มันนี่นั่งเหงาๆในร้านคาราโอโกะที่มีสาวๆนั่งเคียงข้าง ถึงแม้จะสวยปานใดเขาไม่มีวันชายตามอง เป็นความแตกต่างจากเคนอย่างสิ้นเชิง รายนั้นมือถึงปากหวานไม่มีเพลา นั่งดื่มหัวเราะต่อกระซิบจนมันนี่แอบรำคาญ
“เรากลับก่อนนะ”มันนี่อดใจไม่ไหว เขาไม่สามารถที่จะอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป เคนได้ยินไม่ถนัดจึงให้มันนี่พูดอีกครั้ง
“อะไรนะ”
“เราจะกลับแล้ว”
“อะไรนะ”
มันนี่เริ่มหงุดหงิดเขาจึงลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งออกจากร้านไปในทันที ปล่อยให้เคนนิ่งอึ้งพักหนึ่ง พอเขาได้สติจึงเช็ดคบิลและรีบตามมันนี่ในร่างเบนมาที่หน้าร้าน
“ไอ้เบน นายเป็นอะไรว่ะ ทุกทีมึงก็ชอบนิ ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ ถึงนายจะจำอะไรไม่ได้ แต่นายก็เป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้มันธรรมชาติหรือเปล่าวะ เราไม่เข้าใจนายจริงๆเลยว่ะ”
“ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจเรากลับแล้ว”
“นายจะกลับอย่างไง”
“แท็กซี่”
“คนอย่างนายเหรอจะขึ้นแท็กซี่ ถ้าจะกลับก็กลับพร้อมกัน เราพานายมาเราก็ต้องพานายไปส่งซิวะ”
“ก็ได้”มันนี่ยังมีสีหน้าบึ่งตึงแถมมองค้อนเคนอีกต่างหาก
“ไอ้เบน มึงหัดไปมองค้อนมาจากที่ไหน”
“ไม่ต้องมาถาม”มันนี่เดินไปที่รถของเคนแล้วยืนรอที่ประตูรถ เคนเดินมาเปิดประตูรถด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจเพื่อนรักของเขา
เมื่อมันนี่ขึ้นไปบนรถเขาก็นั่งนิ่งเงียบ ส่วนเคนนั้นรู้สึกไม่สบายใจที่มันนี่ในร่างของเบนมีท่าทีงอน
“นายเป็นอะไร ทำเหมือนผู้หญิงไปได้ ถ้านายไม่อยากอยู่ต่อก็บอกดีๆซิ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”
“เราไมได้งอน เราแค่ไม่อยากเที่ยวในสถานที่แบบนี้แค่นั้นแหละ”
“ก็บอกดีๆก็ได้”
“เราเห็นนายกำลังเพลิดเพลินกับสาวๆเลยไม่อยากไปขัดขวางความสุขนาย”
“ไอ้เบน ถ้ามึงไม่ความจำเสื่อมกูจะต่อยให้หน้าแหกเลย”
“ตอนนี้ก็ต่อยได้ ต่อยเลยต่อยซิ”มันนี่ยื่นหน้าให้เคนต่อย
“นายเป็นบ้าอะไร เอ่อ เดี๋ยวกูจะพามึงกลับบ้านก็ได้ เสียบรรยากาศหมดเลย”
“ทีหลังถ้ากลัวเสียบรรยากาศ ก็ไม่ต้องชวนเรามาหรอก เราอยู่บ้านคนเดียวได้”
“พอเถอะ ขืนคุยกับนายคงได้ทะเลาะกันแน่”เคนส่ายหน้า
มันนี่รู้สึกหงุดหงิดและไม่ค่อยชอบบรรยากาศในร้านที่เคนพามา เขาจึงโมโหและพาลไปหมด จนเคนรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเบนเพื่อนรักผู้นิ่งขรึมได้เปลื่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เมื่อมันนี่นั่งนิ่งๆได้สักพักเขาก็อามรมณ์เย็นใจ จนเป็นเหตุให้รู้สึกผิดที่ใส่อารมณ์กับเคนไปพอสมควร
“เมื่อกี้เราขอโทษนายด้วยก็แล้วกันนะ ที่ใส่อารมณ์กับนายไปตั้งเยอะ”
“เอ่อดีแล้ว เราจะไปโกรธนายได้อย่างไรกัน เพราะนายจำอะไรไม่ได้นี่ ที่เราพานายมาที่นี่เพื่อให้นายรื้อฟื้นความจำ”
“เราเข้าใจ แต่ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้เราไม่อยากมาเที่ยวสถานที่แบบนี้”
“แล้วนายอยากไปไหนบอกเรามา เราจะพาไปทุกที่เลยว่ามา”
“บาร์โฮสต์”
“อ่ะ”เคนตะลึงคำพูดของมันนี่
“หยอกน่ะ ใครจะไปล่ะ”
“แล้วไป ทีหลังอย่ามาหยอกแบบนี้เราตกใจหมด”เคนถอนหายในเฮือกใหญ่
“ถ้านายอยากพาเราไปเที่ยวเพื่อรื้อฟื้นความจำก็ได้นะ แต่ต้องพาเราไปในที่เราอยากไป”
“ที่ไหนบอกมา”
“เราไม่เรื่องมากหรอก ไปเดินห้างช้อมปิ้ง ดูหนังฟังเพลง หาอะไรกินกัน เราชอบแบบนี้ หรือไม่ก็ไปต่างจังหวัด ริมทะเลขึ้นเรือไปเที่ยวเกาะ ไปต่างประเทศก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะ”
“เราเป็นเพื่อนนายนะ ไม่ใช่แฟน อันที่นายพูดมา เหมือนคู่รักเขาทำกันนายรู้ไหม”
“รู้ เราไม่ใช่จะไปแคร์ทำไม ทีเมื่อก่อนนายยังบอกเลยว่า พาเราไปกางเต็นท์นอนกันสองคน”
“อันนั้นไปเที่ยวแอคเวนเจอร์แบบผู้ชายเขาทำกัน ขับบิ๊กไบค์คนละคันตะลอนขึ้นเหนือล่องใต้ หรือว่านายอยากจะไปแบบนั้น”
“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวดำ ตากแดดเยอะ อันตรายด้วย ข้อสำคัญเราขับรถบิ๊กไบค์ไม่เป็น หนักจะตายล้มมาไม่คุ้ม”
“ไอ้นั่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่เอา นายจะเอาอย่างไงกับเราบอกมา”
“ก็อย่างที่เราบอกไปเมื่อครู่นี่แหละ”
“จะให้เราไปดูหนังกับนายสองคนนี่นะ”เคนทำตาเหลือก
“หรือว่านายไม่เคยดูหนังกับเรา”
“เคย แต่ตอนสมัยวัยรุ่น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เอ่อ จำได้ไหมตอนเรียนมหาวิทยาลัย เราเคยไปดูหนังกันสามคนกับ หลินหลิน ที่พวกเราชอบเธอเหมือนกันน่ะ”
“ไปเจอกันตอนไหนอีกล่ะ”
“หน้าโรงหนังไง”
“อ๋อ เล่าให้เราฟังหน่อยซิ”มันนี่อยากรู้ขึ้นมาทันที ว่าตัวเขากับเคนนั้นจะทำอย่างไรกับรักสามเส้า
“วันนั้นเราไปดูหนังกันช่วงวันหยุด และบังเอิญเจอหลินหลินเธอก็ไปดูหนังเหมือนกับพวกเราทั้งสองคนนั่นแหละ แต่ที่น่าแปลกเธอไปคนเดียว เราสองคนเลยเข้าไปทักและซื้อตั๋วพร้อมกันได้ที่นั่งใกล้ๆ กันแล้วเราก็เข้าไปดูหนังพร้อมกัน”
ในโรงหนังที่แสนมืดพอสลัวๆทั้งสามได้นั่งดูหนังอย่างใจจดจ่อ หลินหลินนั้นนั่งกลาง ส่วนเบนนั่งฝั่งขวา และเคนนั่งฝั่งซ้าย ความรู้สึกทั้งสามคนนั้นมีสองความรู้สึก หลินหลินหลังจากคืนนั้นเธอรู้สึกหวนคิดถึงหนุ่มทั้งสองที่มาช่วยเหลือเธอ จึงทำให้เกิดความรู้สึกดีๆกับเคนและเบนพร้อมกัน ส่วนเคนและเบนความรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไรนัก เพราะเป็นรักแรกพบและรักแรก ด้วยทั้งสองยังไม่เคยมีแฟนเลย เนื่องจากทำตัวติดกันตลอดเวลา ยิ่งมัธยมปลายแท่บจะไม่ห่างกันแม้นิดเดียว
ความเงียบของเสียงคนดูหนังพอๆกับความเงียบในใจของทั้งสาม จนกระทั่งหนังจบสองชายหนึ่งหญิงออกมาจากโรงหนัง ถึงได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง
“ดูหนังจบแล้วก็หิวข้าว เรามาหาข้าวเย็นกินกันไหม”เคนเอ่ยขึ้น
“ดีหากินแถวนี้แหละ ไม่ต้องไปไหนไกล”เบนเอ่ยขึ้น
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ เราเลี้ยงหลินหลินเอง”เคนหันมามองหลินหลิน
“เคนเลี้ยงข้าว เดี๋ยวเราเลี้ยงไอศกรีมเธอเอง”เบนหันมามองหลินหลินด้วยเหมือนกัน
“กินทั้งข้าวทั้งไอศกรีมเราอ้วนกันพอดี”หลินหลินอมยิ้ม
“ไม่อ้วนหรอก หลินหลินก็กินอย่างละนิดซิ”เคนเอ่ยขึ้น
“ใช่กินข้าวนิดหน่อย กินไอศกรีมสองสามคำ เราไปนั่งเอาบรรยากาศก็ได้”
“ถ้างั้นโอเค”หลินหลินหันซ้ายทีหันขาวที
ช่วงเวลาต่อจากนั้นเคนและเบนได้พาหลินหลินไปร้านอาหารสุดหรู ทั้งเบนและเคนกินเต็มที่ส่วนหลินหลินกินพอเป็นพิธีเพราะเธอกลัวอ้วน แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หลินหลินอดแปลกใจ ทำไมสองคนนี้ถึงสนิทกันมาก จนเธอแอบสงสัยว่าเป็นคู่เกย์หรือเปล่า
เมื่อทั้งสามกินข้าวเสร็จจึงมาต่อที่ร้านไอศกรีมใกล้ๆกัน หลินหลินนั้นสั่งไอศครีมข้าวเหนียวมะม่วง ส่วนเบนสั่งวนิลา และเคนนั้นสั่งช็อกโกแลต
“ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอก หลินหลิน กินให้หมดเลยนะ”เบนเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวอ้วน ถ้าเราอ้วนแล้วลดยากนะ พวกนายกินกันให้หมดก็แล้วกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว”เคนพูดขึ้นแล้วอมยิ้มกินไอศกรีมจนครึ่งถ้วย
“กินไม่รอกันเลยนะ”เบนรีบกินให้ทันเคนซึ่งเขากินคำใหญ่มากและเร็ว
“นายหยุดกินได้แล้วเบน เราอยากกินวนิลา”เคนเลื่อนถ้วยไอศกรีมของตัวเองสลับกับของเบน
“นายนี่มันจริงๆชอบแย่งเรากินอยู่เรื่อย”เบนเอ่ยขึ้น
“แย่งที่ไหน เปลื่ยนกันอยู่นี่ ใช่ไหมหลินหลิน”เคนมองทางหลินหลิน ส่วนหลินหลินได้แต่พยักหน้า
“มันตะกละจะตายไอ้เนี่ย”เบนเอ่ยขึ้น แล้วเอาช้อนที่มือตักไอศครีมวนิลาของเขาที่เคนเปลื่ยนเอาไป
“นายนั่นแหละตะกละ พอเลยนะเราจะกินวนิลาของนาย ส่วนนายก็กินช็อคโกแลตของเราไป”เคนเอามือป้องถ้วยไอศครีมไว้
“ขี้หวงไม่กินก็ได้”เบนตักไอศกรีมช็อกโกแล็คใส่ปากของตัวเอง
“เบน เคน เรามีเรื่องจะถามนายสองคนได้ไหม”หลินหลินอดใจไม่ไหว เพราะเขาก็รู้สึกชอบสองคนนี้เหมือนกัน แต่เธอยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกคบใครดี แต่ยังไม่สำคัญเท่ากับความสงสัยที่คาใจอยู่
“อะไร”เบนและเคนพูดพร้อมกัน
“นายสองคนเป็นแฟนกันใช่ไหม”หลินหลินรอลุ้นคำตอบ ถ้าเกิดใช่เธอจะได้เปลื่ยนโหมดเป็นเพื่อนแทน
“ไม่ใช่”ทั้งคู่พูดพร้อมกัน
“เห็นไหมหลินหลินเข้าใจผิดหมดเลย นายนี่ชอบเล่นอะไรไปเรื่อย”เบนเอ่ยขึ้น
“นายนั่นแหละ ถ้าเราแกล้งนายอยู่เฉยๆก็จบ ยังจะมาแกล้งเรากับอีก หลินหลินเข้าใจผิดหมด”
“ไม่ใช่อย่างที่หลินหลินคิดนะ เราเป็นเพื่อนกันจริงๆ รู้จักกันตั้งแต่ในท้อง พ่อแม่เราสนิทกันไง”เคนอมยิ้มอายๆให้หลินหลิน
“ใช่ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นแต่หน้ามันนี่แหละ เรียนตั้งแต่เตรียมอนุบาลยันปริญาตรี”เบนหน้าบูดนิดๆมองเคนและหันมายิ้มหวานให้หลินหลิน
“พวกนายสองคนไม่เคยแยกกันเลยใช่ไหม”หลินหลินยิงคำถามสุดท้ายก่อนตัดสินใจ
“ใช่ ไม่เคยแยกกันเลย จะแยกกันก็ตอนอยู่บ้านใครบ้านมันแค่นั้นแหละ”
“อ๋อ”หลินหลินพยักหน้า
ถึงแม้หลินหลินยังไม่แน่ใจว่าเบนและเคนเป็นแฟนกัน แต่สิ่งที่เธอแน่ใจมากกว่านั้น ถ้าเกิดคบใครคนหนึ่งเป็นแฟน เธอต้องพ่วงเพื่อนเพิ่มไปอีกหนึ่งคน ถึงแม้เธอยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะชอบใครดี และอีกอย่างที่เธอให้ความสนใจมากที่สุด นั่นคือความเป็นเพื่อนของเบนและเคนอาจแตกหักได้ถ้าทั้งสองตกลงกันไม่ได้ ซึ่งหลินหลินไม่สามารถทำได้กับคนที่ช่วยเหลือเธอในค่ำคืนนั้น
“เล่าต่อซิ”มันนี่อยากรู้เหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่
“ไม่มีอะไรจะเล่าแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้นหลินหลินก็หายไปจากชีวิตเราสองคนเลย”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็คงคิดว่าเรากับนายเป็นคู่เกย์มั้ง”
“ว้า แย่จัง อดเลย”มันนี่คิดไว้ไม่มีผิดว่าต้องจบลงแบบนี้
“อดอะไร”
“อดได้แฟนไง”
“ก็แค่แฟนเรามีนายก็พอแล้ว เพราะถ้าเหงาอยากไปเที่ยวไหน เราก็ไปกับนายแทน แต่ก็อีกเนาะผู้ชายนะ สุดท้ายเราสองหนีไม่พ้นมีแฟนพร้อมกันอีกหน จะฟังอีกไหม”
“พอก่อนเราง่วงนอน”
“ใช่ ดึกมากแล้วด้วย นี่ก็ใกล้ถึงบ้านนายแล้ว”
“ถึงแล้วเหรอเนี่ย”มันนี่หันซ้ายหันขวาเพราะเขาจำทางไม่ได้
“ก็ถึงแล้วซิว่ะ ไปเปิดประตูบ้านเราจะขับรถเข้าไปข้างใน”
“ขับเข้าไปทำไมเสียเวลา นายส่งเราที่หน้าบ้านก็ได้ เดี๋ยวเราเดินเข้าไปเอง”
“อะไรของนาย คืนนี้เราจะนอนกับนาย”
“ไม่ได้ มันนี่พูดเสียงหลง
“ทำไมไมได้”
“เอ่อน่าไม่ต้องถาม วันหลังค่อยมาก็ได้ วันนี้ไม่สะดวก นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ”มันนี่รีบลงจากรถและเดินอย่างเร็วเข้าไปในบ้าน
เคนนั่งในรถด้วยความมืนงง สักพักเขาก็ได้สติและคิดได้ว่า เบนความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้ หลังจากนั้นเบนก็ไม่คิดอะไรมาก เขาอมยิ้มและขับรถแล่นออกไปจากหน้าบ้านของเบน