ครั้นเหล่าแม่ทัพเซียนแห่งสวรรค์ถูกขับไล่ด้วยกระทำผิดเมืองมนุษย์จึงเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายที่พวกเขามาสิงสถิต หากแต่เมื่อฝ่าเท้าสัมผัสผืนแผ่นดิน ร่างกายก็พลันถูกกองเพลิงห่อหุ้มไว้ เผาผลาญรูปลักษณ์งดงามมอดไหม้
ทว่า...เทพสวรรค์ไม่มีวันดับสูญ จึงจุติมาอุบัติใหม่ในร่างอันอัปลักษณ์ กึ่งมนุษย์ กึ่งสัตว์...ถือกำเนิดเป็น ‘เทพอสูร’
เมื่อได้รู้ว่าน้องสาวฝาแฝดถูกบิดาขายให้ไปเป็นฮูหยินของเทพอสูรตนหนึ่งแลกกับแหล่งน้ำอันน้อยนิด ‘ซิ่นเฉิง’ นักรบแห่งชนเผ่าเร่ร่อนก็โกรธเกรี้ยวยิ่งนัก อาจหาญถึงขั้นบุกจวนแม่ทัพแห่งแคว้นเฟิงฝู ‘เทียนอี้’ จึงไปดูหน้าหัวขโมยด้วยตนเอง เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย วิญญาณของซิ่นเฉิงก็แทบหลุดจากร่าง
เทียนอี้เป็นสุนัขป่า!?
ตะลึงงันขึ้นไปอีกเมื่อเทียนอี้เสนอเงื่อนไขที่ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“หากเจ้าไม่อยากตาย ก็จงเลือกเอาว่าจะให้น้องของเจ้าเป็นฮูหยินของข้า หรือเจ้าจะมาเป็นฮูหยินเสียเอง”
หากแต่เมื่อมีโอกาสให้ได้กลับหวนคืนสู่ทะเลทราย ‘ซิ่นเฉิง’ กลับไม่ยอมไปด้วยหัวใจมีจิตปฏิพัทธ์แก่เทพอสูร ‘เทียนอี้’ ขณะเดียวกัน ‘เจี้ยนสือ’ เทพอสูรผู้มีศีรษะเป็นงูจงอางก็ก้าวเข้ามาในฐานะสหาย และ ‘สหายเก่า’ ของเทียนอี้
ความลับในอดีตชาติถูกเปิดเผยเมื่อมนุษย์หนุ่มและเทพอสูรทั้งสองถลำลึก โชคชะตาที่สวรรค์ลิขิตให้ต้องพบพานวนเวียนไปไม่จบสิ้นบังเกิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ซิ่นเฉิงจะประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วเมื่อชาติก่อนมีความสัมพันธ์กันอย่างไรกับอดีตเทพสวรรค์ทั้งสองอย่างไรเมื่อจิตใต้สำนึกของ ‘เทพชั้นผู้น้อย’ ที่ฝังลึกอยู่ในใจตนเอาแต่เรียกร้องหาเจี้ยนสือ
ซิ่นเฉิง...จะเลือกที่จะจากไปเพื่อยุติโชคชะตาอันเจ็บปวดนี้
หรือ...เลือกที่จะอยู่เพื่อได้รักเทียนอี้ผู้ที่ตนมอบดวงใจให้
ภายในจิตใจของซิ่นเฉิงนั้น...เวิ้งว้างกว้างใหญ่ดุจทะเลทรายจนแม้แต่สวรรค์ก็มิอาจรับรู้