เป็นเวลากว่าชั่วโมงครึ่งที่ฝ้ายนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว เพราะเพื่อนคนอื่นที่บอกจะพาน้องรหัสมาเลี้ยงฉลองค่อย ๆ เทกันไปทีละคนสองคน สุดท้ายเหลือแค่พะแพงเพื่อนซี้ที่ยังไม่ส่งข่าวว่าจะเทหรือยังไงกันแน่ สาวสวยที่ไม่มีน้องรหัส เพราะน้องเทโควตาไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่นเลยทำได้แค่นั่งแง่วอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง เดรสทรงแคบรัดอกใหญ่จนแทบปลิ้นออกมาเป็นกอง ในยามที่เธอก้มตัวหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าถือใบเล็ก
“อีแพงงงงงงง อยู่ไหนแล้ว”
“ก็มารับน้องรหัสอยู่เนี่ย ตามเก่งมากแม่” ฝ้ายทำหน้าเบื่อโลกเมื่อได้ยิน นัดตั้งแต่สามทุ่มสี่ทุ่มเพื่อนซี้เพิ่งออกจากห้อง เธอกลอกตาก่อนจะถามต่อ
“ฉันนึกว่าแกจะเทเพราะผัวไม่ให้มาน่ะสิ แล้วก็ไม่แชตมาบอก รีบ ๆ โผล่หัวออกมาได้แล้ว ฉันแดกเหล้าจนจะอิ่มแล้วเนี่ย” ฝ้ายจีบปากจีบคอพูด ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบพลางพูดต่อด้วยความคะนองปาก
“มาช้ากวาดผู้ชายหมดผับจริงด้วย” เธอหัวเราะผสมโรงเมื่อปลายสายหัวเราะราวกับรู้ทัน
“มาช้าจะกวาดผู้ชายหมดผับจริงด้วย”
“ร่านจริง ๆ เลยนะ รอฉันไปรับน้องรหัสxxxใหญ่ก่อนแล้วกัน จะเอาไปเสิร์ฟให้แกอีกคน เป็นไงดีมะ”
“ห้ะ! xxxใหญ่!”
“พูดไปตั้งกี่ประโยคจับใจความได้ประโยคเดียวเนาะ”
“เคยได้แล้วเหรอแพงงงง” คนได้ยิ้นยิ้มกริ่มเด้งตัวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“พูดเล่นไหม ฉันคงไม่เอาน้องระ...หัส”
“เงียบไปทำไม”
“เออ ๆ แค่นี้แหละฉันเจอน้องเขาแล้วแล้วเจอกัน” เธอว่าเธอได้ยินเสียงกลืนน้ำลายผ่านสายเข้ามาด้วย
คิ้วเรียวที่เขียนมาอย่างบรรจงขมวดแน่น เมื่อคำปฏิเสธนั้นไม่หนักแน่นพอทำไมเธอจะไม่รู้จักนิสัยเพื่อน ดวงตาสีเทาที่เคลือบด้วยคอนเทคเลนส์คู่ใหญ่ฉายแววรู้ทันก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ
“วันนี้คงได้ดื่มคนเดียวแล้วล่ะฝ้าย” หญิงสาวเปรยกับตัวเองเบา ๆ
หญิงสาวไม่มีรีบร้อนมากนัก แม้จะโดนเทแต่สุดท้ายก็เลือกกวาดตามองคนทั่วทั้งผับ ก่อนจะชะงักเมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังมองเรียวขาเธอที่ขยับไม่วางตา สายตาจาบจ้วงเถรตรงจนเธอยิ้มย่องในใจ วันนี้เธอมีเป้าหมายใหม่แล้วเป็นเขา มือเรียวค่อย ๆ เอื้อมหยิบแก้วเหล้ายกทักทายส่งสัญญาณอนุญาตให้กับภูเมศ
เป็นอันรู้กันว่าเมื่อแก้วเหล้าถูกยกเป็นทั้งการทักทายและเชื้อเชิญให้ฝ่ายตรงข้าม
สายตาหวานเชื่อมจ้องกับเขาไม่วางตา เมื่อภูเมศไม่รอช้าเดินเข้ามาหา ในเมื่อเธอเชิญชวนซะขนาดนั้น ร่างเพรียวบางในชุดเดรสสีเนื้อรัดรูป สายของมันเป็นแค่สายสปาเกตตีเส้นเล็กที่ชวนให้ปลด ความยาวของชุดร่นไปสูงจนเกือบเห็นโคนขา อกอวบใหญ่ล้นทะลักออกมาทักทายคนทั้งผับ
แต่แน่นอนเขาคือคนที่ได้รับคำเชิญนั้น
ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเดินมาตรงหน้ายกแก้วเหล้าชนกับฝ้ายก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกับเธอ หญิงสาวจ้องตากับเขาไม่วางตาไล่สำรวจเนื้อตัวชายหนุ่มไม่วางตา ก่อนจะยิ้มรับเมื่อเขาเอ่ยทักทาย
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“แล้วเห็นว่ามากี่คนล่ะคะ” เธอถามกลับจิบน้ำรสขมเข้าปากอีกจิบ
“เห็นว่ามาคนเดียว แต่ไม่รู้ตอนกลับผัวจะมารับกลับรึเปล่านี่สิครับ ผมภู”
ภูเมศแนะนำตัวก่อนจะยื่นมือจับเรียวขาอ่อนแทนการจับมือ เช่นเดียวกับฝ้ายที่จับต้นขาเขาเช่นกัน นิ้วเรียวลากขึ้นสูงก่อนจะปาดขึ้นถึงใจกลางตัว
“ฝ้ายค่ะ ก็ถ้าได้ผัวใหม่ ตอนกลับก็คงต้องกลับกับผัวใหม่จริงไหมคะ”
“ผมเป็นผัวใหม่คุณได้นะ” เขาตอบน้ำเสียงกระเส่าสบสายตาเธอ
“ต้องดูก่อนนะคะว่าจะมีน้ำยารึเปล่า”
เธอยิ้มให้เขา ก่อนจะขยับเรียวขาให้ขว้างอีกนิดเมื่อมือใหญ่ไม่หยุดแค่ที่เรียวขา เขาดื่มเหล้าพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ไล่สายตาหนุ่มให้หมดหวัง พร้อมทั้งประกาศชัยชนะ ไล้มือรอบต้นขาเล็กไปพลาง ฝ้ายก็ไม่น้อยหน้าขยับตัวหันหน้าให้เขาบีบเคล้นต้นขาอย่างไม่หวงตัว ในเมื่อเธอออกมาด้วยงานนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปฏิเสธ
แสงไฟที่สลัวในตอนแรกถูกดับลง โต๊ะด้านหลังร้านมือสนิทจนแทบจะมองกันไม่เห็น เมื่อการแสดงบนเวทีกำลังจะเริ่มขึ้น บรรยากาศเป็นใจที่ทำให้ฝ้ายรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นแรง เพราะตอนนี้มือหนานั้นล้วงลึกเข้าไปจนเธอรู้สึกซ่านไปทั่วทั้งตัว
เลือดในกายร้อนผ่าว
“ซนจังนะคะ” เธอกัดปากเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่บีบต้นขาไม่ออมแรง
“ผมสงสัยมานานแล้ว ว่าผู้หญิงที่ใส่เดรสสั้นขนาดนี้ข้างในเขาใส่อะไร”
“ลองเดาดูสิคะคุณภู”
จริตจะก้านเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มไม่รอช้า เขายื่นจมูกสูดกลิ่นกายสาวอย่างน่าไม่อาย
นิ้วใหญ่ดันเข้าไปที่ขาด้านใน ไล้ต้นขาเนียนช้า ๆ ก่อนที่ปลายนิ้วจะพบกับเส้นเล็ก ๆ ที่ก้น สายของมันยาวขึ้นมาที่รอยแยกอ่อนหวานแล้วพาดผ่านจนถึงผ้าสามเหลี่ยมผืนน้อยเชื่อมต่อกัน
ภูเมศตื่นเต้นจนหัวใจเต้นระรัว แก่นกายร้อนแข็งขืนตอบสนองกระตุกสองสามครั้งพร้อมความรวดร้าว
“อ้า” ชายหนุ่มครางเบา ๆ
เท่านั้นเขาก็กดนิ้วใหญ่จมเขาไปในความเปียกชื้นทักทายรอยแยกอ่อนหวานของเธอ
มันทั้งอุ่น ร้อน และเฉอะแฉะ
“อื้ออออ”
“จี…”
“ถูกค่ะ”