ออะไรถ้าไม่เห็นกับตา คุณรู้ไหมว่ามีคนส่งรูปคุณมาให้ผมดูหลายครั้ง สุดท้ายผมต้องไปเพื่อพิสูจน์ แล้วมันก็เป็นเรื่องจริง” ดวงตาคมกล้าหลับลงครู่หนึ่ง แล้วหยิบมือถือตนเองออกมา “นี่คือสิ่งที่ผมได้รับมาจากคนอื่น”
ปารุดาดวงตาเบิกกว้าง มองภาพที่เธอถูกโอบกอดเข้าโรงแรม ริมฝีปากบางสั่นระริก
“ไม่จริง...” เธอละเมอเสียงแผ่ว
“เข้าใจหรือยัง ว่าทำไมผมถึงอภัยให้คุณไม่ได้ปา” ชายหนุ่มกล้ำกลืนความปวดร้าวไว้ในอก “เราเลิกกันเถอะ”
หันหลังเดินกลับเข้ามาด้านใน โสภาพรรณยืนมอง ก่อนหันไปทางคนงานในบ้าน
“สมชายบอกเจ้าเทียบให้ส่งแขกให้ด้วย อย่าให้ก่อเรื่องอะไรอีก”
“ครับคุณนาย”
ปารุดากรีดร้องปล่อยโฮออกมา ท่ามกลางสายตาที่มองด้วยความสมเพช เมื่อต้องเห็นดาราสาวสวยฟูมฟายมากมายถึงเพียงนี้
ร่างบางก้าวออกจากห้องสอบ ด้วยความโล่งอก วันสุดท้ายแล้ว จากนี้มหาวิทยาลัยคงเหลือไว้แค่เพียงความทรงจำ ตรงเข้ากอดเพื่อนสนิทเอาไว้
“อย่าลืมนัดเจอกับบ้านนะนรี” เพลงพินบอกเสียงเศร้า
“รู้แล้วจ้ะ”
“วันนี้ไปดื่มฉลองกันหน่อยไหม” ชานนท์เอ่ยปากชวน ก่อนมองมายังหญิงสาวที่ตนเองหลงรัก
“นรีไปไหม วันสุดท้ายแล้ว ไปฉลองกันหน่อย พวกเราคงไม่เจอกันอีกนาน”
หญิงสาวครุ่นคิดพักใหญ่ เขาบอกว่าจะมารับอีก ทั้งที่ปฏิเสธไปหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคุณป้า คงไม่มีวันขึ้นรถผู้ชายหลายใจอย่างเขาอีก แล้วจะกลัวอะไร อยากมารับก็เชิญ ไม่ไปด้วยซะอย่าง
“ไปก็ไปสิ” นรีกานต์รับคำ