ตอนที่1 เจ้าสาวแสนชัง 1/2
“แกต้องแต่งงานกับหลานของท่านเวหา เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่ารสา” คำพูดของผู้เป็นบิดามันทำให้หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยจ้องมองด้วยความสั่นไหว เมื่อสิ่งที่เธอไม่ต้องการอยากจะได้ยินกำลังเปล่งออกมาจากปากของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของเธอ
“แต่รสาไม่อยากแต่งงานกับเขา รสาไม่รู้จักไม่ได้รักด้วย” รสา หญิงสาววัยยี่สิบสามปีที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นาน เธอกำลังเดินตามความฝันที่เธอตั้งใจ แต่แล้วคำพูดที่ไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดของบิดา มันทำให้เธอแทบล้มทั้งยืน
“แกไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะฉันสั่ง แกควรตอบแทนอะไรฉันบ้าง ยี่สิบกว่าปีที่บุญวิบูลย์เลี้ยงดูแกมา มันมากจนชาตินี้ทั้งชาติแกก็ไม่มีทางชดใช้หมด” ยิ่งได้ฟัง หญิงสาวก็ยิ่งเสียใจ เดิมทีแต่ไหนแต่ไรในสายตาของชายวัยกลางคนคนนี้เธอมันก็ไม่เหมือนกับลูกของท่านเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะเธอคือลูกนอกสมรสของท่านอนุพงศ์คนนี้กระมัง ที่ผ่านมาเขาถึงจะทำอะไรกับเธอก็ได้
“เหอะ ดีจริง ๆ เลยนะคะลูกสาวของคุณเนี่ย บ้านจะล้มละลายอยู่แล้วยังเห็นแก่ตัวไม่คิดช่วยเหลืออีก” เสียงแหลมของคุณหญิงเกตุมณี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของบิดาเธอเอง สายตาของผู้หญิงคนนี้ที่มองมา มันทำให้รสาถึงกับต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
“ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องแต่งงาน ถ้าไม่ทำตามที่ฉันสั่งก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ เพราะฉันไม่มีลูกอกตัญญูแบบแก!” สิ้นคำพูดของชายวัยกลางคนที่ดังขึ้นมา มันทำให้น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาทันที เพราะคำพูดเหล่านั้นมันทำให้เธอต้องมาอยู่จุดนี้
หญิงสาวนั่งจ้องมองตัวเองที่ปรากฏอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเธอต้องเข้าวิวาห์กับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก และก็คงไม่ต้องถามว่าผู้ชายคนนี้รู้สึกยังไงกับเธอ นับแต่วันที่พบหน้า หญิงสาวก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่ได้รักเธอเลย มิหนำซ้ำเขายังเกลียดขี้หน้าเธอมากอีกด้วย รสายังจำคำพูดของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี วันที่เขาข่มขู่เธอว่า หากเธอยอมแต่งงานกับเขา เขาจะทำให้เธอเจ็บปวด แต่เธอจะปฏิเสธคำสั่งของบิดาได้ยังไง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องแต่งงานกับเขา ไม่ถูกฝั่งนี้ต่อว่าทำร้ายจิตใจก็ต้องถูกเขาดูถูกดูแคลนเหมือนเดิม
ในจุดที่เธอยืนอยู่ เรียกได้ว่ามันไม่มีทางให้เลือกเลยสักนิด เธอมีความฝันที่เธออยากจะทำ แต่เธอก็ไม่อาจทำมันได้อีกแล้ว หญิงสาวบีบมือเข้าหากันแน่น เธอนึกถึงใบหน้าของผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ทำให้เธอหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้พบหน้า ยังไม่ทันได้เริ่มความสัมพันธ์ทุกอย่างก็จบลงซะแล้ว
“ถึงเวลาแล้วยัยรสา จะนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอีกนานไหม อยากให้ทุกคนในงานรู้หรือไงว่าแกโดนบังคับมาแต่งงาน”
คำพูดของแม่เลี้ยงมันทำให้คนตัวเล็กได้แต่เผยสีหน้าเรียบนิ่งออกมา ก่อนที่เธอจะพยายามไม่คิดอะไรกับคำพูดเหล่านี้
“แกรู้ใช่ไหมว่างานแต่งงานนี้สำคัญกับครอบครัวมากแค่ไหน อย่าเห็นแก่ตัวหน่อยเลย นึกถึงสิ่งที่ฉันกับพ่อแกเลี้ยงดูแกมาบ้าง”
“รสาเข้าใจแล้วค่ะ”
“เหอะ เข้าใจแล้วก็ดี แกน่าจะขอบใจฉันมากกว่านะที่ทำให้แกได้สามีที่ดีเลิศขนาดนี้ นี่ถ้าลูกสาวของฉันโตกว่านี้สักนิดฉันก็คงไม่ยกเขาให้กับแกหรอก”
ผู้ชายอย่างสามภพนอกจากจะหน้าตาดีแล้วครอบครัวของเขาก็ร่ำรวยมากอีกด้วย ชายหนุ่มเป็นถึงหลานของท่านเวหาผู้เป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศแห่งนี้ นึกแล้วก็เจ็บใจถ้าหากรมิดาลูกสาวของเธอโตกว่านี้สักนิดก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก
รสาไม่ตอบอะไรกลับไป เธอเอาแต่เก็บซ่อนความรู้สึกหน่วงในใจเอาไว้ สำหรับรมิดาน้องสาวต่างมารดาของเธอ ผู้ที่เกิดมาอยู่ท่ามกลางความรักของทุกคน แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นลูกเมียน้อย แต่ทุกคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นกลับรู้ดีทุกอย่าง เห็นพ่อเธอกับแม่เป็นไงก็ไม่เคยสนใจใยดีอะไรเธอ ทิ้งขว้างเธอไม่ต่างจากคนใช้คนหนึ่ง มาวันนี้มีประโยชน์เธอถึงได้ถูกยกย่องเป็นลูกสาวคนโตของบ้าน
แต่งงานเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ แค่ได้คิดมันก็ทำให้คนตัวเล็กนึกยิ้มเยาะตัวเองออกมา เธอไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้จะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกหรือเปล่า ชีวิตของเธอที่ผ่านมามันช่างสาหัสเหลือเกิน ครอบครัวงั้นเหรอ สำหรับเธอที่ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นของคำว่าครอบครัวเลยสักนิด
“เจ้าสาวมาแล้วค่า” เสียงสดใสของคุณหญิงเกตุมณีพูดขึ้นพร้อมกับประคองเธอเดินลงบันไดมา ใคร ๆ เห็นภาพเหล่านี้ก็คิดว่าเป็นความห่วงใยระหว่างแม่และลูก เธอยอมรับจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เล่นละครเก่งเป็นบ้า ทำให้ใคร ๆ หลายคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างพากันชื่นชมกับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของแม่ลูกคู่นี้