"กริ๊งงง กริ๊งงง "
กันต์ธีร์: (เสียงเมาแอ๋) "เฮ้! พิมลดา... ฮัลโหล! ว่างายยย?”
พิมลดา: "ทำไมบ้านนายเสียงดังขนาดนี้กันต์?"
กันต์ธีร์: (เสียงห้าว) "อ๋อ! ที่บ้านมัน... มีปาร์ตี้น่ะ... ฮ่าๆ"
พิมลดา: "เห็นแล้วว่านายเมาแอ๋... คุยกันเรื่องนี้ตอนนี้ดีกว่าว่าทำไมเสียงมันดังขนาดนี้"
กันต์ธีร์: (อึ้ง) "เอ่อ... ขอโทษครับ พอดี... มัน... พวกเพื่อนๆ เขาฉลองกัน... ฮ่าๆ"
พิมลดา: "โอเคๆ แต่ถ้านายจะเมา ก็อย่าเสียงดังขนาดนี้เดี๋ยวบ้านอื่นก็โทรแจ้งตำรวจหรอก ปิดเพลงเลย
กันต์ธีร์: "ครับๆ ขอโทษจริงๆ... ช่วงนี้มัน... สนุกไปหน่อย"
พิมลดา: "โอเค นายดูแลตัวเองด้วย เมาแล้วก็นอนนะอย่าออกไปเที่ยวต่อล่ะ”
กันต์ธีร์: “ค้าบบบบพ้มมม ขอบคุณที่โทรมา บ๊ายบาย"
กันต์ธีร์เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่และหน้าตาดีที่อาศัยอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่เหมือนคฤหาสน์ ท่ามกลางสวนกว้างและรั้วสูง พ่อแม่ของเขาอาศัยอยู่ต่างประเทศ ทำให้บ้านของเขาดูว่างเปล่าและเงียบสงบ พิมลดาและครอบครัวของเธอที่อาศัยอยู่ในบ้านข้างเคียงมักเป็นห่วงและคอยดูแลเขาเสมือนญาติสนิท พวกเขามักจะคอยตรวจสอบความเป็นอยู่ของเขาและเสนอความช่วยเหลือเมื่อต้องการ เพื่อให้กันต์ธีร์รู้สึกเหมือนเขามีครอบครัวอีกแห่งคอยอยู่ใกล้เคียง
เมื่อกันต์ธีร์ขึ้นปีสี่ เขามีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยสนิทกับพิมลดาและครอบครัวของเธออย่างมาก เขาห่างเหินจากพิมลดาและไม่ค่อยสบตากับเธอเหมือนในอดีต พฤติกรรมหลายอย่างของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เช่น การหลีกเลี่ยงการติดต่อพูดคุย และแสดงท่าทีเย็นชา ซึ่งทำให้พิมลดารู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
กันต์ธีร์เริ่มตระหนักถึงความรู้สึกพิเศษที่เขามีต่อพิมลดา—พี่สาวคนสวยที่เขาเคยสนิทกันดี แม้เขาจะพยายามปกปิดความรู้สึกที่แท้จริง เขากลับทำตัวเป็นเกเรมากขึ้น และความจริงแล้วการกระทำของเขากลับเป็นการเรียกร้องความสนใจจากเธอโดยไม่รู้ตัว
ที่มหาวิทยาลัยวันต่อมา
โอม: “กันต์ มึงชอบนิสารึเปล่า?”
กันต์ธีร์: (ตกใจ) “เห้ย อะไร? แค่เพื่อนกัน มึงคิดมากไปแล้ว”
โอม: “ถ้างั้นมึงต้องชัดเจนนะเว้ย ทุกวันนี้ท่าทางมึงทำให้ผู้หญิงเค้าคิดมากไปใหญ่แล้ว”
กลุ่มเพื่อนสี่ห้าคนเดินเข้ามาที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่โอมและกันต์ธีร์นั่งอยู่ พวกเขากอดคอกันและพูดคุยกันอย่างร่าเริง
เมธ: “แล้วเอ็งสองคนล่ะว่ะ?” (หันไปถามโอมกับกันต์ธีร์)
โอม: “ข้าได้แล้วครับ”
กันต์ธีร์: “ข้าก็ได้แล้ว พ่อฝากบริษัทเพื่อนพ่อให้”
เพื่อนๆ ที่เหลือร้องเสียงหลงโวยวายด้วยความอิจฉา
อาม: “อะไรว๊าาา อิจฉาว่ะ!”
เจ: “ทำไมพวกมึงโชคดีแบบนี้กัน!”
ใหม่: “ใช่ๆ เราต้องรีบหากันแล้วละสิ!”
สุธี: “แย่จริงๆ นะ ต้องหาที่กันต่อไป...”
เสียงโวยวายและความตื่นเต้นจากเพื่อนๆ ยังคงดังอยู่ ขณะที่โอมและกันต์ธีร์แลกยิ้มให้กันด้วยความภูมิใจและรู้สึกผ่อนคลาย
เมธ: “ว่าแต่พวกมึงไปเที่ยวกันไหมคืนนี้?”
อาม: “จัดปายสิคร๊าาบบบบ”
เจ: “ไม่พลาดครับพ้มมม”
สุธี: “เห็นด้วย! ไปเที่ยวกันเถอะ”
โอม: “ไม่ดีกว่า เหนื่อยว่ะ อยากนอน เอ็งล่ะไอ้กันต์”
เมธ: “โอม มึงไม่ไปได้ไงวะ? มึงไม่ไป พวกกูก็ยิ่งแห้วหาหญิงไม่ได้ไปกันใหญ่ มึงไปยังทำให้ไอ้กันต์มันไม่หล่อมาก เพราะมึงก็หล่อ” เมธพูดพร้อมรอยยิ้มที่มีแววหยอกล้อ
เขาหันไปมองโอมและกันต์ธีร์อย่างมีมุ่งมั่น
“แต่ถ้าพวกกูไปกับมันแค่นั้น รับประกันไม่มีหมามาแลพวกกูแน่”
คำพูดของเมธทำให้บรรยากาศกลายเป็นการล้อเล่นและเพิ่มความตื่นเต้นให้กับกลุ่มเพื่อน ขณะที่โอมพยายามเก็บความเหนื่อยล้าและกันต์ธีร์ก็ยิ้มขำๆ ตอบกลับในใจว่าอาจต้องคิดดูอีกที
สุธี: “ใช่ๆ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย “แค่ในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 มานี่ ไม่มีวันไหนที่ผู้หญิงจะหยุดมาขอเบอร์มันว่ะ”
คำพูดของสุธีทำให้กลุ่มเพื่อนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่โอมและกันต์ธีร์แลกยิ้มให้กัน โอมยังคงลังเล แต่เห็นเพื่อนๆ สนุกสนานเช่นนี้ เขาก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนใจไปเที่ยวด้วย
นิสาเดินเข้ามาในกลุ่มที่กำลังเฮฮากันอยู่ เธอได้ยินว่าพวกเขาจะไปเที่ยว
นิสา: “ได้ยินว่าจะไปเที่ยวเหรอ? ไปด้วยสิ”
ใหม่: “ได้ๆ ไปด้วยกันเถอะ”
โอมและกันต์ธีร์มองหน้ากันอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความคึกคักของกลุ่มเพื่อน ความทรงจำเกี่ยวกับการเตือนเรื่องนิสาเริ่มลอยเข้ามาในความคิดของพวกเขา
โอม: “ตัดสินใจแล้ว ไม่ไปดีกว่า” เขาพูดเสียงเครียด แต่พยายามทำให้ดูเป็นเรื่องปกติ
กันต์ธีร์: “เออ ข้าเองก็ไม่ไปแล้ว ลืมไป มีธุระน่ะ” เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
นิสาและกลุ่มเพื่อนดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงในท่าทีของโอมและกันต์ธีร์
คืนนี้กันต์ธีร์นั่งอยู่ที่ระเบียงกว้างที่เปิดออกมาจากห้องนอนของเขา เขาถือขวดเหล้าในมือและมองไปที่บ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวพิมลดา เธอเป็นลูกคนที่สองของบ้าน มีพี่ชายที่แต่งงานแล้วและอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ ขณะนี้ลุงและป้าก็ย้ายไปอยู่เชียงใหม่เพื่อเลี้ยงหลานด้วยความเห่อ
พิมลดา ภาพของเธอที่เดินจูงมือกับแฟนหนุ่มทำให้เขารู้สึกไม่พอใจและขุ่นมัว
ความรู้สึกเหล่านั้นเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา เขาเปิดขวดเหล้าและรินลงในแก้ว คิดว่าคืนนี้คงต้องดื่มแก้กลุ้มเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น เขาจิบเหล้ากลิ่นหอมแรง ช่วยบรรเทาความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่ในใจ
เสียงของเหล้ากระทบแก้วและความเงียบสงบของคืนทำให้เขามีเวลาคิดทบทวนถึงความรู้สึกที่กำลังรุมเร้าและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาในช่วงนี้
กันต์ธีร์นั่งอยู่ที่ระเบียงและเริ่มรู้สึกเมาได้ที่ เขายังคงมองไปที่บ้านของพิมลดา ความคิดของเขาหมุนวนอยู่รอบตัวเกี่ยวกับครอบครัวของพิมลดาและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา เขาคิดถึงการที่ลุงและป้าย้ายไปเชียงใหม่และว่าอาจจะทำให้ครอบครัวพิมลดามีความวุ่นวายเพิ่มขึ้นบ้าง
เขากระดกเหล้าอีกแก้วเพื่อพยายามลืมความรู้สึกอึดอัดที่เขากำลังเผชิญอยู่ และหาทางปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน
พิมลดากลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปข้างนอก เมื่อขับรถผ่านหน้าบ้านกันต์ธีร์ เธอเห็นว่าบ้านเปิดอยู่และคิดในใจว่า “ไอ้เด็กนี่ยังไง เปิดบ้านรอโจรรึไง” เธอลงจากรถและมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครอยู่แถวนี้
เธอเดินเข้าไปในบ้านที่เปิดโล่งทั้งประตูและหน้าต่าง แต่ไฟมืดสนิท เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
พิมลดา: “กันต์ กันต์ธีร์ นายอยู่ไหน?” เธอเรียกไปตามหาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล “เปิดบ้านไว้ทำไม ไฟก็ไม่เปิด”
เธอเดินไปตามหาทุกห้อง แต่ไม่เจอเขาเลยตัดสินใจขึ้นไปที่ชั้นสอง ด้วยความที่เธอสนิทกับครอบครัวนี้มานานนับสิบปี จึงคุ้นเคยกับบ้านเป็นอย่างดี
เมื่อเธอขึ้นไปถึงชั้นสอง เธอเห็นห้องนอนของกันต์ธีร์เปิดอยู่ แต่ไฟมืด เธอเดินเข้าไปเรียกอีกครั้ง
พิมลดา: “กันต์ กันต์ อยู่ไหม?”
เสียงของเธอสะท้อนในความมืดของห้องนอน แต่ยังไม่มีคำตอบ เธอรู้สึกถึงความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นและเริ่มคิดว่าต้องหาวิธีอื่นในการค้นหากันต์ธีร์