ตอนที่ 5 นางมารน้อยผู้ดูไร้เดียงสา
ไป๋หลันพาม่านเวยอิงมาถึงสถานที่แคสตัวละครก่อนเวลานัดหมาย มีผู้คนในสตูดิโอไม่มากนัก แต่บรรยากาศก็ดูครื้นเครง ท่าทางของพวกเขาเป็นมืออาชีพและผ่อนคลาย
ม่านเวยอิงปรายสายตามองดูอุปกรณ์ถ่ายทำ กล้อง สายไฟ สปอร์ตไลน์ เธอรู้สึกถึงพลังที่ฮึกเหิมอยู่ภายในสิ่งเหล่านี้จะสาดส่องแสงสว่างและจับจ้องที่ตัวเธอ
แบบนี้รึเปล่า อาการหิวแสง
ฮึ ๆ ๆ
ม่านเวยอิงขำตัวเองในใจ พร้อมก้าวเดินตามไป๋หลันเข้าไปข้างใน
การแคสตัวละคร
ไม่มีการแต่งกาย ไม่มีอุปกรณ์ ไม่มีฉาก
ม่านเวยอิงจะต้องแสดงบทโดยใช้จินตราการทั้งหมดและนี่ก็เป็นส่วนสำคัญเพราะการถ่ายทำของละครเรื่องนี้ต้องถ่ายทำในสตูดิโอ
นั่งลงไปไม่ทันไร กองถ่ายก็ส่งคนมาแจ้ง
“ฉากแคสในวันที่จะมีการใช้สลิงด้วยนะคะ”
ไป๋หลันตกใจม่านเวยอิงไม่เคยใช้สลิงมาก่อน เธอรีบหันไปถามหญิงสาวทันที
“ม่านม่าน ฉากแคสในวันนี้ต้องใช้สลิง หนูไหวไหม ถ้าไม่ไหวเราจะยกเลิกก็ได้นะ”
ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างเล็กน้อย
“ได้สิค่ะ ได้เลย ...ฮืม ฉันลองสักหน่อยได้ไหมคะ”
เพราะเป็นเรื่องกระทันหัน กองถ่ายจึงอนุญาตให้ม่านเวยอิงฝึกโหนสลิงได้
ไป๋หลันยืนมองม่านเวยอิงข้างบน
เด็กคนนี้ เปลี่ยนไปขนาดนี้
เมื่อเตรียมพร้อมม่านเวยอิงก็โดนปล่อยล่องลงมา หญิงสาวปล่อยพลังลมปราณผสานกับแรงดึงของสลิง ทำให้เธอล่องกายลงมาอย่างสวยงามยิ่งเวลาเท้าลงพื้นก็สามารถยืนได้อย่างมั่นคง
“สวยงามมากค่ะ ม่านม่านเธอทำได้ดีมาก”
ไป๋หลันวิ่งเข้าไปช่วยปลดอุปกรณ์
“ฉากนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ใช่ไหมคะ”
“ฮืม..พี่คิดว่าโอกาสที่เราจะได้บทนี้มาครองสูงมากค่ะ”
ท่วงท่าสีหน้าของม่านเวยอิงเมื่อสักครู่ ทำให้ไป๋หลันมั่นใจมาก สายตาแววตาของนางมารที่พร้อมจะบดขยี้ผู้คนไม่ต่างจากมดปลอก นักแสดงชั้นนำส่วนมากก็สามารถสื่อความหมายได้ ทว่านักแสดงที่สามารถโหนสลิงพร้อมสีหน้าเช่นนั้นมีน้อยคนนัก และหนึ่งในนั้นมีม่านเวยอิงแน่นอน
ในสติดิโอ หาได้มีเพียงไป๋หลันที่เห็นฉากเมื่อสักครู่ นักแสดงคู่แข่งก็เห็นไม่ต่างจากไป๋หลัน
“พี่...เห็นใช่ไหม” หลีเจียงนางเอกชั้นแนวหน้าที่ฉีกบทบาทมารับบทนางร้ายเอ่ยกระซิบกับผู้จัดการส่วนตัว
“ค่ะ คุณหลีจะให้ฉันจัดการไหมคะ”
“ไม่จำเป็น”
ฉากโหนสลิงอย่างไรเธอก็เสียเปรียบ โอกาสที่คว้าบทนี้ก็ลดน้อยลงไป เช่นนี้เธออยู่เฉยๆ จะดีกว่า คาดว่าการปรับเปลี่ยนใช้ฉากแคส อาจจะเป็นกำลังภายในของ เสวียรุ่ยที่ใช้จุดเด่นของตนเองตัดคู่แข่ง
ส่วนเสวียรุ่ย เธอค่อนข้างมั่นใจบทนี้ไม่มีใครจะมาแย่งไปได้ จึงไม่ได้สนใจเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในสตูดิโอ
เมื่อถึงเวลา ผู้กำกับให้เสวียรุ่ยแสดงก่อน เพื่อสร้างจุดเปรียบเทียบเพราะเขาเองก็คิดว่าไม่มีใครจะแสดงได้ดีกว่าไปเสวียรุ่ย หากไม่ใช่เพราะนายทุนต้องการให้แคสนักแสดงเขาคงเลือกเสวียรุ่ยไปแล้ว
ม่านเวยอิง มองเสวียรุ่ยโหนลงมาอย่างสนอกสนใจ ในใจก็คิด
จะวางท่าสวยไปไย นี่นางมารหรือนางเอก
แม้ท่าจะออกกรีดกราย สวยงามไปบ้าง ทว่าใบหน้าของเสวียรุ่ยก็แสดงออกถึงความโหดเหี้ยมไร้ความปราณี
“ดี ดี” เสียงผู้กำกับเอ่ยชม ใบหน้าของเสวียรุ่ยระบายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เชิญคุณหลีเจียงค่ะ”
หลีเจียงพยักหน้าและตามทีมงานไป ไม่มีท่าทีประหม่า เพราะนางเข้าใจดีสิ่งที่นางต้องแสดงให้ดีคือ สีหน้า น้ำเสียง ฉากโหนสลิงหากทำไม่ดีก็สามารถใช้สแตนอินได้
ท่วงท่าของหลีเจียงไม่งดงามเท่าเสวียรุ่ยดังคาด ทว่าน้ำเสียงตวาดพร้อมสายตาเหี้ยมเกรียมของเธอล้วนมีพลังน่าหวาดกลัว
“หากพวกเจ้าอยากตายก็เข้ามา”
ทว่าสำหรับม่านเวยอิงกลับไม่รู้เฉกคนอื่น นางไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของนางมารผู้นี้ กระนั้นเธอก็ได้ยินเสียงผู้กำกับเอ่ยชม
“ดี ดี”
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงผู้กำกับอีก เขาเพียงสะบัดมือให้คนอื่นเข้ามา เพราะม่านเวยอิงได้รับการแนะนำตัวเมื่อวานเธอจึงเป็นคิวสุดท้าย
ผู้กำกับไม่คาดหวัง แต่ก็ยังตั้งใจดู
เมื่อม่านเวยอิงทะยายกายลงมา ผู้กำกับก็เหยียดหลังตรงขึ้น ปลายเท้าของหญิงสาวแตะลงพื้นเบา ๆ นางสะบัดชายเสื้อปลิวท่อสายลม สายตาที่มองจ้องมาก็เหยียดหยันเยาะเย้ย
“หากพวกเจ้าอยากตายก็เข้ามา”
นางไม่สะบัดกระบี่ชี้ไปทางศัตรู แต่ยกขึ้นมาปาดลูบคมเบา ๆ หางตาตวัดมองมาทั้งยียวนและดูแคลน
ผู้กำกับตกตะลึง ใช่แล้วนี่คือนางมารน้อย ที่มีใบหน้าดูไร้เดียงสาอ่อนเยาว์แต่ในแววตากลับดูชั่วร้ายถึงกระดูก
นี่สิ แววตาที่ชั่วร้ายถึงกระดูก เขาต้องการเช่นนี้
“เยี่ยม!!”
ในเมื่อผู้กำกับตบมือเอ่ยเสียงดังขนาดนั้น
ก็เป็นที่ประจักษ์ผู้ใดได้บทนี้ไป
ม่ายเวยอิงไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไรนัก
เธอมั่นใจอยู่แล้วว่าบทนี้เป็นของเธอ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปบอกไป๋หลันเรื่องธุระของตนเอง
“พี่ฉันขอตัวไปธนาคารก่อนนะ”
“ได้ค่ะ ถ้าม่านม่านรีบพี่อาจจะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพัก”
ไป๋หลันตัดสินใจอยู่เพื่อรอทำสัญญาต่อ
ม่านเวยอิงจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบัญชีธนาคาร ปกติเธอรับเงินจากไป๋หลันเป็นเงินสดจึงไม่มีปัญหา ก่อนหน้าเธอจะแอฟธนาคาร ปรากฏว่าเธอลืมรหัสผ่าน ในเมื่อมาถึงขั้นนี้เปิดบัญชีใหม่จะดีกว่า
ม่านเวยอิงเลือกมาธนาคารที่มีตึกอยู่ติดกับถนน เธอชอบที่เดินเลียบถนนเพราะมีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่พอได้เก็บเคสสะสมพลัง ไม่นานเธอก็เห็นธนาคาร
เธอได้รับการบริการอย่างรวดเร็ว จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยกำลังจะออกไปสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันว่าจะเจอกับก็เกิดขึ้น
ปัง!! เสียงปืนและกระจกแตกเป็นเสี่ยงๆ
พร้อมกับเสียงร้องหลงของพนักงานและลูกค้าของธนาคาร
“หมอบลงถ้าใครไม่อยากตาย”
เสียงเหี้ยมดังขึ้นทำให้เกิดความเงียบสงัดทันที
“เก็บเงินใส่ถุงอย่าชักช้า”
ม่านเวยอิงนั่งย่อก้มหัวลง พลางชำเลืองมองไปรอบ ๆ
ยามรักษาความปลอดภัยถูกยิงนอนอยู่ข้างประตู อาการน่าจะสาหัส แม่คนหนึ่งกอดบุตรสาวแน่นมือของเธอปิดปากไม่ให้ลูกสาวร้องไห้
พวกโจรมีทั้งหมด 5 คน พวกมันปิดหน้าปิดตาไม่รู้ว่าเป็นใคร
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ไม่ถึง 2 นาที เธอก็ได้ยินเสียงตำรวจ หลายคนในธนาคารคลายอาการเกร็ง บางคนลอบถอนหายใจ
คิดว่าตัวเองจะรอด