แทนแทนของแม่อยู่ไหน

1933 Words
จนตอนนี้ไพลินก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอได้ลืมอะไรไปแต่เธอก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ารูปร่างของเธอมันดูเล็กและผอมบางลงเหมือนเด็กรุ่นไม่มีผิดแม้แต่ผิวพรรณก็ขาวผุดผ่องอมชมพูแลดูอ่อนเยาว์เหมือนตอนที่ยังเป็นสาวอยู่เลย หรือว่าเธอจะเข้ามาสิงสู่ร่างของคนอื่นกันนะ ก็มันอดคิดไม่ได้นี่นา “ต้าฝู ฉันควรเรียกคุณแบบนี้ใช่ไหม” “ตามแต่นายหญิงจะเรียกขอรับและนายหญิงก็อย่าได้สงสัยสิ่งใดเลยตัวท่านก็ยังคงอยู่ในร่างเดิมไม่ได้เข้าร่างคนอื่นหรอกขอรับ แต่อาจจะเป็นเพราะมิติของนายหญิงที่ต้องปรับเวลาตามที่มันควรจะเป็นเท่านั้นเอง” ต้าฝูไม่ได้อ่านใจนายของตนได้หรอกนะ แต่เขาเห็นว่านายหญิงกำลังสำรวจตัวเองด้วยความสงสัย เขาจึงแค่เดาเอาเท่านั้น “หมายความว่ายังไงปรับเวลาอย่างที่ควรจะเป็นแล้วแทนแทนลูกสาวของฉันล่ะเธออยู่ไหนเธอมาพร้อมกับฉันใช่ไหม ตอนนี้เองที่ไพลินเริ่มรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ขาดหายไปก็คือลูกน้อยของเธอนั่นเอง มาถึงตอนนี้ความกลัวจึงได้บังเกิดขึ้นมาทันที เธอกลัวเหลือเกินกลัวว่าลูกสาวตัวน้อยจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะทำยังไงดีคิดไปก็พานให้น้ำตาไหลไม่หยุด เธอกำลังจะวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูให้แน่ใจว่าลูกสาวตัวน้อยอยู่ข้างในหรือไม่ แต่ก็ถูกต้าฝูเรียกเอาไว้เสียก่อน “นายหญิงเดี๋ยวก่อนขอรับอย่าเพิ่งเศร้าไปข้าตราจพบพลังปราณและพลังชีวิตอีกสายในตัวของนายหญิงขอรับ มันคือพลังชีวิตแน่นอนข้าคิดว่านั่นคงเป็นพลังชีวิตของคุณหนูน้อยไม่ผิดแน่ คงจะเป็นสาเหตุนี้เองที่ทำให้นายหญิงมีรูปลักษณ์ที่เด็กลงเช่นนี้” “จริงหรือต้าฝู! ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีนะสิ ตอนนี้ฉันน่าจะอายุประมาณยี่สิบเอ็ดปีได้ละมั้ง ใช่แล้วฉันท้องแทนแทนตอนนั้นฉันอายุยี่สิบเอ็ดปีพอดี” “ยี่สิบเอ็ดปีหรือ? นายหญิงแน่ใจนะขอรับว่าจำไม่ผิดแต่ดูเหมือนนายหญิงเพิ่งจะสิบเจ็ดปีเองนะขอรับ” คำเยินยอของสัตว์อสูรทำเอาไพลินแทบลอย ‘สิบเจ็ดอะไรกันต้าฝูเนี่ยรู้ได้ไงว่าเธอบ้ายอ คิกๆ’ “อะแฮ่ม โธ่ต้าฝู คนยุคของฉันน่ะต่อให้อายุเยอะขนาดไหนก็ไม่แก่รู้มั้ย เขามีสโลแกนว่าไว้คือ เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวย” ‘เนี่ยยกเอาสโลแกนของแม่ค้ามาใช้เลยนะภาษายุคใหม่บอกไปเขาจะรู้มั้ยเล่า’ “อะไรแกนๆ นะขอรับ” นั่นปะไรล่ะ “ฮ่าๆๆๆ ฉันลืมตัวไป ฉันคงต้องเริ่มเรียนรู้ภาษาโบราณแบบท่านแล้วล่ะสิ สโลแกนก็คือคำขวัญเป็นคำจำกัดความหรือคำประกาศโฆษณาอย่างไรเล่า พูดไปท่านจะงงเปล่าๆ ลืมมันไปเถอะ ต่อไปฉันจะเริ่มเรียนรู้และพูดแบบท่านแล้วจะได้ไม่งงแต่ท่านต้องคอยเตือนด้วยล่ะ” “ขอรับนายหญิง” เป็นอีกหลายเรื่องที่เธอจะต้องทำความเข้าใจและยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่เธอจะต้องเรียนรู้ก่อนที่จะออกไปผจญภัยภายนอกมิตินั่น ทำไมจะต้องออกไปข้างนอกด้วยนะอยู่แต่ในมิติก็สบายดีแล้วไพลินคิดในใจ แต่ต้าฝูบอกเอาไว้ว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้มันเป็นกฎของมิติที่ผู้ครอบครองจะต้องปฏิบัติตาม แม้ว่าของทุกอย่างในมิตินั้นจะเป็นของเราและจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ไม่ใช่ขังตัวเองไว้ในมิติตลอดชีวิตนั่นคงเป็นกฎที่ผู้สร้างมิติแห่งนี้เป็นผู้ตั้งเอาไว้กระมัง จากนี้ไปเธอคงต้องมีเรื่องให้เรียนรู้อีกเยอะแยะมากมายและมันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว… “ต้าฝูให้ข้าพักก่อนได้หรือไม่” ยังไม่ทันข้ามวันเลยแต่ฉันต้องขอพักเบรกด้วยมีหลายสิ่งที่ฉันยังปรับตัวไม่ทัน ฉันเลยต้องขอต้าฝูหยุดพักเสียก่อน...พรุ่งนี้ก็ค่อยว่ากัน ต้าฝูก็แสนจะใจดีรับคำอย่างนอบน้อมเขาเป็นสัตว์อสูรแน่หรือหน้าตาก็หล่อเหลาเอาการแต่กลับชอบทำหน้านิ่งสนิทนัก “ขอรับนายหญิง ถ้าเช่นนั้นนายหญิงก็พักผ่อนเถิดวันพรุ่งนี้ข้าจะมาแต่เช้านะขอรับ” “อืม ขอบคุณท่านมาก” โอ้ว..! พูดยังไม่ทันจบต้าฝูก็ดีดตัวขึ้นไปในอากาศและหายวับไปกับตา ‘อ่า..นี่ซินะพลังของสัตว์อสูรระดับเซียนผู้ฝึกปราณยุทธระดับสูงก็คงไม่ต่างกันแล้วฉันจะอยู่รอดปลอดภัยในแผ่นดินนี้มั้ยเนี่ย’ “เฮ้อ!” เมื่อหันหลังกลับมาก็เจอสิ่งที่ทำให้ใจของฉันสงบลง บ้านใช่แล้วมันคือบ้านของฉันบ้านที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง บ้านที่เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะของลูกสาวตัวน้อย “แม่จะรอหนูนะแทนแทน” พูดจบเธอก็วางมือลูบไปที่หน้าท้องแบนราบเหมือนว่าดวงจิตน้อยๆ จะรับรู้จึงทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นวูบวาบอยู่ภายในท้องน้อยของเธอ “ไว้เจอกันนะยัยตัวยุ่งรอแม่หาพ่อให้หนูก่อนนะเด็กดี” ไพลินพูดกับดวงจิตของลูกน้อย แม้เจ้าตัวยุ่งจะไม่ได้ยินแต่เธอก็ให้สัญญาว่าจะหาพ่อที่ดีให้กับแทนแทนได้แน่นอน “ฮ้าย โชคดีนะที่ของกินยังมีเต็มตู้อยู่เลยแบบนี้เธอก็ไม่ต้องอดและอยู่ไปได้อีกนาน fighting นะไพลิน สู้ว้อยย..” เธอให้กำลังใจตัวเองด้วยการตะโกนลั่นบ้านไม่ต้องกลัวว่าจะมีเพื่อนบ้านมาได้ยินหรือรำคาญก็นี่มันมิติส่วนตัวของเธอนี่นา เช้าวันใหม่ต้าฝูได้มารอข้าที่หน้าบ้านแต่เช้า...ข้าต้องพูดแบบนี้ใช่ไหมข้าหัวไวนะขอบอก ตัวข้านั้นก็อ่านนิยายจีนมาเยอะคิกๆ ก็พอจะรู้บ้างว่าควรพูดแบบไหนละน่า “อรุณสวัสดิ์ต้าฝู” “โอ้ว อรุณสวัสดิ์ขอรับนายหญิงและขออภัยข้าไม่ทันเห็นท่าน” “ไม่เป็นไรข้าชิวชิว…แล้วท่านจะไม่ถามข้าบ้างหรือว่ามันแปลว่าอะไร” “อ้อคำนี้ข้ารู้ขอรับ นายท่านคนก่อนพูดให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ” ‘หืม...เจ้าของมิติคนก่อนมาจากที่เดียวกันกับฉันเหรอเนี่ยคงจะมีคนอีกมากมายหลายชีวิตที่อาจจะข้ามไปยังมิติอื่นๆ ได้แบบเราสินะ เหมือนในนิยายทะลุมิติเทือกนั้น’ “นี่ท่านยังจำได้อยู่หรือคำพูดของนายท่านคนเก่าน่ะ ข้าว่ามันคงนานมากๆ แน่เลย ท่านดูแลมิติแห่งนี้มานานเท่าไรแล้วล่ะ และท่านรู้หรือไม่ว่ามิติแห่งนี้มีผู้ครอบครองมาแล้วกี่คน” “จากที่ข้ารับรู้มาก็มีนายท่านผู้สร้างมิติแห่งนี้ ท่านแซ่ไป๋ นามลู่เค่อและผู้ครอบครองคนที่สองก็คือท่านไป๋จวินต่อมาคนที่สามก็คือนายหญิงนี่แหละขอรับ นับจากที่นายท่านไป๋จวินจากไปก็เกือบร้อยปีเห็นจะได้ แต่ถ้านับจากบันทึกของนายท่านลู่เค่อมิติแห่งนี้ก็ครบหนึ่งหมื่นปีเมื่อไม่นานนี่เองมิติที่ท่านไป๋ลู่เค่อสร้างขึ้นมานั้น มิใช่ว่าใครก็จะครอบครองได้นะขอรับ เพราะท่านลู่เค่อได้ทำพันธะของผู้ครอบครองเอาไว้ มิติแห่งนี้จึงเหมือนมีชีวิตมันถึงได้เลือกนายด้วยตัวเองอย่างไรล่ะขอรับ” “แหวนคงเลือกข้ามานานแล้วแค่รอเวลาที่จะพาข้ามาในช่วงเวลาที่เหมาะสมใช่หรือไม่ แล้วข้าต้องใช้แซ่ไป๋ด้วยหรือไม่ล่ะ” “แน่นอนขอรับท่านต้องใช้แซ่ไป๋เพราะท่านคือผู้สืบทอดมิติแห่งนี้ขอรับและนี่หีบใบนี้เป็นของนายหญิง นายท่านไป๋จวินให้ข้าเก็บไว้ให้นายหญิงนอกจากท่านแล้วก็ไม่มีใครสามารถเปิดหีบนี้ได้เลย แค่หยดเลือดท่านลงบนอักขระนี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วขอรับ” “ท่านแน่ใจนะว่ามันจะเปิดมิใช่ว่าข้าต้องเสียเลือดฟรีๆ หรอกนะ อ๊ะ! รอข้าประเดี๋ยวเดียว” เมื่อไพลินเห็นต้าฝูกำลังจะยื่นมีดสั้นให้ ตัวเธอก็วิ่งปรู๊ดเข้าไปในบ้านทันที...ทำไมนะรึ? เธอก็เข้าไปหาเข็มไง แค่จิ้มก็ได้เลือดแล้ว...ทำไมจะต้องเฉือนนิ้วตัวเองให้ได้แผลด้วยเล่า “ได้แล้วตัวช่วยแค่นี้ก็พอท่านเก็บมีดของท่านไปเถอะ” ต้าฝูมองมาที่เธออย่างขำๆ นี่ท่าทางของเธอมันตลกถึงขั้นทำให้อสูรหน้าตายตนนี้ออกท่าทางได้เลยหรือ ฮึ! “อะแฮ่ม ขอภัยขอรับ” “ข้าเปล่ากลัวซักหน่อย แค่ไม่ต้องการเสียเลือดมากมาย ท่านเข้าใจใช่ไหม” “เข้าใจฃอรับนายหญิง” “เช่นนั้นก็มาเถอะข้าพร้อมแล้ว” ทันทีที่ไพลินหยดเลือดลงบนฝาหีบสมบัติที่สลักด้วยอักขระมากมายพลันฝาหีบก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวสลักที่เหมือนจะเป็นตัวล็อค จู่ๆ มันก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย ‘อู้ววว ดูข้างในนั่นหีบใบนิดเดียวทำไมของข้างในเยอะแยะปานนั้น เอ๊ะ! มีจดหมายน้อยด้วยหรือ?’ “ต้าฝูทำไมหีบใบนี้จุของได้เยอะจัง” ไพลินถามด้วยความสงสัย ของแบบนี้มีแต่นักมายากลเท่านั้นแหละที่ทำได้ “เขาเรียกว่าพื้นที่มิติขอรับ คนที่จะจารึกอักขระมิติได้และยังคงมีชีวิตอยู่ก็นับได้ด้วยนิ้วมือเท่านั้นบนแผ่นดินนี้ หรือแม้แต่ผู้คนแดนกลางแดนบนรวมกันแล้วก็ตาม นายท่านจวินนั้นเป็นผู้มีพลังธาตุมิติและเป็นผู้จารึกอักขระด้วยนะขอรับ” “ว้าวว สุดยอด เออว่าแต่ท่านเอาหีบใบนี้มาจากไหนหรือข้าไม่เห็นว่าท่านถืออะไรมาด้วยเลย” “ข้ามีแหวนมิติที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าหีบใบนี้เป็นร้อยเท่า นายท่านจวินเป็นผู้สร้างไว้ให้ข้าใช้ขอรับ” “ข้าค้นดูของข้างในแล้วมันมีแต่ก้อนหินสีแปลกๆ และหนังสือคำภีร์แล้วก็บันทึกต่างๆ เต็มไปหมดไม่เห็นจะมีแหวนมิติอย่างท่านเลย ทำไมท่านไป๋จวินไม่ทำไว้ให้ข้าบ้างล่ะ” ‘แอบน้อยใจนะเนี่ยขนาดสัตว์อสูรยังมีแหวนมิติใช้เลยแล้วข้าเล่า...เป็นผู้สืบทอดมิติแท้ๆ เลยนะ’ โถๆ แม่คุณหากว่าท่านไป๋จวินได้ยินคำบ่นของนางคงได้แต่ปลงและเจ็บปวดหัวใจก็เท่านั้น ของในหีบใบนั้นคนทั่วยุทธภพต่างก็พากันขวานขวายหาเพื่อที่จะได้ครอบครองแต่ของที่แม่นางน้อยอยากได้คือแหวนมิติที่หาได้ไม่ยากนักบนแผ่นดินนี้ จิๆๆ นางช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย “แหวนที่นายหญิงสวมอยู่นั่นไม่ยิ่งกว่าแหวนมิติหรอกหรือขอรับ” “ห้ะ! แหวนนี่หรือ...นั่นสินะ” ‘คิกๆ โก๊ะจริงไพลินเอ้ย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD