ให้โอกาส

1373 Words
ตอนที่ 15 ให้โอกาส สำนักงานกฎหมาย ฉีเจ๋อวางเอกสารลงแล้วมองหน้าหรงจือหยางแล้วพูดขึ้น “ทำไมนายถึงคาดเดาได้แม่นยำขนาดนี้” ใบหน้าของหรงจือหยางยังคงเย็นชา ไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เหนือชั้นอะไร จึงพูดตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็แค่สืบนิดหน่อย นอกจากเด็กทั้งสามคนนั้นก็ยังมีเด็กอีกหลายคนที่ถูกชักนำมาจากชนบท พวกนี้จะเลือกเด็กที่มีศักยภาพและบุคลิกที่ดีส่งเสริมให้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจากนั้นค่อยถอนเงินคืน” นึกถึงเด็กสามคนเมื่อวาน ฉีเจ๋อหน้าเคร่งเครียดขึ้น “การขูดรีดเงิน เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่ให้ส่งของผิดกฏหมายพวกมันทำร้ายเด็กมากเกินไป” “อืม ให้คนสืบสวนมากขึ้นแล้วพยายามดึงเด็กออกมา” ใบหน้าฉีเจ๋อเต็มไปด้วยความลำบากใจ ถอนหายใจแล้วพูด “เรื่องนั้นไม่ยาก แต่ว่าเด็กพวกนี้เคยได้เรียน เคยได้อยู่ดีกินดี จากนี้ต้องกลับบ้าน แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ก็คาดเดาได้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าจะเด็กจะกลับไปอยู่สภาพใด” น้ำเสียงของฉีเจ๋อเต็มไปด้วยเห็นใจ หรงจือหยางคิดถึงใบหน้ากระจ่างใสของม่านเวยอิง เด็กคนนั้นบอกให้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและดูเหมือนว่าเพื่อนทั้งสามคนนั้นเธอจะดูแลต่อเอง รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้น ฉีเจ๋อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถาม “เรื่องที่กำลังคุยกัน มีจุดไหนที่ทำให้นายต้องยิ้มว่ะ” “นายจัดการดึงเด็กออกมาก็พอ ส่วนค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนหลังจากนี้ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง” ฉีเจ๋อคาดเดาเรื่องราวในหัว หลายอย่างขาดความต่อเนืองเขาจึงถามต่อ “รู้ ว่าบ้านนายรวย แต่ว่านะ ...ทำแบบนี้มันจะผิดแปลกไปหรือเปล่าว่ะ” หรงจือหยางไม่อยากอธิบาย ตอบเสียงห้วน “ก็ไม่ผิดกฎหมายนิ” พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องทำงานของฉีเจ๋อ ปล่อยให้อีกฝ่ายหงุดหงิดกับคำตอบต่อไป ขณะนั้นที่หน้าโรงเรียนเจ๋อจง “นั่น คุณม่านเวยอิงมาแล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้น นักข่าวที่เฝ้ารอสัมภาษณ์ม่านเวยอิงก็ต่างกรูวิ่งแข่งกันประชิดตัวเด็กสาว ยามหน้าโรงเรียนก็ตกใจกับภาพตรงหน้า ลู่ปิง อี้หนิง เฉียวเจียว ก็ตกใจเบิกตากว้าง ทว่า ม่านเวยอิงกลับยิ้มพราวอย่างยินดี ทั้งที่ฝูงชนเบียดเสียดกันเข้ามา แต่ม่านเวยอิงยังคงยืนนิ่งไม่ถลาล้มหรือเสียภาพลักษณ์อันงดงาม พวกเขาเบียดกันไป เบียดกันมา จนขยับได้ที่กัน บางคนกำลังเหนื่อยหอบจนกระทั่งปรับลมหายได้ ม่านเวยอิงจึงได้พูดขึ้น “สวัสดีค่ะ ต้องการสัมภาษณ์หรือคะ” ทุกคนยืนตัวตรงขึ้นแล้วยืนไมค์ออกไป “คุณม่านเวยอิง จากภาพข่าวเมื่อวานทำให้ชั่วข้ามคืนคุณโด่งดังแบบพุ่งทะยาน ไม่ทราบว่าคุณคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรคะ” //นักข่าว1 นักข่าวต่างกันมามองคำถาม ถามอะไร? ม่านเวยอิงยิ้มละมุนตอบ “ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลยค่ะ ตอนนั้นฉันแค่อยากจะช่วยเหลือคน อาจจะเป็นผลตอบแทนจากการทำความดีมั้งคะ” //นักข่าว2 ยืนไมค์ “แล้วคุณม่านเวยอิงได้ติดตามข่าวของผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าคะ” “ไม่ค่ะ เมื่อพวกเขาถึงมือเจ้าหน้าที่ ฉันก็ถือว่าหมดหน้าที่แล้ว” //นักข่าว1 เอ่ยถามต่อ “เมื่อคืนได้มีการปล่อยภาพโปรโมทเกมออนไลน์ REGA จากกระแสข่าวของคุณม่านเวยอิงทำให้มีคนแชร์ภาพนั้นเป็นจำนวนมากส่งผลให้มียอดโหลดเกมเป็นจำนวนมาก และยังมากกว่าเกมออนไลน์ชื่อดังหลายเจ้า ทางคุณม่านเวยอิงคิดว่าจะมีการพูดเรื่องค่าตอบแทนใหม่ไหมคะ” //@ALLนักข่าวมองหน้านักข่าว1 อีกครั้ง “ไม่ค่ะ เป็นเรื่องงานที่จบลงไปแล้ว และขอบคุณทุกคนที่ให้การสนุบสนุนฉันนะคะ” //นักข่าว4ยืนไมค์ “ตอนนี้คุณม่านเวยอิงมีผลงานอะไรบ้างคะ” ม่านเวยอิงชะงักเธอจำไม่ได้ว่าตนเองมีงานอะไรบ้าง “ฉันขออนุญาตเลี่ยงคำถามนี้นะคะ เพราะบางงานอาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยได้ รอฟังข่าวจากบริษัทอีกครั้งนะคะ” //นักข่าว2 “ตอนนี้คุณม่านเวยอิงโด่งดังแบบก้าวกระโดด ได้วางแผนงานไว้อย่างไรบ้างคะ มีข้อจำกัดในการเลือกงานหรือเปล่า” ม่านเวยอิงชะงักอีกครั้งนางวางแผนไว้อะไรบ้างนะ “ไม่เลยค่ะ พี่ไป๋หลันผู้จัดการฉันบอกให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของทางบริษัท ส่วนฉันตอนนี้ให้ตั้งใจเรียนให้จบและวางเป้าหมายการเรียนให้เรียบร้อยเสียก่อนค่ะ” //นักข่าว3 “คุณม่านเวยอิงตั้งใจจะเรียนต่อการแสดงหรือเปล่าคะ” “ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ” เสียงกริ่งเตือนของโรงเรียนดังขึ้น ม่านเวยอิงจึงเอ่ยขอตัว “ฉันขอตัวก่อนนะคะ” แม้จะถูกขัดขวางจากฝูงนักข่าว ม่านเวยอิงก็เดินผ่าไปอย่างง่ายได้ เมื่อเข้าเขตโรงเรียนนักข่าวก็ต่างหันมองหน้ากัน “ยังเหลืออีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้ถามเลย” “นั่นสิ วันเสาร์นี้ม่านเวยอิงจะไปรับมอบโล่ใช่ไหม” “นี่คงเป็นนักแสดงที่โด่งดังแต่มีผลงานน้อยจนหน้าใจหาย” “ไม่แปลก...ก็ไม่ได้ดังจากผลงานนี่น่า” “กระโดดน้ำสูงขนาดนั้น ไม่ดังสิแปลกกว่า” “ฉันแอบได้ยินว่าแบรดน์ชุดกีฬากำลังแย่งเธอเป็นพรีเซนต์เตอร์” “งานโฆษณาพวกเครื่องสำอางก็เข้ามาจำนวนมากด้วย” “ความจริงเธอก็สวยและผิวขาวเนียนละเอียดมากด้วยนะ” “นั่นสิ...ผิวเปลือยเปล่าใสมากเลย ดูสิขนาดไม่แต่งหน้านะ” “อืม ภาพที่ถ่ายออกมาก็ดูดีมากเลย เหมือนมีแสงอยู่รอบกาย” นักข่าวต่างพยักหน้าเห็นด้วยพวกเขาพูดคุยกันสักพักก็แยกย้ายกลับ ส่วนม่านเวยอิงเดินนำสหายใหม่เข้าไปในโรงเรียน ระหว่างทางเธอก็โปรยยิ้มไปโดยไม่ขัดเขิน ส่วนลู่ปิง อี้หนิงและเฉียวเจียวกำลังสนใจดูภาพตัวเองในสื่อออนไลน์ ลู่ปิงพูดขึ้นเสียงดัง “แย่แล้ว ทำไมภาพนี้ถ่ายฉันได้แย่ขนาดนี้” อี้หนิงชะโงกมาดู “ฮ่า ฮ่า ทำไมเธอทำหน้าแบบนี้ น่าเกลียดชะมัด” เฉียวเจียวจึงพูดขัด “หนิงหนิง เธอดูภาพนี้เสียก่อน” ลู่ปิงชำเลืองตามาก่อนแล้วก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ฮ่า หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวกว่าฉันอีก” ต่างคนต่างหัวเราะกัน ทว่ามีบางอย่างที่พวกเขาฉุดขึ้นคิดพร้อมกัน “ทำไมภาพของคุณม่าน ดูดีทุกภาพเลย” ม่านเวยอิงยิ้มที่มุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ “ก็ฉันโด่งดังขนาดนี้ กระแสมาแรงขนาดนี้คนส่วนใหญ่ก็ต้องอยากเห็นภาพใสๆ น่ารัก ๆ อยู่แล้ว ใครจะกล้าลงภาพที่ดูไม่ดีล่ะ” จิงเฟยฟางเห็นม่านเวยอิงเดินเข้ามาห้องเรียนพร้อมเหล่าสาววายร้ายประจำห้องก็เดินเข้าถามทันที “พวกเขาทำอะไรเธอหรือเปล่า” เพื่อนในทั้งห้องต่างมองมาตั้งแง่ทันที ม่านเวยอิงยิ้มพร้อมพูดขึ้น “ไม่มี ตอนนี้ทั้งสามคนนี้กลับตัวกลับใจแล้ว ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกัน” “เพื่อนกัน!!” น้ำเสียงที่พูดขึ้นพร้อมกันทั้งห้องดังไม่น้อย ไม่ใช่มีเพียงม่านเวยอิงที่ถูกทั้งสามคนกลั่นแกล้ง เพื่อนในห้องที่มีท่าทีอ่อนแอก็จะถูกขู่เอาสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ เพราะเรื่องมันเล็กเกินไปจึงทำให้ดูงี่เง่าที่จะฟ้องอาจารย์ให้เป็นเรื่องราว และนั่นก็ทำให้เพื่อนทั้งห้องไม่ชอบพวกเขา ลู่ปิง เดินออกมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ “ใช่จ๊ะ ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นเด็กดีพวกเราเป็นเพื่อนกับคุณม่าน” อี้หนิงและเฉียวเจียวเดินเข้ามากุมมือเพื่อนโค้งตัวแล้วพูดขึ้น “ให้โอกาสพวกเราด้วยนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD