ก่อนงานประมูลจะเริ่มอีกหนึ่งชั่วยาม...
“ท่านออกไปก่อนสิ ข้าขอเวลาแปลงโฉมสักครู่ เทียนหรง! ท่านได้ยินที่ข้าพูดบ้างไหมเนี่ย” เหมือนเขาจะไม่ได้ยินที่นางบอก ลี่หลินจึงเรียกเขาเสียงดังขึ้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่คิดจะขยับตัว
“งามแล้วเจ้าจะแปลงโฉมทำไมอีก แค่นี้เจ้าก็งามจนหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว” นี่เขาพูดจริง ๆ นะ ยิ่งนางอยู่ในชุดนอนเช่นคืนนั้นยิ่งงามนัก เป็นชุดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เนื้อผ้าก็นิ่มลื่นดูสวยงามและแปลกตา อยากให้นางใส่ให้เขาดูทุกวันจริง ๆ ช่างดูเย้ายวนเกินห้ามใจ ‘หึ ๆ นี่เขากำลังเพ้ออีกแล้วหรือเนี่ย เทียนหรงนะเทียนหรงนี่เจ้าคิดไปไกลถึงไหนกัน’
“งามอันใดกันชุดนี้ข้าใส่มาทั้งวันแล้วอาจจะมีกลิ่นไม่ดี ขอเวลาเพียงหนึ่งเค่อข้าไม่หนีท่านไปไหนหรอก” ดูทำหน้าเข้าสิ นี่มันหน้าเด็กโดนขัดใจชัด ๆ บุรุษยุคนี้ก็ทำตัวน่ารักเป็นด้วยหรือ
กลิ่นปราณของนางหอมดั่งมวลพฤกษาหลากชนิดปานนั้น มีตรงไหนกลิ่นไม่ดีกัน ครั้งก่อนก็กลิ่นหนึ่ง ครั้งนี้ก็อีกกลิ่น ดั่งเช่นคนที่ครอบครองธาตุพฤกษา อืม..ธาตุพฤกษาและเหมันต์ นางช่างพิเศษจริง ๆ นั่นแหละ
ที่เทียนหรงคิดก็ไม่ผิดคนที่ถือครองธาตุพฤกษาย่อมมีกลิ่นอ่อน ๆ ของหมู่มวลพฤกษา แต่ที่เทียนหรงไม่รู้คือไป๋ลี่หลินนางมีน้ำหอมยี่ห้อดัง ๆ มากมายหลากหลายกลิ่นอยู่ในสต๊อกนับประสาอะไรกับกลิ่นมวลพฤกษานั่น...
“อืม ข้าก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าจะหนีหรอกหลินเออร์”
“ท่านจะเรียกชื่อข้าลี่หลินหรือไม่ก็อาหลินก็ได้ หลินเออร์มันดูเด็กน้อยข้าอายุมากแล้วมันดูไม่เหมาะ”
“อาหลินเช่นนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นอาหลินเจ้าไปแปลงโฉมเถอะ ข้าจะรอตรงนี้”
“อืม”
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อไป๋ลี่หลินก็ออกมาพร้อมกับชุดสีฟ้าอมเขียวพริ้วไสวในแบบที่นางชอบ พร้อมกับสวมหน้ากากครึ่งใบหน้าที่ต้าฝูทำให้นางจากผลึกเหมันต์ ดูเข้ากันและงามจับใจ งดงามปานนั้น ถึงกับทำให้คนที่รออยู่ตะลึงงัน
‘คิก ๆ ถึงกับตะลึงค้างไปเลยสิป๊ะป๋าของแทนน้อย’ ลี่หลินขี้ตู่เอาเป็นตุเป็นตะเพราะมั่นใจเกินร้อยแล้วว่าต้องเป็นเขา...
“ข้าพร้อมแล้วเทียนหรง”
เสียงหวานใสของนางได้ปลุกเขาให้ออกจากภวังค์ทันที เทียนหรงมองนางนิ่งค้างเพียงเสี้ยวลมหายใจ เขาก็สาวเท้ายาว ๆ ไปยืนต่อหน้านาง
“เจ้างดงามเกินไปแล้ว” เขาเพ้อเหมือนคนละเมอไม่ได้สติเยี่ยงนั้น
พรึ่บ!!! เอ๋ เสื้อคลุม? “แล้วท่านเอาเสื้อมาคลุมทำไมเนี่ย ข้าไม่ได้หนาวสักหน่อย”
“ข้าไม่อยากให้ใครมองเจ้า”
“เราเพิ่งจะรู้จักกันแค่สองวันเองนะ มันจะรวดเร็วไปไหมที่ท่านจะมาหึงหวงข้าน่ะ”
เทียนหรงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมามองหน้าคนงามตรง ๆ เหมือนจะมองให้ทะลุไปถึงหัวใจของนาง นิ้วเรียวยาวเชยคางน้อย ๆ ของนางขึ้นแล้วก้มลงประทับจูบบนริมฝีปากอิ่ม
”หากจะรักจะห่วงไยต้องนับวัน มันไม่ใช่แค่สองวันแต่เป็นสามวันต่างหากและเราก็จูบกันไปแล้วด้วยคนงาม”
“เทียนหรง” ฮื้ออ..เต๊าะเก่งจริง ๆ พ่อคุณเอ๊ย ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยโดนผู้ชายจีบหนักขนาดนี้เลยสักครั้ง
“ไปกันเถอะเดี๋ยวเราจะสาย” เขาตัดบทเอาดื้อ ๆ เหมือนไม่รู้ว่ากำลังทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นตูมตาม เทียนหรงกุมมือของนางแล้วพากันเดินออกไป หากลี่หลินไม่สวมหน้ากากเขาคงได้เห็นหน้าของนางแดงปลั่งดั่งลูกอิงเถาเป็นแน่
“นั่งรถม้าไปหรอกหรือ ทำไมเราไม่ใช้วิชาตัวเบาไปล่ะ”
“การเดินทางในเมืองถ้าไม่มีเหตุอันควรจริง ๆ เขาก็ใช้รถม้ากันทั้งนั้น หากทุกคนเหินไปเหินมาตามหลังคาบ้านช่องคงวุ่นวายน่าดูเชียวล่ะ”
“อ้อ...เป็นเช่นนั้น”
ตอบข้อข้องใจของนางเสร็จเขาก็พยุงนางขึ้นรถม้าก่อนจะติดตามขึ้นไปนั่งเคียงข้าง เขาอยากจะอุ้มนางขึ้นรถม้าด้วยซ้ำแต่กลัวว่าจะทำให้นางเขินอายต่อหน้าผู้คน…
“นี่ ๆ รถม้าคันที่เพิ่งวิ่งออกไปน่ะเจ้าว่าใช่รถม้าของหอประมูลหรือไม่ ตราสัญลักษณ์อะไรก็ไม่มี เจ้าของหอประมูลไป๋หลงช่างลึกลับจริง ๆ เจ้าว่าไหม”
“ลึกลับยังไง ชื่อก็บอกอยู่ว่าไป๋หลง หากไม่ตระกูลไป๋ก็คงเป็นตระกูลหลง”
“โอ้..เจ้านี่ช่างสรุปง่ายดีแท้”
แล้วก็ยังมีอีกหลายเสียงที่ยังคงสนทนาเกี่ยวกับเจ้าของหอประมูลโต้แย้งกันไปมาอย่างสนุกสนาน ทั้งการพนันขันต่อก็เริ่มมีขึ้น ว่าเจ้าของหอประมูลจะเป็นไป๋หรือจะเป็นหลง ฮ่า ๆ ช่างน่าขันนัก
เมื่อรถม้าออกจากโรงเตี๊ยมพวกเขาก็ใช้เส้นทางลับไปยังหอประมูล
“อาหลิน ผู้ดูแลเจ้าไม่มาด้วยหรือ”
“เดี๋ยวเขาก็มา หากเขาออกมาสัตว์อสูรของท่านจะกล้าออกมาไหมล่ะ” สงสารเจ้างูน้อยนั่นแค่ต้าฝูแผ่กลิ่นอายออกมานิดหน่อยก็หัวหดซะแล้ว ช่างแกล้งเด็กเล็กยิ่งนักต้าฝูเนี่ย…
“อย่ากลั่นแกล้งเสี่ยวเสอนักเลย เขาเพิ่งตื่นจากหลับใหลเสี่ยวเสอยังอยากออกมาเจอเจ้าด้วยนะ”
“คิก ๆ เสี่ยวเสอน้อยช่างน่ารักจริง ๆ”
“แล้วข้าล่ะไม่น่ารักเลยหรือ” นี่เขากำลังอิจฉาเจ้างูน้อยนี่นะ
“คิก ๆ ท่านเนี่ยนะน่ารัก ช่างกล้าพูด”
“เจ้ากำลังสนุกที่ได้แกล้งข้าอยู่ใช่ไหม”
“ถึงแล้วขอรับนายท่าน” เสียงหลุนคุนดังขึ้น เหมือนจงใจจะแกล้งขัดคอเจ้านาย
“คนน่าจะเยอะ เราคงไม่ได้เบียดผู้คนเข้างานใช่ไหมเทียนหรง”
“เจ้าพูดอะไรกันอาหลิน เจ้าของหอประมูลไยต้องไปเบียดกับผู้คน แม้แต่แขกห้องพิเศษทุกห้องก็ไม่ต้องเบียดเช่นกันต่างก็มีเส้นทางลับไปยังห้องประมูลกันทั้งนั้น”
“เข้าใจแล้ว งั้นเราก็ไปกันเถอะ ข้าอยากจะชมงานประมูลจะแย่แล้ว”
“เจ้าไม่เคยเข้างานประมูลเลยหรือ” จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางไม่เคยเข้างานประมูล เทียนหรงคิด
“ที่นี่ข้าไม่เคยแต่ที่อื่นข้าก็เคยไปบ้างอยู่หรอก แต่มันก็ไม่เหมือนกันสักนิด ข้าชอบงานประมูลแบบนี้มากกว่า”
“เช่นนั้นขอให้สนุก อยากได้อะไรก็บอกข้า”
‘อู้ววว..พ่อบุญทุ่มก็มาสายเปย์ซะด้วยพ่อคุณ’ “ไม่เป็นไรหรอกข้ารวย”
“เจ้าจะยอมข้าบ้างไม่ได้เชียวหรืออาหลิน ขอให้ข้าได้ทำอะไรให้เจ้าบ้างเถอะ”
“ก็ได้ งั้นตามใจท่านเลย”
บนชั้นสามห้องพิเศษของหอประมูลไป๋หลง...
“เจ้าแน่ใจนะว่าเขามาแล้ว”
“มาแล้วขอรับ เข้าห้องส่วนตัวไปแล้วขอรับ”
“นี่เขาไม่คิดจะมาทักทายครอบครัวหน่อยหรือ เจ้ารองนะเจ้ารองตอนนี้เห็นสาวงามดีกว่าแม่ไปแล้ว” หยางจีอดบ่นให้บุตรชายไม่ได้ ในใจก็รู้สึกขุ่นเคืองให้แม่ค้าสาวคนนั้นอยู่ไม่น้อย
“ฮูหยิน เราเจอเขาทุกวัน แถมวันนี้เขาก็อยู่จวนตั้งครึ่งวัน ปล่อยเขาไปเถอะ ฮูหยินไม่อยากอุ้มหลานแล้วรึหรือว่าจะให้เจ้ารองกลับไปเป็นเหมือนเดิมดีล่ะ”
“ใครอยากจะให้เขากลับไปเป็นแบบนั้นล่ะ ข้าแค่อยากจะเห็นหน้านางว่าเป็นแม่ค้าแบบไหนกันที่เจ้ารองหลงอยู่น่ะ”
“ก็แค่แม่ค้าขายผลไม้กับดอกไม้”
“ห๊ะ! ขายผลไม้กับดอกไม้หรือ จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้ารองเคยเดินตลาดเสียที่ไหน แล้วนางขายผลไม้อะไรเจ้าคะท่านพี่”
“ขายลูกท้อและดอกกล้วยไม้” ท่านประมุขหลงยังแกล้งภรรยาต่อ
“ท่านพ่อท่านหยุดแกล้งท่านแม่เถอะขอรับ ท่านแม่โดนท่านหลอกมาทั้งวันแล้วนะขอรับ” เหนื่อยใจคนแก่ชอบแกล้งเมีย แก่ตัวไปหวังว่าเขาจะไม่เป็นเช่นท่านพ่อหรอกนะ
“เจ้าใหญ่ก็รู้เรื่องนี้ดีสินะ พ่อลูกเห็นข้าเป็นตัวตลกรึถึงได้ล้อข้าเล่นเช่นนี้”
“โถ ๆ ฮูหยินอย่างอนเลยนะ ข้าแค่ล้อเจ้าเล่นนิดเดียวเอง ลูกสะใภ้ของฮูหยินน่ะนางเหมาะสมกับเจ้ารองแน่นอนไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้เป็นแม่ค้าธรรมดาก็ไม่เห็นเป็นอะไร นางไม่ได้ทำให้ตระกูลหลงเดือดร้อนสักหน่อย ขอแค่สะใภ้เป็นคนที่น่ารักมีหลานให้อุ้มก็เพียงพอแล้วใช่ไหมล่ะฮูหยิน”
“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น นั่นงานประมูลจะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ” หยางจีสะกิดสามีด้วยความตื่นเต้น
ห้องส่วนตัวของหลงเทียนหรง...
“อาหลินมานั่งเถอะ”
ไป๋ลี่หลินยังคงตื่นตาตื่นใจกับการประมูลของที่นี่ ‘สุดยอดไปเลยงานประมูลแบบนี้ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะเนี่ย อยากมีกล้องถ่ายรูป โอ๊ะ! ที่จริงก็มีนะ แต่แบตดันหมดเสียนี่’
ตรงเวทีจุดกึ่งกลางของหอประมูล ผู้ดำเนินงานครั้งนี้คือผู้อาวุโสหลงหยวนฟา เขาก็คือคนเดียวกันกับผู้ดูแลหอประมูลนั่นเองการประมูลดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือยันต์อักขระต่างก็ถูกประมูลไปในราคาที่ดีจนผู้ที่นำมาประมูลพากันพอใจถ้วนหน้าอาจจะมีกระทบกระทั่งและปะทะฝีปากกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาจนกระทั่งมาถึงรายการสินค้าต่อมา
ผู้ดำเนินงานหยวนฟาได้นำสินค้าที่มีชีวิตตัวหนึ่งออกมา สร้างความฮือฮาผู้คนอย่างล้นหลาม เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้ทุกคนและทุกแคว้นล้วนอยากได้มาครอบครอง ต่อให้สร้างพันธะสัญญากับสัตว์อสูรไม่ได้พวกเขาก็ยังต้องการที่จะครอบครอง อย่างน้อย ๆ ก็ไว้เพื่อประดับบารมีของตนเองและวงศ์ตระกูล
“สินค้าที่นำมาประมูลชิ้นต่อไปคือเหยี่ยวเหมันต์ ขอให้ทุกคนประมูลอย่างสงบ กติกาก็เช่นเคย หากสินค้านั้น ๆ ได้ถูกประมูลด้วยหินปราณแล้วท่านไม่สามารถย้อนกลับไปใช้ตำลึงทองได้อีก หวังว่าทุกท่านคงจะเข้าใจ”
ทั่วทั้งโถงประมูลต่างก็เกิดเสียงฮือฮาอีกครั้ง หินปราณอย่างนั้นหรือคงจะมีแต่ผู้นำระดับแคว้นนั่นล่ะถึงจะมีหินปราณไว้ครอบครอง ผู้คนต่างพูดคุยกันอื้ออึงและเริ่มเสียงดังขึ้นทุกที
“ได้โปรดเงียบ!” ผู้ดำเนินงานหยวนฟาตะเบ็งเสียงด้วยลมปราณออกไป ถึงกับทำให้คนในโถงประมูลเงียบกริบกันทันที
“จะเริ่มการประมูลแล้ว เหยี่ยวเหมันต์ตัวนี้ราคาประมูลเริ่มต้นที่1,000,000ตำลึงทอง เริ่มประมูลได้”
“2,000,000 ตำลึงทอง” เสียงจากห้องพิเศษชั้นสอง เริ่มประมูลเป็นคนแรก
“5,000,000 ตำลึงทอง” เป็นเสียงหนึ่งจากห้องพิเศษชั้นสาม
“6,000,000 ตำลึงทอง” เสียงจากชั้นสอง เจ้าเดิมอีกครั้ง
‘นายหญิงขอรับ’
‘ต้าฝูไม่ไม่คิดจะออกมาหรือ’
‘ไม่ดีกว่าขอรับ นายหญิงรีบประมูลนางเถิดอาการของนางกำลังแย่ และต้องการให้นายหญิงช่วยเหลือโดยเร็ว’
‘นางเช่นนั้นหรือ ได้เลยข้าก็ต้องการนางเช่นกัน’ ยิ่งเหยี่ยวหนุ่มบอกข้อมูลของเหยี่ยวเหมันต์มาแบบนั้น ลี่หลินก็ยิ่งต้องการที่จะครอบครองเหยี่ยวเหมันต์ตนนี้ให้ได้
ตอนนี้การประมูลเหยี่ยวเหมันต์ได้ล่วงเลยจนมาถึง...
“15,000,000 ตำลึงทอง” เสียงจากห้องพิเศษชั้นสอง
“เขากำลังปั่นราคาใช่ไหมเทียนหรง” ลี่หลินนั่งชมการประมูลมาเนิ่นนาน และสังเกตว่ามีอยู่แค่สองห้องที่ยังแข่งขันกันอยู่
“อาจจะเป็นอย่างเจ้าว่า เพราะกฎของที่นี่ก็ไม่ได้ห้ามไว้"
“เทียนหรงนางต้องเป็นของข้า แต่ข้าจะประมูลนางเองนะท่านห้ามแทรกแซง”
“ข้าประมูลที่ยี่สิบหินปราณระดับสูง” เสียงหวานใสกังวานเอ่ยขึ้นมาจากชั้นสามของห้องที่ไม่มีใครรับรู้ว่ามีคนอยู่
แล้วเสียงเซ็งแซ่ฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้ง...
“บ้าไปแล้ว! หินปราณระดับสูงเช่นนั้นหรือ คงเป็นเรื่องโกหกแน่ ๆ แม่นางเจ้าจะพูดพล่อย ๆ ไม่ได้นะ หากเจ้าไม่มีหินปราณที่จะจ่ายเจ้าก็ต้องแพ้และโดนปรับ ข้าอยากให้หอประมูลตรวจสอบว่านางมีหินปราณจริงหรือไม่” เป็นเสียงของบุรุษคนหนึ่งที่พยายามจะประมูลเหยี่ยวเหมันต์ให้ได้
“ไม่จำเป็น หากท่านไม่มีหินปราณมากกว่าข้าก็จงหุบปากไปซะ!” เสียงของนางก็ไม่ใช่เบาทำเอาหลายคนที่คิดจะแย้งหุบปากฉับทันที
“.......” ทั้งโถงประมูลเงียบกริบ แต่ก็ยังมีเสียงสนทนาจากห้องพิเศษชั้นสามอีกห้อง
“ฮูหยินเจ้าถูกใจว่าที่ลูกสะใภ้ของเราหรือไม่”
“ถูกใจข้ามากท่านพี่ นี่สิถึงจะเหมาะกับเจ้ารอง” หยางจีตอบสามีมีด้วยใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม ต่อให้ลูกสะใภ้คนนี้จะเป็นแค่แม่ค้าแต่หากมีความเก่งกล้าเช่นนี้ นางก็ยินดีต้อนรับให้เป็นสะใภ้คนเล็กของตระกูลหลงอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น
“ว่ายังไงล่ะ ท่านจะประมูลต่อหรือไม่คุณชาย” ลี่หลินเอ่ยถามออกไปเพราะไม่เห็นมีใครเพิ่มราคาประมูลต่อจากนางสักคน
“หากเจ้าคิดว่ามีหินปราณพอจ่ายก็เอาไปสิ”
“พูดง่ายดีขอบใจ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นและเป็นพยานว่าข้าไม่ได้ประมูลเล่น ๆ เพียงแค่ลมปาก” ลี่หลินเอ่ยออกมาพร้อมกับเรียกหินปราณระดับสูงสีแดงเลือดเงาวาววับ ราว ๆ ยี่สิบเอ็ดก้อนออกมาจากแหวนมิติ หินปราณทั้งหมดถูกควบคุมด้วยพลังปราณแล้วส่งไปยังกลางเวที
“ส่วนเกินหนึ่งก้อนข้ายกให้ท่านผู้อาวุโสเก็บเอาไว้ใช้” นางชินกับการให้สินน้ำใจคนแบบนี้เป็นการให้ทิปน่ะ อิอิ
นางเป็นใครกันเสียงผู้คนต่างถามกันไปมาไม่หยุดปาก สตรีลึกลับที่ครอบครองหินปราณมากมายยังเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนที่อยู่ในงานประมูลครั้งนี้