เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ที่เราคุยกับสารพัดเรื่องและพี่ไทม์นินทาพี่ภาคินซะยับเลย อีกสิ่งที่รู้คือพี่ภาคินโสดมานานหลายปีมาก แต่คนที่โสดนานกว่าคือพี่สกาย แล้วพี่ไทม์ก็ยังลืมเมียเก่าไม่ได้ เขาพยายามทำถึงขนาดคบกับคนใหม่แต่สุดท้ายก็แล่นกลับไปหาเมียเก่าเหมือนเดิม พอฟังแบบนี้แล้วก็พอจะรู้เลยว่าสัมพันธ์นี้ท็อกซิคมากขนาดไหน เธอยังไม่รู้จักพี่ภาคินดีมากและไม่รู้ว่าเราจะเข้ากันได้ขนาดไหน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่เคยเสียใจหรก
เธอดีใจที่ได้รักกับเขา
“เมาแล้วเหรอ?”
“อื้ม มึนมากเลย”
“งั้นกลับกันเถอะ”
“พรุ่งนี้ขับรถไปส่งหน่อยนะ ถ้าเมาค้างแล้วไม่อยากขับรถไปเอง”
“ได้สิ ช่วงนี้จะไปรับไปส่งทุกวันเลย”
คืนนี้เต็มไปด้วยความสนุกมากและมีความสุขมาก แม้ว่าจะมีเรื่องที่น่ากังวลก็ตามแต่เดี๋ยวพรุ่งนี้จะคุยกับเพื่อนเพราะว่ามันพึ่งตอบข้อความมาว่าว่างพรุ่งนี้ตอนบ่าย เรื่องนี้เขาไม่อยากจะใช้ความรุนแรงมากจนเกินไปแต่มันจำเป็นต้องทำแล้วล่ะ เขากลัวว่าเมียจะโดนลูกหลงจากสิ่งที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลย เขาไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตรายแม้รู้ว่ามันเลี่ยงได้ยาก เขาแค่อยากให้น้ำขิงไว้ใจกันมากกว่านี้ก่อนจะเจอกับด้านมืดที่ซุกซ่อนเอาไว้ค่อนข้างเยอะมากพอสมควร
เธอคือคนที่สดใสร่าเริงของเขา
เธอเหมาะกับรอยยิ้มที่สุด
สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พี่ภาคินมารับมาส่งเธอทุกวันและโอ๊ตก็หายออกจากชีวิตไปเลย แต่เธอได้ยินเพื่อนแอบนินทากันว่ามีปัญหากับฝ้ายเรื่องความหึงหวงที่หนักขึ้นทุกวัน แล้วคนที่เป็นสนามอารมณ์มันก็คือเธอคนเดียวที่ถูกด่าซ้ำๆทั้งที่เธอมูฟออนไปนานแล้ว
ในตอนนี้เธอย้ายที่อยู่ใหม่เรียบร้อยและพี่ภาคินเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเช่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองแบบที่เธอไม่ร้องขอเลยด้วยซ้ำ เขาให้เพียงเหตุผลง่ายๆว่าต้องมาค้างกับเธอบ่อยแน่นอนเลยจัดการเองดีกว่า อีกอย่างเขาก็ไม่ได้อยากจะให้เธอลำบาก แต่นั่นก็เป็นข้ออ้างมากกว่า เขารู้ว่าบ้านของเธอไม่ได้ลำบากอะไรสักอย่าง บ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะด้วยซ้ำ ดูได้จากรถที่ใช้หรือกระเป๋าใบละหลายแสนนี่สิ
ได้แฟนแสนดีนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
ความหล่อรวยนั่นคือกำไร
เธอนั่งเล่นกับเพื่อนอีกคนที่เราไม่ค่อยได้คุยกับเท่าไร รู้สึกเหมือนเป็นคนเงียบๆและไม่ค่อยมีคนคบเท่าไรแต่ว่าดูนิสัยดี เธอก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษในช่วงนี้เพราะไม่อยากจะไว้ใจใครเลยจริงๆ เธอยังเข็ดกับสิ่งที่ฝ้ายทำไว้อย่างเจ็บแสบเสียจนมองไม่เห็นมิตรภาพดีๆจากใคร แต่อย่างน้อยการมีเพื่อนสักคนก็ดีกว่าการไม่มีใคร บางทีนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นอีกครั้งที่ดีก็ได้
“แล้วนี่แกกลับยังไงอะวาว?”
“แท็กซี่”
“ฉันไปส่งไหม?”
“แค่หอหน้ามอ.เองไม่เป็นอะไรหรอก”
“ยังไงมันก็ทางผ่านอยู่แล้วไม่ต้องคิดมากหรอก งั้น…แวะไปหาอะไรกินก่อนไหม ฉันหิวอะ”
“ตามใจแกสิน้ำขิง ฉันอะไรก็ได้หมดนั่นแหละ”
“แกนี่อยู่ง่ายกินง่ายดีนะ ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวน้ำขิง!”
“ห่ะ?”
“โอ๊ตวิ่งมาหาแกอะ!”
“เจ้ากรรมนายเวรชัดๆเลย” เธอจับมือวาวเดินออกไปที่รถ แต่ว่าแฟนเก่าที่ทำตัวเหมือนหมาหวงก้างวิ่งมายืนขวางไม่ให้ไปไหน เขายิ้มกว้างแล้วก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น ส่วนเธอยืนกอดอกมองด้วยสายตาเบื่อหน่ายเต็มทนกับเรื่องนี้ที่ไม่รู้ว่าจะลากเธอไปเกี่ยวข้องอะไรนักหนา
เลิกกันแล้วก็ควรจะหยุดสักทีสิ
เขามีฝ้ายเป็นแฟน ส่วนเธอมีผัวใหม่แล้ว
“จะไปไหน?”
“ถอยไปโอ๊ต!”
“คุยกันก่อนไม่ได้รึไงวะน้ำขิง!”
“มีเรื่องเหี้ยอะไรให้คุยอีกห่ะ! กูมีผัวใหม่แล้วไม่มีวันเอาของเก่าหรอก ไปหาเมียมึงนู้นไอ้โอ๊ต!”
“เห้ยน้ำขิงพูดดีๆไม่ได้รึไงวะ!?”
“กูพูดดีๆมาตั้งเท่าไรแล้วล่ะห่ะ แล้วเรื่องพวกเรามันควรจะจบได้แล้วไหมล่ะ?”
“มันดีกว่ากูตรงไหนวะน้ำขิง!?”
“ดีกว่าทุกตรงเลยเว้ย! ไม่มีตรงไหนของพี่ภาคินที่ต่ำตมเหมือนมึงหรอก!!”
“มึงก็แค่หลงของใหม่!”
“ก็ดีกว่าของเก่าที่มันเหม็นเน่าแบบมึงแล้วกัน!”
“กูจะทำใหมึงเลิกกับมันแล้วกลับมาหากูให้ได้น้ำขิง!”
“ฆ่ากูให้ตายก็ไม่มีวันกลับไปเอากับมึงหรอกไอ้โอ๊ต!!”
วาวยืนมองด้วยท่าทางเลิ่กลั่กแล้วคนอื่นก็มองกันหมดเพราะสองคนนี้ทะเลาะกันเสียงดังมาก น้ำขิงผลักโอ๊ตออกแล้วจับแขนเธอเดินไปขึ้นรถทันที จากนั้นก็ขับรถออกไปเร็วมากจนใส่เข็มขัดแทบไม่ทัน น้ำขิงเงียบมากและเธอก็ปลอบใจใครไม่เป็นด้วยสิ สิ่งที่ทำได้คืออยู่เงียบๆแล้วหันไปยิ้มให้
มีคนบอกว่าน้ำขิงเป็นคนตรงๆแรงๆ
คิดว่านั่นคือความจริงนะ
“เป็นอะไร?”
“เรากลัว”
“โทษทีนะวาว พอดีอารมณ์เสียทีไรขับรถเร็วตลอดเลย แล้วนี่แกขับรถไม่เป็นเหรอ หรือว่าไม่มีรถใช้”
“เรามีใบขับขี่นะ แล้วรถก็จอดอยู่ที่หอนี่แหละน้ำขิง เราลงเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถมาแต่ว่าเราไม่กล้าขับรถคนเดียวเฉยๆน่ะ เราขับรถไม่แข็งเลยไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไรว่าจะรอดไหม เราค่อนข้างกลัว”
“ฉันสอนให้ขับรถเก่งขึ้นเอาไหม?”
“จริงเหรอ?”
“อื้ม ฉันขับรถเป็นตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว พอดีที่บ้านทำรถนำเข้าเลยได้ลองบ่อยๆ”
“ขอบคุณนะน้ำขิง”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ช่วงนี้เราก็ว่างๆกันพอดีแล้วที่บ้านฉันก็มีสนามส่วนตัวให้ลองรถด้วย ไปไหม?”
“อื้อ ไปลองดูก็ได้”
ในขณะที่ภาคินกำลังคุยเรื่องงานกับเพื่อนที่สำคัญมากและปัญหาเรื้อรังเกินไป เขาอยากจะจัดการเรื่องนี้เองเพราะต้นเหตุก็มาจากความใจดีของเขาที่ทำให้เรื่องมันลามปามมาขนาดนี้ ทีแรกสกายมันตั้งใจว่าจะสั่งเก็บเพราะรำคาญแต่ว่าเขาเป็นคนห้าม ในตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากจะสั่งเก็บมันแล้วแหละ
มันเข้ามาขโมยข้อมูลที่เขาเก็บไว้แบล็คเมล์
ถ้าไม่ใช้หนี้มันก็ฉิบหายทั้งครอบครัว
“ตอนนี้มึงจะเอายังไงห่ะไอ้ภาคิน?” สกายถามอย่างเหลืออดในความใจดีเกินเหตุแล้วมองโลกสวยเกินไปของเพื่อน ปัญหาตอนนี้คือมันจะหาทางทำทุกทางเพื่อจะไม่ใช้หนี้ห้าสิบกว่าล้านที่กู้ไปหมุนธุรกิจ มันพยายามจะขโมยหลักฐานลับที่ไอ้ไทม์เป็นคนหามาเพื่อแบล็คเมล์หากว่าเบี้ยวนัดจ่ายเงิน เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ขั้นเด็ดขาดแต่เพื่อนมันห้ามในตอนนั้นเลยต้องมานั่งปวดหัวจนแทบเป็นประสาทแบบนี้ไง
“กูปล่อยข่าวไปแล้วนะ คนของกูจะเข้าไปตรวจสอบโกดังของมันก่อน” สกายบอกเพิ่มแล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร
“ตอนนี้มันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ กูกำลังให้คนตามหาอยู่นี่ไง” ภาคินตอบแบบเซ็งๆ
“ถ้ารอบนี้มึงพลาดอีก กูสั่งเก็บญาติคนนี้ของมึงนะภาคิน”
“เห้ยสกาย…”
“มึงจะแก้ตัวอะไรให้มันอีกห่ะ?”
“กูจัดการเอง”
“กูก็ให้จัดการอยู่นี่ไง กูไม่ได้บอกนี่ว่าครั้งนี้จะเก็บมัน กูแค่บอกว่าถ้าครั้งนี้มันยังเบี้ยวนัดอีกกูจะสั่งเก็บมันทันทีโดยไม่มีข้อแม้ แล้วเอาสมบัติของมันทั้งหมดไปขาดทอดตลาดมืดให้ได้เงินครบทั้งต้นทั้งดอก ครอบครัวมันอาจจะฉิบหายนิดหน่อยแต่ก็เพื่อสั่งสอนไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างก็ต้องทำ มึงเข้าใจใช่ไหมว่านี่คือธุรกิจ นี่ไม่ใช่การกุศลที่กูจะให้คนกู้เงินไปทีละหลายสิบล้านแล้วไม่ยอมใช้คืนแม้แต่บาทเดียว”
“สกายมึงใจเย็นๆก่อนดิ!”
“มึงหุบปากไปเลยไอ้ไทม์! กูให้พวกมึงสองคนจัดการเรื่องนี้มาเกือบเดือนแล้วนะเว้ย!”
“มึงจะสั่งเก็บอย่างเดียวไม่ได้นะเว้ย!”