บทที่ 4 ลาจาก 1

973 Words
น้องแพรวางอแงไม่นานก็ยิ้มกว้าง… ทิวากรเดินทางมาถึงสนามบินหลังจากอดีตภรรยาและลูกสาวเช็กอินได้ไม่นาน โดยมีปานวาดอาสาขับรถเพราะเขาเมาเกินกว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอยื่นขวดน้ำให้เขาขณะติดไฟแดง บอกให้ดื่มเยอะ ๆ เผื่อว่าจะได้สร่างเมาและไม่ทำให้ลูกสาวตัวน้อยต้องตกใจ “คุณแม่บอกว่าคุณพ่อติดงาน ไปดูโรงเรียนใหม่กับน้องแพรไม่ได้ คุณพ่อไปด้วยไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ…” ปานวาดเห็นเขาหอมแก้มลูกสาว ขอโทษที่ตัวเองติดงานสำคัญ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพิมพ์ลภัสแอบเปลี่ยนไฟลต์อย่างกะทันหัน เขาจึงมีเวลากอดและหอมเจ้าตัวเล็กก่อนออกเดินทางเพียงแค่สิบห้านาที “พี่พิมพ์มีแผนจะพาน้องแพรกลับมาใช่ไหมคะ” ปานวาดถามหลังจากทิวากรอุ้มลูกสาวไปยังร้านค้าแห่งหนึ่งในสนามบิน เพื่อเลือกตุ๊กตาตัวเล็กให้เธอนอนกอดแทนตัวเขายามต้องอยู่ห่างกัน “นั่นมันก็แล้วแต่เธอนะวาด ถ้าพี่มั่นใจว่าแทนจะไม่ทำอะไรจริง ๆ การไปครั้งนี้ก็คงเป็นแค่การหาโรงเรียนใหม่ให้น้องแพร ไม่ใช่ไปแบบไม่กลับมาอีก” พิมพ์ลภัสอธิบายว่าต้องรออีกครึ่งปีจึงจะถึงเวลาปิดภาคเรียน เธอสามารถเลือกได้ว่าจะกลับมายังประเทศไทยหรือว่าอยู่ต่อที่กรุงลอนดอน และหากเธอเลือกข้อหลังก็หมายความว่าคนเป็นพ่อจะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกนาน “ถ้าวาดไม่ช่วยดู ไม่บอกพี่เรื่องของแทน…” “อย่าพูดอะไรที่ทำให้วาดเกลียดพี่พิมพ์ไปมากกว่านี้เลยนะคะ… ส่วนเรื่องคุณแทน วาดจะช่วยดูให้ แต่พี่พิมพ์ต้องสัญญาก่อนว่าจะกลับมาให้เร็วที่สุด” “ถ้าวาดทำได้อย่างที่พูด พี่ก็สัญญาว่าจะกลับมา แต่ต้องดูด้วยว่าน้องแพรปรับตัวกับที่นู่นได้มากน้อยแค่ไหน… วาด ยังไงพี่ก็ขอบใจมากนะ” “ขอบใจเรื่องอะไรคะ?” “ที่วาดมากับเขามันก็ชัดมากแล้ว… ขอบใจนะที่ยอมอยู่เป็นเพื่อนแทน พี่ฝากดูแลเขาด้วยนะ” ก่อนที่สองสาวจะได้คุยกันให้เข้าใจ ทิวากรก็อุ้มลูกสาววัยสี่ขวบเศษเดินออกจากร้านค้า ในมือเด็กน้อยมีตุ๊กตาหมีตัวเล็กและดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะชอบมันมากเลยทีเดียว “คุณพ่อบอกว่าจะรีบตามน้องแพรไปค่ะ” “รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคุณแม่จะให้คุณพ่อมาหาเราทันทีเลยนะคะ แต่ตอนนี้เราต้องไปแล้ว น้องแพรได้บ๊ายบายคุณพ่อกับพี่วาดหรือยังเอ่ย” “บ๊ายบายค่ะ พี่วาดอย่าลืมดูแลคุณพ่อของน้องแพรด้วยนะคะ น้องแพรเป็นห่วงคุณพ่อค่ะ อย่าลืมเตือนคุณพ่อว่าห้ามทำงานเยอะนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” น้องแพรวาโบกมือลาพลางหาว เพราะเลยเวลานอนมาสองชั่วโมงแล้ว “แทน… คุณดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยลา แต่เขาไม่ตอบ สนเพียงช่วยลูกสาวยัดตุ๊กตาหมีตัวเล็กลงกระเป๋าสะพายสีชมพูหวาน พึมพำว่าขอโทษไม่หยุด พร้อมกับบอกว่าหากวันไหนคุณแม่สะดวกแล้วจะไปหาทันที ทิวากรส่งอดีตภรรยาและลูกสาวเสร็จแล้วก็รีบก้าวขายาว ๆ กลับไปยังลานจอด โดยมีปานวาดเดินกึ่งวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เขาบอกปลายทางให้กับคนขับจำเป็นและไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงคอนโดมิเนียมหรูย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ตอนนั้นแหละที่เขายอมเอ่ยปาก “พาฉันขึ้นห้องหน่อย…” ปานวาดทำตามอย่างไม่อิดออด ดวงตาแดงก่ำของเขาทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ พอเห็นเขาเดินเซ เธอก็รีบสอดแขนประคอง ไม่นานก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องของเขาแล้ว “เธอคุยอะไรกับผู้หญิงคนนั้น” “วาดถามเรื่องทั่วไป…” เธอรีบแก้ตัว “ไม่ใช่ค่าจ้างที่เธอจัดฉากให้ฉันต้องเสียลูกเหรอ” “วาดไม่ได้จัดฉาก… วาดถูกหลอกให้เข้าหาคุณ” “ถูกหลอก? เธอคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ! หึ! ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกเธอตกลงอะไรกัน เพราะสิ่งที่ฉันสนใจคือข้อตกลงของเราสองคน ปานวาด ฉันรู้ว่าเธอกำลังลำบาก ถ้าเธอต้องการต่อรองราคา...” “คุณไม่ต้องพูดแล้วค่ะ วาดยอมแล้ว” “เธอว่ายังไงนะ” ทิวากรถามย้ำ “วาดจะทำทุกอย่างตามที่คุณต้องการแค่หกเดือน ถ้าครบกำหนดแล้ววาดยังไม่ท้อง เราค่อยต่างคนต่างไป เรื่องที่เกิดขึ้นก็ให้ถือว่าหายกัน ไม่ติดค้างอะไรกันอีก” “ดี! แต่จำไว้นะปานวาด ว่าลูกเป็นของฉันคนเดียว ส่วนเธอมีหน้าที่แค่ดูแลฉันในทุก ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ช่วยให้หายเครียดอย่างเรื่องบนเตียง” “ไม่ต้องย้ำหรอกค่ะ วาดรู้หน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว” “งั้นก็ดี มัวรออะไรอยู่ ถอดเสื้อผ้าสิ!” “ขอโทษนะคะที่ต้องปฏิเสธ พอดีวาดไม่มีอารมณ์” “ข้ออ้าง ก่อนหน้านี้ในห้องทำงานเธอยัง...” “วาดปวดท้องค่ะ...” ปานวาดปวดตั้งแต่ตอนอยู่สนามบินแล้ว แต่เพราะเดินเยอะอาการจึงแย่กว่าเดิมและเธอก็พอเดาได้ว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไร “หรือว่าเป็นเพราะยังไม่ได้กินข้าว?” ทิวากรอดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งปานวาดหน้าซีดเขาก็ยิ่งกังวลและพอได้รับคำตอบว่าเธอไปทำอะไรมา เขาก็ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “วาดน่าจะปวดท้องเพราะยาคุมฉุกเฉินค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD