พบครอบครัวว่าที่สามี

2288 Words
ก่อนจะพากันก้าวเท้าออกจากบ้านลี่หลินก็ถูกฝ่ามือใหญ่กระตุกเอาไว้ นางจึงเหลือบตาหันไปมองชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ข้างกาย แต่ก็ต้องพบกับสายตาอันคมกริบจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว “อาเทียนมองข้าทำไมหรือ” “เจ้าจะให้พี่ออกไปในสภาพนี้แน่นะอาหลิน” เขามั่นใจว่านางสามารถออกไปเอาชุดให้เขาได้ภายในพริบตาแต่นางกลับไม่ทำ ‘คงคิดจะกลั่นแกล้งสามีเล่นน่ะสิ ร้ายนักนะปีศาจน้อย’ “อ้อ...ท่านไม่ได้ชอบหรอกหรือ ร่างกายของท่านออกจะงดงามปานนั้น อวดนิดอวดหน่อยจะเป็นไรไป” นางพอใจที่ได้มองท่อนบนอันเปล่าเปลือยของของเขาแบบนี้นี่นา ให้นางมองทั้งวันก็ไม่มีเบื่อแน่นอน “อาหลินถึงร่างกายนี้จะงดงามเพียงใดพี่ก็อยากให้เจ้ามองได้แค่คนเดียว จะเผื่อแผ่ให้คนอื่นมองด้วยทำไมล่ะ” “งั้นก็กลับไปแต่งตัวกันใหม่แล้วกันนะ” พริบตาเดียวนางก็พาเขาออกมานอกมิติ จัดการเรื่องเสื้อผ้าเสร็จสรรพจากนั้นทั้งสองก็กลับเข้าไปในมิติอีกครั้งเพื่อสรรหาของฝากให้กับครอบครัวของว่าที่สามี และของที่พวกเขาจะได้รับจากว่าที่สะใภ้คนเล็กก็มีดังนี้... ท้ออัคคี,ท้อมรกตและท้อเหมันต์คนละสองผล,น้ำทิพย์มรกตคนละสิบหยด,โอสถตัดสวรรค์และเซียนคนละสองเม็ด ส่วนคุณหนูเล็กและพี่สะใภ้ใหญ่นางเพิ่มโอสถหลอมปราณจักรพรรดิให้คนละห้าเม็ด ลี่หลินแอบคิดว่าแค่นี้มันไม่น่าจะพอแต่เทียนหรงได้ปรามนางเอาไว้ เพราะที่เตรียมมามันก็มากเกินไปจริง ๆ สิ่งของที่นางจะมอบให้แต่ละอย่างใช่ว่ามีเงินแล้วจะหาซื้อได้ที่ไหนกัน... “อาเทียนมันพอแน่หรือ ข้าว่ามันยังน้อยไปนะ” “มันมากเกินไปต่างหากล่ะ แค่ผลไม้วิเศษผลเดียวก็ทำให้ทุกคนก็พอใจแล้ว ดูสิ เจ้าเล่นขนออกมาแทบจะทุกอย่างที่มีให้พวกเขาเลยนะ แล้วยังโอสถพวกนั้นอีก เจ้าคงไม่ได้หลอมเองใช่หรือไม่” หากว่าใช่อย่างที่เขาคิดนางก็คงจะเก่งกาจมากเกินไปแล้ว “อ้อ โอสถพวกนี้น่ะหรือข้าฝึกหลอมตอนช่วงพักจากการฝึกปราณน่ะ ยังมีอีกเยอะเลยนะแล้วข้าจะมอบให้ท่านทีหลังเอาไว้หลังแต่งงานแล้วข้าจะพาท่านเข้ามาฝึกในมิติด้วยกันดีหรือไม่แล้วเราจะตัดผ่านปราณเซียนไปพร้อมกัน” ‘โอสถตัดสวรรค์และโอสถตัดเซียน นางบอกแค่ฝึกหลอม ความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วนเนี่ยนะ ภรรยาข้าเจ้าเป็นปีศาจชัดๆ’ “อาเทียนทำไมเงียบไป ตะลึงในความเก่งกาจของข้าหรือ” “ปีศาจน้อยของพี่เจ้าจะเก่งเกินไปแล้ว พี่จะไม่ให้เจ้ารอนานหรอกนะ เราจะต้องตัดผ่านปราณเซียนพร้อมกันให้ได้ พี่ว่าเราควรออกไปได้แล้ว พี่สั่งให้คนนำชุดใหม่มาไว้ให้เจ้าด้วยหวังอย่างยิ่งว่าจะถูกใจเจ้า” “อือ” นางตอบเขาสั้น แล้วหันไปหาอสูรสองตน “ต้าฝูกับไป๋ไป๋ พวกท่านไม่ออกไปกับข้าแน่หรือ อากาศที่หุบเขามังกรก็ไม่เลวเลยนะ ข้าคิดว่าพวกท่านอาจจะชอบที่นั่น” “นายหญิงกับนายท่านไปก่อนเถอะขอรับ รอให้ไป๋ไป๋หายดีแล้วข้าจะพานางออกไปเอง ตอนนี้นางอยากจะตัดผ่านปราณเซียนให้ได้เสียก่อนน่ะขอรับ” . “โอ้..ไป๋ไป๋ของของข้าเก่งจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นของในมิติข้าอนุญาตให้ไป๋ไป๋และท่านใช้ได้ตามต้องการ แล้วนี่ของโปรดท่านข้านำมันมาจากตู้มิติของศิษย์พี่จวินเลยนะ” ตอนนี้ซาชิมิจิ้มกับวาซาบิ ได้กลายเป็นอาหารที่โปรดปรานของพ่อเหยี่ยวตนนี้ไปแล้ว หึ ๆ หวังว่าเขาคงจะไม่ส่งเสียงซี๊ดซ๊าดตอนกินวาซาบิให้ไป๋ไป๋ได้ยินหรอกนะ. เรือนวายุ... “อาเทียน..นี่มันสีชมพู” “ใช่สีชมพูเจ้าน่าจะชอบ ห้องของเจ้าที่เรือนไม้กลางหุบเขาหมื่นวิญญาณนั่น เสี่ยวจวินก็เป็นคนบอกให้ข้าตกแต่งเป็นสีชมพูทั้งหมด หรือว่าจริง ๆ แล้วอาหลินของข้าไม่ได้ชอบสีชมพู” เสี่ยว จวินสหายตัวน้อยเคยบอกเขาเช่นนั้นนี่นา และยังขอให้เขามาช่วยตกแต่งห้องไว้รอใครบางคนที่จะมาในเร็ววันนี้ ที่แท้คนคนนั้นก็คืออาหลินของเขานี่เองไม่อยากจะเชื่อเลย “ข้าไม่ชอบเลยสักนิด อาเทียนท่านอย่าเสียใจนะหากว่าข้าไม่สวมชุดนี้น่ะ ข้าจะเก็บไว้ให้กับลูกสาวของเรานางชอบสีชมพูที่สุด ข้าว่าศิษย์พี่คงจะจำบางอย่างสับสนกระมัง” “พี่ไม่ได้เสียใจเลยแค่เรื่องเล็กน้อย อาหลินจะสวมใส่อะไรก็งามทั้งนั้นแหละ” ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง แทนน้อยของเขาชอบสีชมพูหรอกหรือนี่ “อืม..ท่านรอประเดี๋ยวนะข้าจะรีบทำเวลา” ที่เรือนหลักของหุบเขามังกร... ในที่สุดการรอคอยของพวกเขาก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีผู้งดงามได้เดินเข้ามาในโถงของจวนหลัก ซึ่งมีแค่คนในครอบครัวหลงเท่านั้นที่อยู่ด้านในส่วนผู้อาวุโสทั้งหลายแม้แต่บ่าวรับใช้ก็ยังถูกกีดกันออกไปจากบริเวณนี้ ช่างน่าหงุดหงิดนักพวกเขาก็อยากจะเห็นหน้าผู้ที่จะมาเป็นสะใภ้เล็กของตระกูลหลงเหมือนกันนะทำไมท่านประมุขถึงได้ใจร้ายอย่างนี้ “พวกเขามาแล้วท่านพ่อ” เทียนเฟยเรียกบิดาเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามากับหญิงงาม จากนั้นก็สะกิดภรรยา “ดูสิช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก เจ้าคิดเหมือนพี่มั้ยลู่เออร์” “นางงดงามมากขอรับ ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างสรรค์ปั้นแต่งจริง ๆ” “ลู่เออร์เจ้าห้ามอิจฉาพวกเขาเชียว เพราะเจ้าก็คือคู่สวรรค์สร้างสรรค์ปั้นแต่งของพี่เช่นกัน” “คิก ๆ ท่านพี่นี่ ยอมแพ้เขาสักเรื่องจะเป็นไรไป” “เรื่องอื่นพี่พอยอมได้แต่เรื่องความรักที่มีให้เจ้าพี่ไม่ยอมน้อยหน้าใครแน่” “ชิ..น้ำเน่าอีกแล้ว” เหยียนลู่ว่าให้สามี แต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา เมื่อเทียนหรงและลี่หลินได้ก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับท่านผู้นำของตระกูล ทั้งสองต่างจับจูงมือกันพร้อมกับคุกเข่าลงเบื้องหน้าของผู้เป็นบิดาและมารดา “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าพาอาหลินมาคารวะท่านทั้งสองและมาขออภัยต่อพวกท่านที่ได้ทำเรื่องไม่งามก่อนที่จะมีงานแต่ง ได้โปรดอภัยให้กับเราทั้งสองด้วยขอรับ” “เจ้ารู้ตัวด้วยรึเจ้ารองว่ามันไม่งาม” ท่านเจ้าครองแคว้นพยายามอย่างหนักที่จะกดเสียงเพื่อข่มขวัญและให้ดูดุดันน่าเกรงขามต่อหน้าเจ้าลูกชายตัวดีคนนี้ “ท่านประมุขหลง ฮูหยินหลงเป็นข้าน้อยเองที่เริ่มเรื่องทั้งหมด ได้โปรดอย่าโกรธเคืองอาเทียนเลยเจ้าค่ะ เป็นข้าที่ทำให้ตระกูลหลงขายหน้ายิ่งแล้ว ข้าน้อยไป๋ลี่หลินยินดีรับบทลงโทษเจ้าค่ะ” ก่อนที่ไป๋ลี่หลินจะโขกศีรษะลงถึงพื้นมือบางของสตรีผู้เป็นแม่ของว่าที่สามีก็ได้หยุดนางเอาไว้และประคองให้นางลุกขึ้น “เจ้าอย่าทำเช่นนี้เลย ลุกขึ้นเถิด อาเทียนเจ้าก็ลุกขึ้นด้วย” “ขอบคุณขอรับ/ขอบคุณเจ้าค่ะ” “ท่านพี่ก็หยุดกลั่นแกล้งลูกได้แล้ว ไป๋ลี่หลินนามนี้ช่างคุ้นหูยิ่งนักท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่ท่านพี่ ไป๋ลู่เค่อ ไป๋จวิน ไป๋ลี่หลิน...ตระกูลไป๋เช่นนั้นหรือ เป็นตระกูลที่ลึกลับจริง ๆ ไปก็ลึกลับมาก็ลึกลับ ไม่เคยมีใครหาข่าวของตระกูลไป๋ได้สักคน” “ท่านประมุขหลง ฮูหยินหลง ไป๋ลี่หลินคนนั้นก็คือตัวข้าเองเจ้าค่ะ” “ท่านประมุขและฮูหยินอะไรกัน เจ้าควรเรียกท่านพ่อและท่านแม่ถึงจะถูกต้อง ภายในเดือนนี้พ่อกับแม่จะจัดงานแต่งให้กับพวกเจ้า ส่วนฤกษ์งามยามดีนั้นแม่ของเจ้าจะจัดการเอง ขอแค่เวลาตกฟากก็พออย่างอื่นไม่จำเป็น พวกเจ้าพร้อมแล้วใช่หรือไม่” “แต่ข้าไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยนะเจ้าคะ” “ไม่เห็นจะเป็นไรเรื่องนั้นหาใช่สิ่งสำคัญไม่ จะมีใครมาว่าตระกูลหลงได้เล่า ขอแค่พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมก็พอ” เมื่อท่านประมุขเป็นผู้กล่าวออกมาแบบนี้ลี่หลินจึงไม่ได้มีคำโต้แย้งใด ๆ อีก “ลูกพร้อมขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่” หัวใจของลี่หลินแทบจะหยุดเต้นความกังวลทั้งหลายมลายหายไปจนหมดสิ้น พวกเขาไม่ได้เป็นดั่งที่นางคิดไว้ ที่เคยรับรู้จากผู้คนหลายตระกูลแม้แต่ในนิยายและซีรี่ย์ที่เคยดูมา มันไม่ได้ง่ายเลยที่จะก้าวผ่านประเพณีและความเคร่งครัดของครอบครัวว่าที่สามีได้ง่ายดายเช่นนี้ นี่นางมาอยู่โลกแบบไหนกันหรือว่าแค่คนแซ่หลงเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ “ท่านพ่อท่านแม่และทุกคน ข้าอยากจะมอบของขวัญการพบหน้าครั้งแรกให้กับพวกท่าน หวังอย่างยิ่งว่าทุกคนจะพอใจเจ้าค่ะ” พอนางกล่าวจบหีบหยกเนื้อดีขนาดเล็กหลายใบก็ลอยล่องออกมาจากแหวนมิติ นางจัดแจงหยิบให้ทุกคนจนครบแม้แต่พ่อบ้านเฉียนที่ดูเหมือนจะถูกลืมก็ยังได้รับอานิสงส์ไปด้วย “ท่านพ่อ ท่านแม่ จะไม่ลองเปิดดูหน่อยหรือขอรับ” เทียนหรงอยากจะเห็นสีหน้าและท่าทางของพวกเขาจะแย่เวลาเห็นของฝากจากอาหลิน อยากรู้นักว่าพวกท่านจะทำหน้าอย่างไร หึ ๆ “เจ้ามีของฝากให้กับทุกคน แต่แม่กับพ่อกลับไม่มีของรับขวัญให้เจ้าเลย เพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าเจ้า อาเทียนก็เหลือเกินบอกแม่ปุบปับแบบนี้ใครเล่าจะหาของขวัญได้ทัน” “ท่านแม่อย่าได้กังวลใจเลยเจ้าค่ะ ข้าหาใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แค่ท่านทั้งสองอภัยในสิ่งที่เราสองคนได้กระทำลงไปก็ดียิ่งแล้วเจ้าค่ะ” “ท่านพี่ดูลูกสะใภ้ของเราแต่ละคนสิช่างน่ารักเหลือเกิน ท่านคิดเหมือนข้าไหม ท่านพี่..เงียบทำไมเจ้าคะ เป็นอะไรไปหรือ” “อืม...” ก็จะให้เขาพูดอะไรล่ะทุกสิ่งทุกอย่างนางได้พูดไปหมดแล้วนี่ เขาไม่ได้รู้สึกน้อยใจเลยนะสาบานได้ “เปิดของขวัญสักทีสิขอรับ” เทียนหรงยังคงคะยั้นคะยอ บิดาและมารดาของตนอยู่อย่างนั้น “เอ๊ะเจ้ารองนี่ ไว้พวกเราค่อยไปเปิดดูที่เรือนของตัวเองก็ได้ จะมาเคี่ยวเข็ญแม่ทำไมนักหนา” “เอ่อ..ทุกคน ข้าคิดว่าน้องสะใภ้คงจะหิวแล้วกระมัง เราไปทานข้าวกันก่อนดีหรือไม่ขอรับ” ในที่สุดคุณชายลู่ก็ได้มีโอกาสชวนทุกคนไปยังโต๊ะอาหารได้เสียที “น้องสะใภ้ ข้ามีนามว่าเหยียนลู่ยินดีที่ได้พบเจ้า” “เป็นคุณชายหรอกหรือเจ้าคะ เอ่อ..ข้าขออภัยข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ เพียงแต่ท่าน..เอ่อ พี่สะใภ้ดูงดงามยิ่งนักจนข้าคิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นบุรุษ” “คิก ๆ น้องสะใภ้อย่าคิดมากเลย ครั้งแรกที่ทุกคนเห็นข้าก็คิดแบบเจ้านี่แหละ ไปทานข้าวกันเถอะวันนี้ข้าลงครัวเองหวังว่าน้องสะใภ้จะชอบนะ” ก่อนที่ทุกคนจะพากันมายังห้องอาหารพวกเขาต่างก็ได้แนะนำตัวและทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงได้พากันย้ายมายังห้องอาหารซึ่งเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายที่ลี่หลินเองก็คุ้นเคยดี “พี่สะใภ้อาหารพวกนี้อาจจะดูแปลกตาสำหรับท่านแต่อันอันรับรองว่าอร่อยแน่นอนเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่ตั้งใจมากเลยนะเจ้าคะ” อันอันนำเสนอขึ้นมาบ้าง “คุณชายลู่ เอ่อ..พี่สะใภ้ทำเองหรือเจ้าคะ” ต้องใช่แน่ ๆ ไม่ใช่แค่นางหรือศิษย์พี่แม้แต่คุณชายลู่ก็มาจากโลกใบเดียวกันกับนางแน่นอนช่างน่าประหลาดนักโลกใบนี้ สักวันเถอะนางจะต้องหาเวลาคุยกับคุณชายลู่คนนี้ให้ได้ ให้รู้กันไปเลยว่าเขามาจากไหนกันแน่ แต่เท่าที่ดูจากอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ก็คงหนีไม่พ้นประเทศไทยแน่นอน “อืม..เจ้าชอบหรือไม่ล่ะ ข้าทำสุดฝีมือเพื่อเจ้าเลยนะ” “ที่จริงข้าก็ชอบหมดทุกอย่างเลยนะเจ้าคะ แต่ที่ชอบสุด ๆ คืออาหารรสจัดจ้านแซ่บ ๆ เจ้าค่ะ” ‘แซ่บ ๆ อย่างนั้นหรือ’ ฮ่า ๆ ๆ ๆ นางเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ด้วยพระเจ้า! ที่แท้ก็คนบ้านเดียวกันหรอกหรือนี่ เหยียนลู่ทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้พานพบกับคนที่มาจากโลกใบนั้นเหมือนเขา ทั้งนางยังจะมาเป็นน้องสะใภ้ของเขาอีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD