10

1543 Words
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ที่เราคุยกับสารพัดเรื่องและพี่ไทม์นินทาพี่ภาคินซะยับเลย อีกสิ่งที่รู้คือพี่ภาคินโสดมานานหลายปีมาก แต่คนที่โสดนานกว่าคือพี่สกาย แล้วพี่ไทม์ก็ยังลืมเมียเก่าไม่ได้ เขาพยายามทำถึงขนาดคบกับคนใหม่แต่สุดท้ายก็แล่นกลับไปหาเมียเก่าเหมือนเดิม พอฟังแบบนี้แล้วก็พอจะรู้เลยว่าสัมพันธ์นี้ท็อกซิคมากขนาดไหน เธอยังไม่รู้จักพี่ภาคินดีมากและไม่รู้ว่าเราจะเข้ากันได้ขนาดไหน แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่เคยเสียใจหรก เธอดีใจที่ได้รักกับเขา “เมาแล้วเหรอ?” “อื้ม มึนมากเลย” “งั้นกลับกันเถอะ” “พรุ่งนี้ขับรถไปส่งหน่อยนะ ถ้าเมาค้างแล้วไม่อยากขับรถไปเอง” “ได้สิ ช่วงนี้จะไปรับไปส่งทุกวันเลย” คืนนี้เต็มไปด้วยความสนุกมากและมีความสุขมาก แม้ว่าจะมีเรื่องที่น่ากังวลก็ตามแต่เดี๋ยวพรุ่งนี้จะคุยกับเพื่อนเพราะว่ามันพึ่งตอบข้อความมาว่าว่างพรุ่งนี้ตอนบ่าย เรื่องนี้เขาไม่อยากจะใช้ความรุนแรงมากจนเกินไปแต่มันจำเป็นต้องทำแล้วล่ะ เขากลัวว่าเมียจะโดนลูกหลงจากสิ่งที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวเลย เขาไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตรายแม้รู้ว่ามันเลี่ยงได้ยาก เขาแค่อยากให้น้ำขิงไว้ใจกันมากกว่านี้ก่อนจะเจอกับด้านมืดที่ซุกซ่อนเอาไว้ค่อนข้างเยอะมากพอสมควร เธอคือคนที่สดใสร่าเริงของเขา เธอเหมาะกับรอยยิ้มที่สุด สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พี่ภาคินมารับมาส่งเธอทุกวันและโอ๊ตก็หายออกจากชีวิตไปเลย แต่เธอได้ยินเพื่อนแอบนินทากันว่ามีปัญหากับฝ้ายเรื่องความหึงหวงที่หนักขึ้นทุกวัน แล้วคนที่เป็นสนามอารมณ์มันก็คือเธอคนเดียวที่ถูกด่าซ้ำๆทั้งที่เธอมูฟออนไปนานแล้ว ในตอนนี้เธอย้ายที่อยู่ใหม่เรียบร้อยและพี่ภาคินเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเช่ากับค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองแบบที่เธอไม่ร้องขอเลยด้วยซ้ำ เขาให้เพียงเหตุผลง่ายๆว่าต้องมาค้างกับเธอบ่อยแน่นอนเลยจัดการเองดีกว่า อีกอย่างเขาก็ไม่ได้อยากจะให้เธอลำบาก แต่นั่นก็เป็นข้ออ้างมากกว่า เขารู้ว่าบ้านของเธอไม่ได้ลำบากอะไรสักอย่าง บ้านของเธอค่อนข้างมีฐานะด้วยซ้ำ ดูได้จากรถที่ใช้หรือกระเป๋าใบละหลายแสนนี่สิ ได้แฟนแสนดีนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ความหล่อรวยนั่นคือกำไร เธอนั่งเล่นกับเพื่อนอีกคนที่เราไม่ค่อยได้คุยกับเท่าไร รู้สึกเหมือนเป็นคนเงียบๆและไม่ค่อยมีคนคบเท่าไรแต่ว่าดูนิสัยดี เธอก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษในช่วงนี้เพราะไม่อยากจะไว้ใจใครเลยจริงๆ เธอยังเข็ดกับสิ่งที่ฝ้ายทำไว้อย่างเจ็บแสบเสียจนมองไม่เห็นมิตรภาพดีๆจากใคร แต่อย่างน้อยการมีเพื่อนสักคนก็ดีกว่าการไม่มีใคร บางทีนี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นอีกครั้งที่ดีก็ได้ “แล้วนี่แกกลับยังไงอะวาว?” “แท็กซี่” “ฉันไปส่งไหม?” “แค่หอหน้ามอ.เองไม่เป็นอะไรหรอก” “ยังไงมันก็ทางผ่านอยู่แล้วไม่ต้องคิดมากหรอก งั้น…แวะไปหาอะไรกินก่อนไหม ฉันหิวอะ” “ตามใจแกสิน้ำขิง ฉันอะไรก็ได้หมดนั่นแหละ” “แกนี่อยู่ง่ายกินง่ายดีนะ ไปกันเถอะ” “เดี๋ยวน้ำขิง!” “ห่ะ?” “โอ๊ตวิ่งมาหาแกอะ!” “เจ้ากรรมนายเวรชัดๆเลย” เธอจับมือวาวเดินออกไปที่รถ แต่ว่าแฟนเก่าที่ทำตัวเหมือนหมาหวงก้างวิ่งมายืนขวางไม่ให้ไปไหน เขายิ้มกว้างแล้วก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น ส่วนเธอยืนกอดอกมองด้วยสายตาเบื่อหน่ายเต็มทนกับเรื่องนี้ที่ไม่รู้ว่าจะลากเธอไปเกี่ยวข้องอะไรนักหนา เลิกกันแล้วก็ควรจะหยุดสักทีสิ เขามีฝ้ายเป็นแฟน ส่วนเธอมีผัวใหม่แล้ว “จะไปไหน?” “ถอยไปโอ๊ต!” “คุยกันก่อนไม่ได้รึไงวะน้ำขิง!” “มีเรื่องเหี้ยอะไรให้คุยอีกห่ะ! กูมีผัวใหม่แล้วไม่มีวันเอาของเก่าหรอก ไปหาเมียมึงนู้นไอ้โอ๊ต!” “เห้ยน้ำขิงพูดดีๆไม่ได้รึไงวะ!?” “กูพูดดีๆมาตั้งเท่าไรแล้วล่ะห่ะ แล้วเรื่องพวกเรามันควรจะจบได้แล้วไหมล่ะ?” “มันดีกว่ากูตรงไหนวะน้ำขิง!?” “ดีกว่าทุกตรงเลยเว้ย! ไม่มีตรงไหนของพี่ภาคินที่ต่ำตมเหมือนมึงหรอก!!” “มึงก็แค่หลงของใหม่!” “ก็ดีกว่าของเก่าที่มันเหม็นเน่าแบบมึงแล้วกัน!” “กูจะทำใหมึงเลิกกับมันแล้วกลับมาหากูให้ได้น้ำขิง!” “ฆ่ากูให้ตายก็ไม่มีวันกลับไปเอากับมึงหรอกไอ้โอ๊ต!!” วาวยืนมองด้วยท่าทางเลิ่กลั่กแล้วคนอื่นก็มองกันหมดเพราะสองคนนี้ทะเลาะกันเสียงดังมาก น้ำขิงผลักโอ๊ตออกแล้วจับแขนเธอเดินไปขึ้นรถทันที จากนั้นก็ขับรถออกไปเร็วมากจนใส่เข็มขัดแทบไม่ทัน น้ำขิงเงียบมากและเธอก็ปลอบใจใครไม่เป็นด้วยสิ สิ่งที่ทำได้คืออยู่เงียบๆแล้วหันไปยิ้มให้ มีคนบอกว่าน้ำขิงเป็นคนตรงๆแรงๆ คิดว่านั่นคือความจริงนะ “เป็นอะไร?” “เรากลัว” “โทษทีนะวาว พอดีอารมณ์เสียทีไรขับรถเร็วตลอดเลย แล้วนี่แกขับรถไม่เป็นเหรอ หรือว่าไม่มีรถใช้” “เรามีใบขับขี่นะ แล้วรถก็จอดอยู่ที่หอนี่แหละน้ำขิง เราลงเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถมาแต่ว่าเราไม่กล้าขับรถคนเดียวเฉยๆน่ะ เราขับรถไม่แข็งเลยไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไรว่าจะรอดไหม เราค่อนข้างกลัว” “ฉันสอนให้ขับรถเก่งขึ้นเอาไหม?” “จริงเหรอ?” “อื้ม ฉันขับรถเป็นตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว พอดีที่บ้านทำรถนำเข้าเลยได้ลองบ่อยๆ” “ขอบคุณนะน้ำขิง” “ไม่ต้องคิดมากหรอก ช่วงนี้เราก็ว่างๆกันพอดีแล้วที่บ้านฉันก็มีสนามส่วนตัวให้ลองรถด้วย ไปไหม?” “อื้อ ไปลองดูก็ได้” ในขณะที่ภาคินกำลังคุยเรื่องงานกับเพื่อนที่สำคัญมากและปัญหาเรื้อรังเกินไป เขาอยากจะจัดการเรื่องนี้เองเพราะต้นเหตุก็มาจากความใจดีของเขาที่ทำให้เรื่องมันลามปามมาขนาดนี้ ทีแรกสกายมันตั้งใจว่าจะสั่งเก็บเพราะรำคาญแต่ว่าเขาเป็นคนห้าม ในตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากจะสั่งเก็บมันแล้วแหละ มันเข้ามาขโมยข้อมูลที่เขาเก็บไว้แบล็คเมล์ ถ้าไม่ใช้หนี้มันก็ฉิบหายทั้งครอบครัว “ตอนนี้มึงจะเอายังไงห่ะไอ้ภาคิน?” สกายถามอย่างเหลืออดในความใจดีเกินเหตุแล้วมองโลกสวยเกินไปของเพื่อน ปัญหาตอนนี้คือมันจะหาทางทำทุกทางเพื่อจะไม่ใช้หนี้ห้าสิบกว่าล้านที่กู้ไปหมุนธุรกิจ มันพยายามจะขโมยหลักฐานลับที่ไอ้ไทม์เป็นคนหามาเพื่อแบล็คเมล์หากว่าเบี้ยวนัดจ่ายเงิน เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ขั้นเด็ดขาดแต่เพื่อนมันห้ามในตอนนั้นเลยต้องมานั่งปวดหัวจนแทบเป็นประสาทแบบนี้ไง “กูปล่อยข่าวไปแล้วนะ คนของกูจะเข้าไปตรวจสอบโกดังของมันก่อน” สกายบอกเพิ่มแล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร “ตอนนี้มันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ กูกำลังให้คนตามหาอยู่นี่ไง” ภาคินตอบแบบเซ็งๆ “ถ้ารอบนี้มึงพลาดอีก กูสั่งเก็บญาติคนนี้ของมึงนะภาคิน” “เห้ยสกาย…” “มึงจะแก้ตัวอะไรให้มันอีกห่ะ?” “กูจัดการเอง” “กูก็ให้จัดการอยู่นี่ไง กูไม่ได้บอกนี่ว่าครั้งนี้จะเก็บมัน กูแค่บอกว่าถ้าครั้งนี้มันยังเบี้ยวนัดอีกกูจะสั่งเก็บมันทันทีโดยไม่มีข้อแม้ แล้วเอาสมบัติของมันทั้งหมดไปขาดทอดตลาดมืดให้ได้เงินครบทั้งต้นทั้งดอก ครอบครัวมันอาจจะฉิบหายนิดหน่อยแต่ก็เพื่อสั่งสอนไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างก็ต้องทำ มึงเข้าใจใช่ไหมว่านี่คือธุรกิจ นี่ไม่ใช่การกุศลที่กูจะให้คนกู้เงินไปทีละหลายสิบล้านแล้วไม่ยอมใช้คืนแม้แต่บาทเดียว” “สกายมึงใจเย็นๆก่อนดิ!” “มึงหุบปากไปเลยไอ้ไทม์! กูให้พวกมึงสองคนจัดการเรื่องนี้มาเกือบเดือนแล้วนะเว้ย!” “มึงจะสั่งเก็บอย่างเดียวไม่ได้นะเว้ย!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD