“ขอรับคุณหนู หากต้องการไหว้ศาลสัตว์มงคล เกรงว่าจะไม่สะดวก ตอนนี้ชาวเมืองต่างไปชุมนุมกันที่คฤหาสน์ของท่านผู้นำมือปราบอเวจี คุณหนูก็ควรไปด้วยเช่นกัน เพราะเขาแจกวัตถุมงคลและยันต์คุ้มภัยสำหรับรักษาสารพัดโรค” ชายสูงวัยกล่าวอย่างให้เกียรติ
“เหลวไหล ข้าจะไปที่อัปมงคลเยี่ยงนั้นได้หรือ อีกอย่างการหลงเชื่อเรื่องเช่นนั้นนับว่าอับจนปัญญา!” อิ้งเยว่ในร่างจำแลงว่าเสียงสูง และท่าทางแสดงให้รู้ว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชายชราแปลกใจ มองสำรวจเด็กสาวในชุดเหลืองอีกครา
“คุณหนูเป็นลูกหลานสกุลใด ระวังกิริยาและคำพูดเอาไว้บ้าง ข้าเกรงว่าอาจนำภัยร้ายสู่ตัวท่านและตระกูล”
“ฮึ! อย่าได้กลัวสิ่งใดแทนข้า ตอนนี้ท่านและชาวเมืองทุกคนควรระวังตัวเอาไว้เสียดีกว่า เพราะการละเลยไม่ดูแลศาลเจ้าแห่งโชคชะตาย่อมมีโทษร้ายแรง”
คนหนุ่มร่างเล็กสูดลมหายใจลึก เขาปรามสตรีงามเบื้องหน้าพวกตนเสียงเข้ม
“คุณหนูกล่าวราวกับไม่รู้แจ้ง ว่าในยามนี้ผู้คนต่างหันเหใจ ไม่มีคนเคารพสัตว์หรือรูปปั้นในศาลแห่งนี้อีก เพราะมือปราบอเวจีคือผู้ผดุงความถูกต้องแทนเราทุกคน ใครๆ ต่างยกย่องและยำเกรงพวกเขา อีกอย่างสำนักหมอยาหลายที่ล้วนถูกปิดตัว แม้แต่ตระกูลไป๋ยังต้องอพยพไปที่อื่นชั่วคราว”
เด็กสาวขมวดหัวคิ้วเรียวอย่างขัดเคืองใจ นางไม่ได้ลงมาที่นี่ไม่ถึงครึ่งปี เหตุใดทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปเร็วเช่นนี้ โดยเฉพาะคนตระกูลไป๋ นางได้ยินว่าพวกเขายึดมั่นในความดี ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งตำหนักไป๋ซานยังมีบุรุษเทพเซียนคอยดูแลผู้คน ผิดแต่หลายปีที่ผ่านมายังไม่มีผู้เหมาะสมรับตำแหน่งดังกล่าว เช่นนี้คงเป็นโอกาสให้พวกลัทธิมารเข้ามาหาประโยชน์ในเมืองหนานอาน
อิ้งเยว่ในร่างจำแลงกำลังใช้ความคิดอย่างหนักนางจะโกรธแค้นชาวบ้านที่ไม่รู้ประสีประสาทั้งสามคนนี้ก็ใช่เรื่องสมควร
“พวกโจรชั่วเหล่านั้นที่พวกท่านกล่าวถึงมันพำนักอยู่ที่ใด”
“คฤหาสน์รับรองของท่านเจ้าเมือง ยามนี้ใครๆ ต่างเข้าออกที่นั่นราวกับเป็นเทศกาลปีใหม่”
“ฮึ เดี๋ยวตัวข้าจะทำให้คฤหาสน์หลังนั้นร้างเหมือนศาลแห่งนี้ พวกท่านคอยดูเถิด”
ชายทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยความฉงน สตรีอายุน้อยกล้าพูดจาและแสดงท่าทีต่อต้านมือปราบอเวจี นางอาจต้องโทษหรือไม่ก็ถูกจับในข้อหาเป็นแม่มดหมอผี!
“คุณหนู พูดจาสิ่งใดโปรดระวังปาก สถานการณ์ในเมืองตอนนี้ชวนให้ประหวั่นใจ”
อิ้งเยว่ยิ้มเยือกเย็น ก่อนหลุดเสียงร้องประหลาดออกมาต่อหน้าชายทั้งสามคน
“เมี้ยว! มือปราบอเวจีหรือจะหาญสู้...สตรีที่มีสองหางเช่นข้า!!”
อิ้งเยว่มุ่งหน้าไปคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางทางด้านทิศใต้ของเมือง ทุกอย่างเป็นดังที่ชายสามคนกล่าวอ้าง นางตะลึงอยู่เล็กน้อย อีกทั้งเสียงสวดมนต์และกลิ่นกำยานประหลาดๆ ชวนให้สำรอก
ในยามที่ใช้ร่างจำแลงนี้นางต้องพยายามควบคุมอารมณ์และการแสดงออกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ กระนั้นก็ดูเหมือนนางยังทำได้ไม่ดีพอ จนถูกเด็กชายจ้ำม่ำคนหนึ่งมองอย่างสงสัย
“พี่สาว ท่านมีหางยาว!”
นางแมวตกใจ และรีบใช้พลังเวทของตนหดหางที่โผล่ออกมาทันที “เจ้าตาฝาด คนงามเลอโฉมเช่นนี้จะมีหางได้เยี่ยงไร”
“ใช่ พี่สาวไม่มีหางยาวๆ แต่ตอนนี้หูท่าน!”
อิ้งเยว่อยากหวีดร้องเสียงสูงเมื่อยกสองมือกุมหูของตน มันกลายเป็นหูแมวตั้งชัน มีขนปุกปุยปกคลุม และที่เป็นเช่นนี้คงเพราะเสียงสวดในทำนองชวนเขย่าขวัญ และกลิ่นกำยานที่ลอยอบอวลอยู่ในบริเวณนี้
“บอกข้า ทะ ท่านเป็นปีศาจใช่หรือไม่”
นางแมวไม่ตอบ ก่อนก้มหน้าลงแล้วแลบลิ้นยาว ก่อนตวัดเลียหน้ากลมแป้นของเด็กชาย จากนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็ว
อิ้งเยว่หลบอยู่ในมุมกำแพงสูง หายใจแรงจนร่างจำแลงหอบโยน
“ท่านพ่อ กลับไปข้าสัญญาว่าจะเรียนรู้วิชาจากท่าน” นางกล่าวจบก็กวาดสายตาไปทั่ว แต่แรกตั้งใจบุกเข้าไปจัดการมือปราบอเวจี หากนางสะดุดตากับร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มผู้หนึ่งเข้าเสียก่อน
ชายขาเป๋ผู้นั้นท่าทางอิดโรย และเหมือนกำลังหิวโหยอย่างที่สุด กระนั้นก็ดูเหมือนคนอวดดีเย่อหยิ่งอยู่สักหน่อย เขานั่งขายตำราแพทย์ประจำบ้าน พร้อมป้ายแจ้งว่ารับตรวจโรคทั่วไปอยู่หน้าตรอกเล็กๆ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจสักเท่าใด
“ท่านเป็นหมอเยี่ยงนั้นหรือ” นางเดินเข้าไปถาม แม้ยังไม่ถูกเชิญให้นั่งบนเก้าอี้ แต่นางแมวก็หย่อนก้นลงพร้อมมองเขาอย่างจับพิรุธ
“ใช่แล้ว แม่นางน้อย เจ้าต้องการให้ข้าดูแลสิ่งใดบ้าง”
อิ้งเยว่เคยเห็นบุรุษมาก็มาก แต่ชายคนนี้นับว่าหน้าตาไม่เลว อีกทั้งดวงตาเขาคล้ายมีบางอย่างเชื่อมถึงหัวใจนาง พออ่านป้ายที่เขาเขียนไว้ก็รู้ว่า บุรุษผู้นี้แซ่ไป๋ นามว่า ถงฉี
“ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านตรวจดูเรื่องทั่วๆ ไป”
“เช่นนั้นรบกวนขอมือแม่นางด้วย”
อิ้งเยว่วางมือบนโต๊ะ เขาเปิดกระเป๋าที่ทำจากหนังสัตว์ออก ด้านในมีเข็มหลากหลายขนาด
“ชายหญิงมิควรสัมผัสร่างกายกัน”
“แล้วเช่นนั้นท่านจะล่วงรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าป่วยไข้อันใด”
“ด้วยการฝังเข็ม ซึ่งแค่มองดูข้าก็พอแจ้งใจ สำนักหมอยาตระกูลไป๋สืบทอดความรู้มายาวนาน ข้าเป็นลูกหลานของคนตระกูลนี้ ย่อมมีวิชาติดตัว”
“สำนักหมอยาตระกูลไป๋?” นางกล่าวจบแล้วก็ยักไหล่น้อยๆ และมองเขาอย่างพินิจ สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่แผ่ออกมา เขานับว่าเป็นคนใช้ได้ ดูไม่เหมือนพวกหากินกับเรื่องเจ็บไข้ของผู้อื่น
“แม่นางน้อย สุขภาพนับว่าดี ผิดแต่ยามกลางคืนอาจหายใจติดขัดอยู่สักหน่อย เจ้าต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น และควรกินของร้อนมากกว่าอาหารที่จืดชืดหรือพวกสัตว์เลือดเย็น!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอิ้งเยว่จึงถลึงตาใส่เขา นางไม่ชอบกินผลไม้อย่างที่บิดาแนะนำ แต่มักไปจับพวกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมาเป็นอาหาร ทั้งกบ อึ่งอ่าง แม้แต่จิ้งเหลน ซึ่งสร้างความปวดหัวให้บิดาอยู่เสมอ