EP : 5

1856 Words
-วันต่อมา- “อ้าวเพื่อนหวาน วันนี้มาเรียนด้วยเหรอจ้ะ” ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในโรงอาหารของคณะเสียงหวานปานน้ำผึ้งอาบยาพิษของอีน้ำผึ้งก็ดังแว่วเข้ามาเหมือนหมาหอนหาคู่ “แล้วทำไมเพื่อนหวานจะต้องขาดเรียนล่ะจ้ะเพื่อนผึ้ง” ฉันส่งเสียงตอบมันพร้อมกับดัดให้หวานและดัดจริตยิ่งกว่าจนอีน้ำผึ้งทำหน้าแปลกใจเพราะปกติฉันจะปากหมาใส่ “เปล่าจ้ะ แค่นึกว่าจะไม่กล้ามา” อีผึ้งพูดแล้วก็ยิ้มเยาะฉันว่ามันคงตั้งใจที่จะให้ฉันรู้ว่ามันเป็นคนแกล้งฉันเพื่อให้ฉันเจ็บใจ แต่เดี๋ยวก่อนมึงคิดว่ากูไม่มีปัญญาหาเงินที่มึงแอบขโมยไปมาคืนรุ่นพี่เหรอคะ หึ! ถ้ารู้ว่ากูได้มาจากเสี่ยแก่ของมึง มึงจะร้อนอีผึ้ง! “กล้าสิจ้ะ ไม่มีอะไรให้ต้องไม่กล้านี่เพื่อนผึ้ง ไม่ต้องห่วงนะเพื่อนหวานดวงแข็งต่อให้มีเปรตมาระรานเพื่อนหวานก็ผ่านมันไปได้” ฉันบอกมันแล้วก็ยิ้มหวานให้ พร้อมกับเน้นคำว่าเปรตให้หนัก ๆ “อีหวาน!” อีน้ำผึ้งถลึงตาใส่ฉันแล้วกัดฟันพูดเสียงเบาใส่ด้วยความโกรธที่ฉันกัดมัน แต่แล้วไงใครแคร์ ทีมันยังแกล้งฉันแรง ๆ ได้เลย “อี! น้ำ! ผึ้ง!” ฉันเรียกมันกลับแต่เสียงไม่ได้เบาแบบมันหรอกนะ ฉันพูดด้วยเสียงปกติเพราะไม่ได้มีความจำเป็นต้องสตอเบอรี่ทำตัวน่ารักแบบอีน้ำผึ้งจากนั้นฉันจะเบะปากให้มันแล้วเดินไปสั่งข้าวกินสวย ๆ ทิ้งให้อีคนสวยใจมารมันยืนกรี๊ดในใจเล่น ๆ -สองอาทิตย์ต่อมา- ผ่านมาสองอาทิตย์ที่ฉันต้องอยู่ด้วยความหวาดผวา เวลามีสายเข้าฉันจะสะดุ้งสุดตัว ถึงจะค่อย ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูช้า ๆ ว่าใครโทรมา ได้แต่ภาวนาให้คนที่โทรมาไม่ใช่พี่นีน่าหรือลูกน้องเสี่ยลุงพอร์ช เสี่ยลุงพอร์ช โอ๊ย! ฉันเสียดายชื่อหล่อ ๆ ชื่อนี้ที่สุด! ลุงน่าจะอายุ 60 ขึ้น หน้าก็เ**กใครช่างตั้งชื่อให้ลุงฉันสงสัยมาก ถ้าเป็นชื่อผู้ชายคนนั้นก็ว่าไปอย่าง “...” พอนึกถึงหน้าเขาก็ลอยมาเลย คนอะไรทำไมถึงได้หล่อขนาดนั้น ฉันต้องทำใจแค่ไหนถ้าหากต้องไปหาเสี่ยลุงพอร์ชแล้วเจอเขาคนนั้นอีกครั้ง ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ฉันถึงกับขวัญผวาเหมือนกับทุกครั้ง แต่เดี๋ยวนี้เริ่มผวาน้อยลงและเริ่มชินมากขึ้น เพราะตลอดเวลาที่มีสายเข้ามาไม่เคยมีสักครั้งที่จะเป็นเบอร์โทรของใครสักคนที่ฉันกลัว เบอร์แปลก เบอร์ใคร? ฉันมองอย่างสงสัยแต่คงไม่มีอะไรหรอก อาจจะเป็นเบอร์ของเพื่อนในคณะสักคนที่ฉันไม่ได้เมมเอาไว้ก็ได้ “ฮัลโหล น้ำหวานพูดค่ะ” “ฮัลโหลน้ำหวาน นี่พี่นีน่าเองนะจ้ะ” เฮือก! เสียงมรณะโทรมา! โทรศัพท์ในมือฉันแทบจะหลุดล่วงลงไปที่พื้นโชคดีที่พอจะตั้งสติไดด้นิดหน่อย “คะ ค่ะพี่นีน่า” ฉันพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติขึ้นแต่ก็ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่หรอก “พี่จะโทรมาบอกว่าคุณพอร์ชสั่งให้หวานเก็บกระเป๋า” “ฮะ! เก็บ เก็บไปไหนคะ” พอพี่นีน่าบอกมาเท่านั้นแขนขาฉันก็ไร้เรี่ยวแรงลงไปดื้อ ๆ อย่าบอกนะว่ามันถึงเวลาของฉันแล้ว หวานใจบ่ดีคูณ 4 คูณ 5 แล้วพี่จ๋า T_T “อ้าว พี่ยังไม่ได้บอกหวานอีกเหรอเนี่ย แย่จังเลย” พี่นีน่าพูดออกมาแต่เป็นการบ่นกับตัวเองมากกว่า แต่ฉันที่สติหลุดไม่ได้อยากฟังคำบ่นเลื่อนลอยของพี่นีน่าเพราะฉันต้องการเนื้อหามากกว่า “คือแบบนี้นะหวาน คุณพอร์ชน่ะเวลาเขาเลี้ยงใครก็จะให้ไปอยู่คอนโดที่หาไว้ให้จะได้ไปหาสะดวก” “...ค่ะ” ฉันตอบรับด้วยจิตใจที่โคตรจะห่อเหี่ยว ไปอยู่คอนโดของเขานั่นแสดงว่าเขาอยากจะมาหาตอนไหนก็มาได้โดยที่ไม่ต้องบอกล่วงหน้าก็ได้ แบบนี้ใช่ไหม “อ้อหวาน แต่ไม่ต้องห่วงนะว่าเขาเบื่อแล้วต้องย้ายที่อยู่ คอนโดเป็นออฟชั่นพิเศษจ้ะ ให้แล้วให้เลยไม่เอาคืน” พี่นีน่าบอกฉันเสียงพี่แกโคตรอารมณ์ดีเลย ได้คอนโดเหรอ เกิดมายังไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะมีวาสนาได้อยู่เลย แต่ได้ด้วยวิธีนี้ฉันก็ไม่ได้ภูมิใจนะ “ค่ะพี่นีน่า แล้วหวานต้องย้ายไปที่นั่นวันไหนเหรอคะ” ฉันถามพี่นีน่าเสียงปลง ทำใจ นาทีนี้ฉันคงต้องทำใจยอมรับชะตาชีวิตในวันข้างหน้าให้ได้ ต่อให้ทุกข์แค่ไหนก็คงต้องยอมรับและอยู่กับมันในเมื่อฉันเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง “วันนี้จ้า” ฮะ! วันนี้! ทำไมต้องเร่งด่วนขนาดนี้ สั่งให้เก็บของวันนี้แล้วก็ย้ายวันนี้แล้วจะมาทำอะไรฉันวันนี้ด้วยไหมเนี่ย “ทำไมกะทันหันจังเลยคะ หวานเก็บของไม่ทันหรอกขอเป็นวันอื่นได้ไหมคะพี่นีน่า” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยง วันหลังได้ไหมวันนี้ทำใจไม่ได้จริง ๆ “เอาไปแค่ของใช้ส่วนตัวก่อนก็ได้หวาน ช่วงเที่ยงเขาจะไปรับนะเตรียมตัวรอเลย พี่วางก่อนเราจะได้ไปเก็บของ อย่าลืมนะตอนเที่ยงห้ามเลทเด็ดขาด บายจ้า” พี่นีน่าสรุปเองไม่ฟังฉันเลยพูดจบก็ตัดสายไป ทิ้งไว้แค่ฉันที่รู้สึกงงกับทุกอย่าง เฮ้อ! เก็บก็เก็บ ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด ฉันเก็บของใช้ส่วนตัวอย่างรีบเร่งแล้วก็รีบอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุดเพราะพี่นีน่าเน้นย้ำว่าห้ามเลท พอเที่ยงตรงก็มีสายโทรเข้ามาทันที สงสัยจะเป็นเบอร์มรณะนั่นแหละ โคตร vip เลยเพราะไม่โชว์เบอร์ “สะ สวัสดีค่ะ” ฉันกดรับแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เกร็งมาก อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็ต้องเจอเสี่ยลุงพอร์ชแล้วสินะ “รอข้างล่างลงมาได้เลย” ปลายสายพูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป หืม เสียงเสี่ยทำไมยังฟังดูหนุ่ม ๆ อยู่เลยวะ แต่ช่างเถอะเสียงหนุ่มเสียงหล่อแค่ไหนก็สู้หน้าตาทรมานใจหวานของเสี่ยไม่ได้หรอก ฉันเดินลงไปที่ด้านล่างของหอพักช้า ๆ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบเล็กพอถึงชั้นล่างก็มองเห็นคนบริเวณนั้นที่กำลังซุบซิบนินทาแล้วก็ชี้มือไปที่ด้านหน้าหอ พอฉันมองตามสายตาคนอื่นไปก็ถึงกับอึ้ง อื้อหือ! แลมโบกินี่ คุณพระถ้าฉันเดินออกไปแล้วก้าวขึ้นรถคันนั้นทุกคนต้องรู้แน่ว่าฉันเป็นเด็กเสี่ย ฉันเดินไปช้า ๆ ท่ามกลางสายตานับสิบของคนในหอพักที่มองดูด้วยความสนใจ จนฉันไปหยุดอยู่ใกล้รถคันนั้นและเหมือนคนในรถจะเห็นฉันแล้วเขาถึงได้บีบแตร ปรี๊น!!! พอฉันได้ยินก็สะดุ้งตัวแล้วก็รีบเดินขึ้นรถในทันที พอขึ้นรถฉันก็ปิดประตูและเอากระเป๋ามากอดไว้ ก่อนจะค่อย ๆ หันไปเพื่อทักทายเสี่ยแก “อ้าว! นาย!” ฉันตกใจสุด ๆ เพราะทันทีที่หันไปคนขับกลับไม่ใช่เสี่ยลุงพอร์ชอย่างที่กลัวแต่กลับเป็นผู้ชายคนนั้น “เธอช้าไปเกือบสิบนาที” เขาพูดแล้วหันมามองฉันอย่างตำหนิ “เอ่อ ฉันขอโทษนะ ก็มันกะทัน ว้าย!” ฉันยังไม่ทันได้พูดจบผู้ชายคนนี้ก็เหยียบรถออกมาด้วยความเร็วทำฉันร้องอุทานลั่นรถ ใจหายใจคว่ำแต่โชคดีจังที่ยังไม่ต้องเจอเสี่ย แต่ว่าเสี่ยลุงพอร์ชแกก็ดีนะนอกจากเปย์เด็กในสังกัดแล้วแกยังเปย์ลูกน้องด้วย รถราคาตั้งหลายสิบล้านกล้าให้ลูกน้องเอามาขับแสดงว่าต้องรวยไม่ธรรมดาแน่นอน หลังจากที่ขับรถมาทั้งฉันและเขาต่างก็เงียบทั้งสองฝ่าย เขาไม่พูดฉันเองก็ไม่พูดไม่รู้จะพูดอะไรนี่เนอะได้แต่นั่งใจสั่นที่ต้องมาอยู่ใกล้คนหล่อ >///< ฉันอยากรู้จังว่าเสี่ยลุงพอร์ชแกไม่รู้สึกอึดอัดใจบ้างเหรอที่มีลูกน้องหล่อกว่าตัวเอง อย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยนะคะบอกตามตรงว่าเหมือนก้อนเมฆบนสวรรค์กับดินใต้ขุมนรก “เอ่อ ว่าแต่เสี่ยเขาจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนเหรอ” หลังจากนั่งอึดอัดมาสักพักฉันก็เป็นฝ่ายเปิดปากก่อนเป็นคนแรกเพราะความอยากรู้ชะตาชีวิตของตัวเอง “คอนโด” เขาตอบฉันนิ่ง ๆ ฮะ! ให้ไปอยู่คอนโด จ้า~ อันนั้นน้องน้ำหวานรู้ค่ะพี่ชาย แต่ที่อยากรู้มากกว่านั้นคือคอนโดอะไร แขวงไหน เขตไหน! “นาย...ตั้งใจจะกวนตีนฉันเหรอ?” ฉันถามกลับด้วยความโมโห ตัวฉันยิ่งเป็นคนตรง ๆ อย่างนี้อยู่ด้วยคำพูดคำจาก็เลยไม่ได้สวยหรู แต่อีตาคนข้าง ๆ พอได้ฟังก็หันขวับมามองฉันด้วยสายตาที่ เฮือก! “เธอพูดว่าอะไรนะ” เขาถามฉันซ้ำ กล้าถามซ้ำนะนายได้ยินเต็มสองหูฉันรู้ดี ปากฉันกำลังจะพูดคำเดิมซ้ำเพื่อเป็นการสงเคราะห์ให้หูไอ้หน้าหล่อนี่แต่ก็ต้องหุบปากด้วยความเร็วเพราะเขาเอื้อมมือลงไปที่ข้างประตูด้านคนขับแล้วก็หยิบวัตถุสีดำมะเมื่อมออกมา “ปะเปล่า ไม่ได้พูดอะไรค่ะ” ฉันรีบตอบทันควันแล้วก็หันหน้าไปมองกระจกทันที เผื่อเขาเป่าหัวฉันตอนนี้ฉันจะได้ไม่รู้ตัวไง แบบยิงปั้บฉันสลบฟุบขาดใจตายไปเลย โคตรน่ากลัวเลยไอ้บ้าเอ้ย ลูกน้องยังขนาดนี้เจ้านายจะขนาดไหนนะ T_T หลังจากนั้นการสนทนาของฉันกับเขาก็ขาดช่วงไปอีกยาวจนกระทั่งเขาพาฉันเลี้ยวรถเข้ามาในร้านเสื้อร้านหนึ่งที่ดูภายนอกก็รู้แล้วว่ามันจะต้องงานดีมาก ๆ “ลงมา” เขาบอกฉันแค่นั้นก่อนที่จะเดินลงจากรถแล้วเดินนำฉันเข้าไปในตัวร้าน โถพ่อคุณ จะประหยัดคำไปไหนกัน ฉันเดินตามเขาเข้าร้านด้วยความงง พอเดินเข้ามาก็มีพี่คนหนึ่งที่แต่งตัวดีมากยิ้มปรี่แล้วรีบเดินเข้ามาหาพวกเรา อาจจะเป็นผู้จัดการหรือเจ้าของร้านมั้ง “อ้าว! สวัสดีค่าคุณพอร์ช~” พี่คนนั้นยิ้มทักทายแล้วก็ยกมือไหว้คุณพอร์ช ฮะ! คุณพอร์ช!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD