มาร์คและเบนได้ยืนมองหมูไก่และผัก ที่มาร์คซื้อมาเพื่อที่จะให้มันนี่เป็นคนทำ แต่คนที่อยู่ในร่างมันนี่กลายเป็นเบนไปแล้ว ซึ่งเบนทำอะไรไม่เป็นซะอย่าง เพราะบ้านรวยมีคนรับใช้มากมาย
“นายยืนมองอะไรทำไมไม่ทำกับข้าวให้เรากิน”มาร์คเอ่ยขึ้น
“ทำไม่เป็น เราลืมวิธีทำอาหารไปแล้วน่ะ นายทำให้เรากินดีกว่าไหม”
“ทำได้ แต่นายจะกินได้ไหมนั้นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่าทำเลย เราออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันเถอะ ไปภัตตาคารหรูๆอาหารดีๆมีตั้งเยอะ จะมากินอะไรที่ไม่อร่อยล่ะ”เบนยืนยิ้มจินตนาการอาหารเลิศรส
“ตื่นได้แล้ว เราสองคนไม่ได้รวยขนาดนั้น ผ่อนคอนโด ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต แต่ละเดือนแท่บไม่พอใช้ คิดอย่างไงยังจะไปกินอาหารภัคตาคารหรู ถ้าข้างทางก็ไปอย่างหนึ่ง”
เบนอึ่งกับคำพูดของมาร์ค เพราะเขาลืมคิดไปว่าอยู่ในร่างของมันนี่ ไม่ใช่ร่างของเขาที่เป็นลูกชายเศรษฐีพันล้าน
“เราพูดเล่น พูดแล้วจะได้หายหิว ถ้างั้นเราไปกินอาหารข้างทางก็ได้ นายก็รู้ว่าเราจำอะไรไม่ได้ อะไรที่เราเคยทำเป็นลืมไปหมดแล้ว”
“แบบนี้นายจะทำงานได้เหรอ เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดเลยนะ”
“นายก็ช่วยเราสิ”เบนอมยิ้ม
“เราเป็นช่าง จะช่วยนายทำอะไรได้”
“ว้าว นายเป็นช่างดีจังเลย”
“ไม่ต้องพูดอะไร ไปกินข้าวข้างทางก็ได้”มาร์คหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะเขาอยากกินฝีมือทำกับข้าวของมันนี่
มาร์คพาเบนมานั่งกินข้าวข้างทางอย่างไม่เต็มใจ เพราะเขาอยากจะกินรสมือของมันนี่ที่เคยทำให้เขากินเป็นประจำ แต่ในเมื่อเขาคิดว่ามันนี่ความจำเสื่อมเขาจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องทำตามใจเบน
เมื่อมาถึงร้านอาหารข้างทางเบนก็ไม่ค่อยอยากนั่งเท่าไร เพราะลืมไปว่าหน้าตาของเขาไม่ใช่เบนแล้วแต่เป็นมันนี่ เขากลัวเพื่อนๆขับรถผ่านมาเห็นเขาจะดูไม่ดี จึงกล้าๆกลัวๆยืนงงตรงข้างทาง
“ทำไมไม่นั่งล่ะ”มาร์คเอยขึ้น
“อือ”เบนนั่งลงบนเก้าอี้ไม่มีพนักพิง
เบนนั่งมองมาร์คไปกดน้ำดื่มฟรี เขามองมาร์คตักน้ำแข็งใส่เก้าสองใบ หลังจากนั้นกดน้ำในกระติกและเอาแก้วรองน้ำไว้ เมื่อเต็มทั้งสองใบเบนเห็นมาร์คหยิบหลอดสองอันใส่แก้ว แล้วเดินมาวางตรงหน้าของเขา
“จะกินอะไรสั่งเอาเลย”มาร์คมองหน้าเบนแล้วอมยิ้มนิดๆในความน่ารักแบบแมนๆซึ่งไม่ได้ตะมุตะมิเหมือนแต่ก่อน
“มีอะไรบ้างล่ะบอกมาหน่อยซิ”
“ร้านอาหารตามสั่งมันก็มีไม่กี่อย่างหรอก อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้อีก”
“อือ”เบนพยักหน้า
“ความจำเสื่อมจริงๆหรือแกล้งกันแน่”
“ไม่ได้แกล้งเสื่อมจริงๆ”
“ส่วนอื่นเสื่อมด้วยหรือเปล่า”มาร์คอมยิ้ม
“ทะลึ่งเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า”
“ได้ยินก็ช่างเขาซิ เพราะคนแถวนี้เขารู้กันหมดแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน”
“อะไรน่ะ”เบนพูดเสียงดัง
“ไหนบอกให้เราเบาๆตัวเองนั่นแหละทำเสียงดัง”
“โต๊ะนั้นมัวแต่จีบกันอยู่นั่นแหละ เมื่อไรจะสั่งอาหารซะทีล่ะพ่อคุณ”แม่ค้าตะโกนเสียงดับ จนคนข้างๆต่างมองมาร์คและเบน
มาร์คเฉยๆและอมยิ้มนิดๆส่วนเบนรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่เขาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ เบนจึงได้แต่นั่งนิ่งๆทำหน้าตายับย่นไม่พอใจ
“นายไม่สั่งเดี๋ยวเราสั่งให้ก็แล้วกัน ป้า ผัดกระเพราสองจานเผ็ดๆหน่อยนะ”
“เราไม่กินเผ็ด”เบนพูดขึ้นลอยๆ
“เผ็ดจานไม่เผ็ดจานนะป้า”
“ทำไมพวกเอ็งไม่สั่งให้เหมือนกันวะ เสียเวล่ำเวลาหมด”แม่ค้าบ่นเฉยๆในใจไม่ได้มีอะไรหรอก เพราะว่าค่อนข้างสนิทกับทั้งสองคนเป็นอย่างดี
“แฟนผมไม่กินเผ็ดครับป้า”
“เมื่อก่อนยังกินอยู่เลย หรือว่ากลัว..ป้าไม่พูดแล้ว เดี่ยวกินข้าวกันไม่ลง”
“ป้านี่ปากไม่ดีหนอ พูดจาเลอะเทอะ นายไม่น่าพาเรามากินที่นี่เลย”
“ป้าเขาให้ข้าวเยอะดีอร่อยด้วย แล้วจะไปทำไมไกลๆเสียเวลาเปล่าๆ มีเงินเยอะเหรอ งานก็ไม่ได้ทำหลายวันแล้วนี่นายน่ะ”
“โอ๊ย เรื่องเงินเรื่องเล็ก มีเยอะด้วยไม่อยากจะคุย”
“ไหนล่ะเงินเอาออกมาให้ดูหน่อยซิ”
“ตอนนี้ยังไม่มีรอพรุ่งนี้ก่อน เดี่ยวมีคนโอนเงินมาให้เองนั่นแหละ”เบนคิดไปว่าพรุ่งนี้จะให้มันนี่โอนเงินจากบัญชีของเขามาใส่บัญชีมันนี่ซักล้านสองล้าน
“พุร่งนี้หวยออกนี่ ซื้อหวยไว้แล้วใช่ไหม”
“โอ๊ย หวยอะไรเราไม่เล่นหวย เงินที่มีใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด”
“นายนี่เป็นเอามาก พรุ่งนี้ต้องมาหาหมอจิตเวชอีกรอบแล้วมั้ง”
“ไม่ไปเราไมได้บ้า”
“ใครว่านายบ้า แต่นายไม่อยู่กับความจริงมโนเพ้อพบไปเรื่อย”
“เอ่อ พรุ่งนี้คอยดูก็แล้วกันว่าเรามีเงินจริงหรือเปล่า”
“ผัดกระเพราเผ็ดกับไม่เผ็ดมาแล้วจร้า”แม่ค้านำกระเพรามาให้ทั้งสองถึงโต๊ะด้วยตัวเอง
“ทำไมวันนี้มันนี่หน้าบูดจัง มาร์คทำอะไรให้มันนี่ไม่พอใจหรือเปล่า”
“เปล่าป้า”
“มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน มาร์คป้าอยากจะเตือน”
“อะไรครับป้า”
“ที่หลังเบาๆหน่อยก็ได้ ดูท่าทางมันนี่แย่เหมือนกันนะ”ป้าขายอาหารตามสั่งกระซิบข้างๆหูของมาร์ค
“ไปแล้วนะกินให้อิ่ม”
“ป้าเขาพูดอะไร”เบนถามทันทีหลังจากป้าอาหารตามสั่งเดินไปไกลพอสมควร
“ป้าเขาบอกว่าคืนนี้จัดให้หนักๆหน่อย”
“ป้าคนนี้ประสาทชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
ถึงแม้เบนจะไม่ชอบป้าคนนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้ ผัดกระเพราของป้านั้นอร่อยมาก จนเขาอยากสั่งจานที่สอง แต่ก็ไม่กล้าเก็บอาการไว้
“ท่าจะหิวกินซะเกลี้ยงเลย”
“ไม่ได้หิวหรอกเสียดายของ”
“พูดแบบนี้สมกับเป็นมันนี่จอมเหนียวหน่อย”
“อะไรน่ะมันนี่ขี้เหนียวเหรอ”
“ไม่ใช่ขี้เหนียวธรรมดาแต่โครตเหนียว”
“อู้”เบนอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ช่วงเวลาในร้านอาหารตามสั่งในความรู้สึกของมาร์คดูแสนสั้น เพราะเขารู้สึกมีความสุขที่ได้ออกมาจากคอนโด ถึงแม้เขาจะรู้สึกดีที่ได้กินข้าวกับมันนี่ในคอนโด แต่มันมีความเบื่อบ้างเป็นบางครั้ง เมื่อคิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา มาร์ครู้สึกเศร้าใจทันที เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเขาก็มีส่วนผิด เพราะเขาชวนมันนี่ไปกินข้าวยังร้านอาหาร จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุ
“นานๆไปทีก็มีความสุขดีนะ”มาร์คพูดขึ้นหลังจากกลับขึ้นมาบนคอนโด
“อือ”เบนนั่งลงบนโซฟา
“อร่อยใช่ไหม”มาร์คนั่งลงข้างๆเบน
“ไม่ต้องนั่งชิดกันขนาดนั้นก็ได้”เบนขยับห่างไปอีกหน่อย
“อ๋อ เข้าใจแหละ”มาร์คล้มตัวลงนอนหนุนตักของเบนทันที
“เอ๊ะนายนี่ เราไม่ได้บอกให้นายนอนตักเราลุกขึ้นได้แล้ว”
“ไม่ลุก ขอนอนซักหน่อยน่ะ ไม่ได้นอนแบบนี้มานานมากแล้ว”
เบนอยากที่จะปฏิเสธและลุกเดินหนี แต่เขาก็ไม่สามรถทำตามความคิดนั้นได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องอยู่กับมาร์คไปจนกว่าจะกลับเข้าร่างได้ ขืนทำตัวห่างเหินอาจส่งผลเสียกับตัวเขา เบนจึงให้มาร์คนอนบนตักต่ออยู่อย่างนั้น
“นายเล่าเรื่องของเราต่อซิ หลังจากเอฟหลอกใช้ให้ทำวิทยานิพนธ์”
“อ๋อ ได้เลย”
หลังจากวันนั้นที่มันนี่ตกลงทำงานให้กับพี่สาวของเอฟ อีกสองสามวันเอฟก็มาหามันนี่ที่ห้องของเขา โดยมีเอกสารกองหนาพร้อมข้อมูลต่างๆเบื้องต้น เพื่อให้มันนี่ไปค้นคว้าหาเพิ่มเติม
“เรารู้สึกเกรงใจมันนี่มากเลย”เอฟยิ้มหวานอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจมันนี่
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว”มันนี่อมยิ้มด้วยความอาย
“เรารู้สึกเสียใจมากเลยนะ ที่นายคิดกับเราแค่เพื่อน เพราะเราได้คิดเกินเพื่อนไปแล้ว”เอฟแสร้งทำสีหน้าผิดหวัง
“ไม่ใช่อย่างงั้นน่ะเอฟ เราก็คิดแบบนายนั่นแหละ”ช่วงแรกมันนี่มีสีหน้าที่ตกใจและ เปลื่ยนไปเขินอายหลังจากบอกความในใจออกไป
“เราดีใจมากเลย ตอนแรกเรานึกว่าคิดไปคนเดียว สุดท้ายเราก็สมหวังซะที”เอฟดึงร่างของมันนี่มากอดไว้
“เราก็ดีใจจนพูดไม่ถูกเหมือนกัน”มันนี่โอบกอดเอฟด้วยเช่นกัน
“ในเมื่อใจเราตรงกัน ต่อไปนี้เราจะดูแลมันนี่เองนะ”เอฟคลายกอดมันนี่แล้วจับสองแก้มมันนี่ไว้ พร้อมส่งสายตาอันหวานฉ่ำ
“ไม่เป็นไรหรอก เราดูแลตัวเองได้ ขอแค่นายเป็นแบบนี้ตลอดไปเราก็ดีใจมากที่สุด”
“ไม่ได้สิ เพราะนายดีกับเราและพี่สาวของเราด้วย ถ้านายอยากได้อะไรอยากทำอะไรบอกเราได้นะ เราไม่ปฏิเสธนายหรอก เราเต็มใจทำให้นายอย่างแน่นอน”
“เราไม่อยากได้อะไรจากนายหรอกแค่นี้เราก็ดีใจมากแล้ว”
“ไม่ได้สิ รักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก มันต้องทำอย่างอื่นด้วย ถึงจะทำให้ความรักของเรานั้นสมบูรณ์แบบ”
“ทำอะไรล่ะ”มันนี่เขินอายอย่างหนัก
“นายอยากทำอะไรล่ะ”
“ไม่รู้”มันนี่หันหน้าไปทางอื่น
“ไม่รู้ได้ไง”เอฟจับปลายคางของมันนี่เชิดขึ้นเล็กน้อย
“เราไม่เคยทำอะไรแบบนั้นหรอก”
“แล้วอยากทำไหมล่ะ”
“ก็ คือ เอ่อ”
“ไม่มีอะไรต้องอายกันอีกแล้ว ในเมื่อใจเราตรงกัน ถ้านายอยากทำเราก็พร้อมที่จะให้นายทำนะ”
“ทำอะไรล่ะ”
“ถ้านายยังเล่นตัวอยู่อย่างนี้เรากลับก่อนนะ งานก็ไม่ต้องทำให้เราก็ได้”เอฟแกล้งเก็บเอกสารต่างๆเข้าไปในกระเป่าใบใหญ่
“ก็ได้ เราอายน่ะ”
“มัวแต่อายแล้วเมื่อไรนายจะได้ทำซะทีล่ะ”
“ได้ ทำอย่างไงล่ะ”
“ไม่ต้องมาแกล้งไม่รู้เลย”
“ไม่ได้แกล้งเราไม่รู้จริงๆ”
“ไม่แกล้ง ไม่รู้ ก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างงั้นเราจัดการเอง”
เอฟค่อยๆยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆมันนี่ จนริมฝีปากเกือบชนกันในอีกไม่กีวินาที มันนี่ใจระทึกตื่นเต้น หัวใจสั่นระรัวยิ่งริมฝีปากของเอฟประกอบแนบชิดริมฝีปากของเขา มันนี่ถึงกับหายใจถี่ๆด้วยความหวั่นไหว