ตอนที่ 13 ฉันแค่มาทวงเงิน
หยุด!! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
คนที่หยุดไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่อยู่ในห้องโถงนั่น เหล่าตำรวจที่กระโจนเข้าไปก็ต่างหยุดชะงักเหมือนกัน
ต่างฝ่ายก็ต่างจ้องมองกันด้วยความตกตะลึง
หรงจือหยางวิ่งตามเข้ามา
ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงงันแทบจะอ้าปากค้าง
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของม่านเวยอิง มีเด็กสาวสามคนตัวสั่นเกาะอยู่ข้างหลังเธอ และรอบกายเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บนอนระเนระนาด
เหมือนเวลาหยุดไปชั่วขณะ ไร้ถ้อยคำใด ๆ
หรงจือหยางได้สติรีบสั่งให้ตำรวจควบคุมสถานการณ์ จากนั้นก็เดินก้าวเข้าไปหาม่านเวยอิงแล้วถามขึ้น
“คุณหนูม่าน ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้”
ม่านเวยอิงเกือบจะยกนิ้วด่าอีกฝ่าย ทำไมเรื่องดี ๆ ของเธอล้วนถูกผู้ชายคนนี้ทำลายหมด
เธอเก็บอาการตื่นตระหนกและโมโห พูดขึ้น
“ฉันมาทวงหนี้”
เฉียวเจียวกวาดสายตามองรอบๆ จนมั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าตัวเองรอดแล้ว ก็ร้องไห้โฮขึ้นมาระบายความอัดอั้น
“ฮื้ออออออออ”
อี้หนิงก็กอดคอเพื่อนร้องตาม ในขณะที่ลู่ปิงก้มหน้าเก็บงำความรู้สึก หรงจือหยางเกิดอาการทำอะไรไม่ถูก คำพูดที่เตรียมจะเค้นถามอีกฝ่ายจึงได้หยุดชะงัก ได้แต่ปล่อยไปก่อน
ม่านเวยอิงยิ้มที่มุมปากเด็กทั้งสามคนน่ารักไม่เบา
ชายหนุ่มจึงพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ไปจากตรงนี้เสียก่อนเถอะ”
ตลอดเวลาเดินทางหรงจือหยางก็ปล่อยให้เด็กทั้งสามร้องไห้จนพอใจ เมื่อเข้าไปยังห้องรับรองเขาให้คนเตรียมนมร้อนไว้ เมื่อเห็นว่าสงบใจกันแล้ว เขาจึงเดินมานั่งร่วมบนโต๊ะแล้วถามขึ้น
“พร้อมจะตอบคำถามกันหรือยัง”
“พวกเราไปแค่ไปทวงเงินเท่านั้น พวกนั้นไม่ยอมจึงได้มีการยื้อแย่งกันขึ้น”
ตลอดเวลาหรงจือหยางได้สังเกตดูสีหน้าของม่านเวยอิงตลอด เด็กคนนี้นิ่งจนผิดปกติ ในฐานะในตำแหน่งในอาชีพเขาไม่อาจจะปล่อยผ่านได้
“คุณหนูม่าน คุณหนูคงทราบว่าหากผมสอบสวนพวกมัน แล้วได้ข้อมูลไม่ตรง อาจจะเกิดปัญหามากกว่าปกติได้ นี่คือหน้าที่ของผม”
ม่านเวยอิงรู้สึกคับแค้น
“ฉันก็พูดความจริง พวกเราเองก็เป็นผู้เสียหาย หากพวกคุณไม่มาฉันก็ทวงเงินฉันได้แล้ว ตรงนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง”
หรงจือหยางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาหนึบ ๆ เขาปรายสายตามองไปยังเด็กสาวทั้งสามอีกครั้งแล้วชี้นิ้วไปยังอี้หนิงแล้วพูดขึ้น
“หนูลองเล่ามาสิ ว่าวันนี้ไปทำอะไรที่นั่น”
อี้หนิงชำเลืองตามองม่านเวยอิง ก่อนจะเอ่ยพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“พวกเราทั้งสามคน พาม่านเวยอิงไปทวงเงินจริงๆค่ะ”
หรงจือหยางยิ้มบางๆ แล้วถามต่อ
“พาไป....ไม่ใช่ไปทวงด้วยกัน... ฉันขอเตือนนะเล่าความจริง ให้มันง่ายๆ จะได้จบง่าย ๆ”
น้ำเสียงของหรงจือหยางคุกคามกดดัน ม่านเวยอิงคิดว่าไม่นานทุกอย่างก็คงเปิดเผย เธอไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นานจึงพูดขึ้น
“ก็พวกนี้ขูดรีดเอาเงินฉัน วันนี้ฉันก็แค่อยากจะทวงเงินก็เท่านั้น”
ทั้งสามต่างพยักหน้ายอมรับ
“คุณหนูม่านเวยอิง ใจกล้าไม่เบา ไม่คิดว่าอันตรายเกินไปหรือหากพวกเราไปไม่ทันเวลาจะเกิดอะไรขึ้น”
“คุณตำรวจน่าจะเข้าใจผิดนะคะ ฉันกำลังจะได้เงินคืน แต่ถูกคุณมาขัดจังหวะ...ไม่ได้มาช่วย”
เด็กทั้งสามต่างอึ้งกับคำพูดของม่านเวยอิง ฉีเจ๋อที่กำลังเข้ามาก็ตกตะลึง หรงจือหยางยิ้มบาง
“ต้องขออภัยคุณหนูจริง ๆ บังเอิญพวกเราก็กำลังปฏิบัติหน้าที่”
“ค*****นให้ฉัน ของกลางที่พวกคุณยึดไปย่อมมีเงินของฉันอยู่”
หรงจือหยางจ้องมองม่านเวยอิงนัยต์ตาสีเข้มของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์
“คุณหนูม่านต้องการเท่าไร”
“ห๊า!!” ฉีเจ๋ออุทานอย่างตกใจ
ม่านเวยอิงสีหน้าพอใจขึ้นมา
“สามแสนนี่คือจำนวนที่ฉันต้องการไปทวง”
หรงจือหยางยกหูโทรศัพท์ขึ้น สั่งการไป เรื่องของกลางหากยังไม่รายงานหลายอย่างจัดการได้และที่สำคัญเงินไม่ใช่เป้าหมายของภารกิจนี้
สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมเงินสามมัด หรงจือหยางรับมาแล้วส่งให้ม่านเวยอิง
“คุณหนูม่านเวยอิงสามารถกลับบ้านได้ ทว่าคุณหนูทั้งสามคนจำเป็นจะต้องอยู่ต่ออีก”
ม่านเวยอิงรับเงินมาด้วยใจเบิกบาน แม้จะผิดแผนไปบ้างแต่ก็พอรับได้ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหรงจือหยางก็หยุดยิ้มแล้วพูดขึ้น
“พวกฉันยังเด็ก ไต่สวนไปก็อยู่ในฐานะเยาวชนแต่หากทำให้เป็นเรื่องเป็นราวพวกนี้ได้ออกจากโรงเรียนแน่นอนส่วนอนาคตก็ไม่ต้องพูดถึง คุณจะทำเป็นไม่เห็นไม่ได้หรือ”
เห็นม่านเวยอิงออกปาก เฉียวเจียวก็รีบพูดตาม
“พวกเราไม่รู้ไม่เห็นสิ่งที่พวกนั้นทำนะคะ เราแค่ทำตามคำสั่งให้ขู่เอาเงินกลุ่มนักเรียนก็เท่านั้น”
หรงจือหยางยกปากขึ้นถามต่อ
“เท่านั้นหรือ”
อี้หนิงรีบพูดต่อ แต่น้ำเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ ยังมีรับส่งของบางครั้งค่ะ”
หรงจือหยางถอนหายใจแล้วถาม
“รู้รึเปล่า ว่าอาจจะมีของสิ่งผิดกฎหมาย”
เด็กทั้งสามพยักหน้ายอมรับผิด
“เอาล่ะ ฉันจะปล่อยพวกเธอไป แต่ว่าหลังจากนี้หากมีใครติดต่อมาจะต้องรายงานฉัน นี่คือเบอร์ติดต่อ”
หลังจากสอบถามมาสักพัก หรงจือหยางก็พอสรุปได้ว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่มีข้อมูลอะไรและไม่ได้ร่วมการกระทำผิดร้ายแรง การรายงานโรงเรียนหรือผู้ปกครองอาจจะมีผลเสียมากกว่า หากสำนึกผิดได้ย่อมเป็นเรื่องดี
ฉีเจ๋อเห็นว่าหรงจือหยางปล่อยคนแล้วก็รีบส่งสายตาบอกให้พวกเขากลับ ม่านเวยอิงจึงรีบพูด
“ถ้าอย่างนั้น พวกฉันขอบคุณมาก ขอตัวก่อนนะคะ”
พอทุกคนออกไปหมดประตูปิดสนิทลง
ฉีเจ๋อก็หันไปทำหน้าเบื่อหน่ายใส่สหาย
“ทำไม ต้องทำหน้าดุ เสียงดุ ขนาดนั้นด้วยว่ะ เด็กๆทั้งนั้นเลย”
“หึ เด็กหรือ แกไม่เห็นตอนคุณหนูม่านของแกฟาดพวกนักเลง เสียงดุแค่นี้ไม่ทำให้เธอกลัวหรอกน่า”
ฉีเจ๋อเบิกตากว้างถาม
“จริงหรือ ที่พวกข้างนอกบอกว่าเธอล้มผู้ชายตัวโต ๆ ไปแล้วสิบกว่าคน”
หรงจือหยางพยักหน้า เขาเห็นกับตา
ฉีเจ๋อตกตะลึง เอ่ยพูดแผ่วเบา
“น่ากลัวเกินไปแล้ว เรื่องที่ฉัน...เอ่อ...เรื่องนั้นช่างมันเหอะ”
หรงจือหยางกลับยิ้มไปถึงดวงตา
“แต่ฉันรู้สึกว่าชอบขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะ”
“เฮ้ย!!”