“แกจะไปจริง ๆ หรือขิง” ต้องถามเพื่อนรุ่นน้องอย่างขิงเมื่อเธอได้ยินในสิ่งที่ขิงตัดสินใจจะทำ
“ใช่ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปเที่ยวกับเขาตามคำชวน” ขิงตอบกลับไป
เธอนึกถึงผู้ชายหน้าตาดีหล่อเข้มขนคิ้วดกดำคนนั้นชื่อเล่นว่าหิน ชื่อจริงว่า ลายศิลา เขาออกจะดูแต่งตัวเชยไปสักหน่อยในสายตาของเธอ ชายหนุ่มเคยเป็นคู่ควงเก่าของพราวพิศ สาวสวยดาวเด่นในที่ทำงาน ผู้ชายต่างจ้องขายขนมจีบ
“แกจะบ้าไปแล้วหรือแค่เพื่อจะประชดนายฮัทนี่นะ” ต้องพูดแย้งออกมาไม่เห็นด้วย กับความคิดของเธอ
“เออสิ ฉันเกลียดทั้งฮัท ไอ้คนทุเรศ ๆ นั้น แล้วก็ยายผู้หญิงอกโตด้วยดันทรง วัน ๆ ได้แต่แต่งโป๊โฉบโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ที” ขิงพูดไปด้วยอารมณ์เธอยิ้มหยันที่มุมปาก
“เธอโกรธที่ยายพราวฟาดฮัทของเธอไปใช่ไหม”
ต้องถามคำถามจี้ใจดำขิงเป็นที่สุด ฮัทคนรักที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มเป็นคนทันสมัยแต่งตัวเนี้ยบ รูปร่างดีหน้าตาหล่อเลือกได้ เธอไว้ใจเขาทุกอย่างและรักเขามาก มีสิ่งเดียวที่เธอยังไม่เคยตกลงใจจะให้กับเขาคือนอนด้วยเท่านั้น
เพียงมาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงสี่เดือนเจอลูกออดอ้อนของยายพราวพิศเข้าไป ฮัทถึงกับมาบอกเลิกเธอ และหันไปคบกันแบบออกหน้าออกตา ยังไม่พอเขายังย้ายไปอยู่คอนโดด้วยกันอีกด้วย
ขิงเหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง ทำให้เธอแทบเสียสติ แต่ยังดีมีเพื่อนร่วมงานที่แสนดีอย่างต้องคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
เธอยังคงต้องทนทำงานที่นี่ ทนมองเห็นหน้าสองคนนั้นทุกวัน แต่จะทำยังไงได้ เงินเดือนมากขนาดนี้จะหาได้ที่ไหนอีกแล้ว เธอก็ทำงานที่นี่มาตั้งสามปีแล้ว โบนัสก้อนโตที่กำลังจะได้รับเมื่อทำงานครบสี่ปี
“โบนัสตั้งหกเดือนเชียวนะไม่มีทางซะหรอก” เธอมักพูดให้กำลังใจตัวเองแบบนี้เสมอ
ขิงเธอเข้าใจผิดคิดว่า หินก็คงอกหักเหมือนเธอ เธอเองก็เข้าใจความรู้สึกของหินที่โดนทิ้งเหมือนเช่นเธอ เขาคงรู้สึกไม่ต่างกับเธอเท่าไหร่
เมื่อเธอโดนทิ้งคำปลอบใจของต้องเพื่อนรักใช้ได้ดีทีเดียว ทำให้เธอต้องปรับเปลี่ยนตัวเองและเริ่มทำใจได้บ้าง สิ่งเดียวที่ขิงคิดว่าจะทำให้เธอดีมากขึ้น คือ การหาใครสักคนมาควงแก้หน้าหรือหาแฟนใหม่ในทันที
เป้าหมายในที่ทำงานแห่งนี้น่ะเหรอ ก็ไม่มีใครที่เข้าตาเอาเสียเลย คนหน้าตาดีก็มีคู่หรือแต่งงานไปหมดแล้ว เหลือแต่คนแก่ที่ชอบทำนิสัยหมาหยอกไก่กับเธอไปวันๆ ก็เท่านั้น
“เขาชวนไปเที่ยวที่บ้านเขานะ แหมคนก็ต้องเยอะแหละแก ฉันอยากจะไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้สักพัก ดีนะที่พี่ปั๋งเซ็นอนุมัติให้ฉันลาพักร้อนได้ ฉันสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด” เธอบอกแล้วหันไปจับมือกับต้องไว้แน่นเหมือนเป็นสัญญา
ต้องชี้ไปที่ท้องของเธอที่กำลังป่องได้หกเดือน แล้วพูดออกมาอย่างเซ็ง ๆ ว่า
“แกเห็น นี่ไหม นี่ไงผลงานของความไว้ใจ เป็นไงฉันต้องมานั่งท้องโย้อยู่เนี่ย”
“อะไรกันจ๊ะสาว ๆ ใครบ่นถึงพี่เนี่ย จามไม่หยุดเลย ฮัดชิ้ว” พี่ปั๋งดังมาแต่ไกล เขาเป็นผู้จัดการของออฟฟิศนี้ ปั๋งเดินเข้ามาหาสองสาว เขาคือผู้ที่ทำให้ต้องท้องโต สองสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“ตายยากจริง ๆ” ต้องอุทานออกมา ก่อนจะหันไปยิ้มให้เขา
ขิงจึงขอตัวหิ้วกระเป๋าขึ้นสะพายบนไหล่ ยกมือไหว้ปั๋งแล้วเอ่ยคำลา
“กลับก่อนนะคะ อีกสิบสองวันค่อยเจอกันนะต้อง” ต้องยกมือโบกลาขิง แล้วเธอก็หันไป ปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน ก่อนที่จะหิ้วกระเป๋าคล้องแขนสามีเดินตามขิงออกมาเพื่อกลับบ้านเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ขิงกลับมาถึงห้องพักก็เก็บของใส่กระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะไปพักผ่อน ขิงพับเสื้อผ้าไปให้พอกับที่ลาพักร้อนสิบสองวัน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายไหล่ก็ดังขึ้น
กริ้ง...
“คุณขิงครับรถผมจอดอยู่ด้านล่างแล้วนะครับ” หินเอ่ยเมื่อขิงรับสาย
“ค่ะรอแป๊บนะคะ ไม่เกินสิบนาที เดี๋ยวขิงลงไปค่ะ” เมื่อวางสาย เธอก็รีบยกกระเป๋าออกมาตั้งข้างนอก ก่อนจะเดินไปปลดคัตเอาต์ลง
ไปตั้งสิบกว่าวันปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เธอบอกตัวเองก่อนจะหันมากดล็อกกุญแจ ยกกระเป๋าเดินลงลิฟต์มาทันที
เมื่อขิงเดินออกมาจากคอนโด ก็เห็นหินยืนพิงประตูรถเก๋งคันใหม่ป้ายแดงรุ่นล่าสุดของเลกซัส เธอทำหน้างงระคนแปลกใจ วันนี้เขาแต่งตัวดูง่าย ๆ มาในเสื้อยืดสีขาวคอวีและกางเกงชิโนสีเรียบ ๆ เสื้อผ้าเขาดูดีมีราคามาก
เฮ้ยดูแปลกตาดีนะวันนี้ แล้วเอารถใครมาขับน่ะ เห็นทุกทีมาในเสื้อเชิ้ตเก่า ๆ ดู เชย ๆ แถมยังขับรถกระป๋องมาทำงานอีก เธอนึกถึงรถมิตซูบิชิแชมป์สีเทาที่ตัวถังผุๆ คันนั้นไม่ได้ จะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ก็ยังไม่กล้ากลัวตัวถังหรือสีจะตกใส่
เขายกไม้ยกมือโบกให้เธอ ก่อนที่จะเดินเข้ามารับเอากระเป๋าในมือเธอไปถือ
“ผมยกกระเป๋าให้ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนโยน ก่อนจะเดินนำเธอมาที่รถ เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่ง แล้วเดินอ้อมไปเปิดกระโปรงหลังยกกระเป๋าขึ้นรถให้
“คุณขิงทานอะไรมาหรือยังครับ” เขาถาม และเคลื่อนรถออกมาจากคอนโด
“ปกติขิงไม่ทานมื้อเย็นค่ะ” เธอบอกเขา ความรู้สึกตอนนี้ยังแปลก ๆ เพราะเธอกับเขาเพิ่งจะคุยกันได้ไม่ถึงสิบวันและพูดนับคำได้ เขาเข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงหกเดือน และอยู่คนละแผนกกับเธอด้วย เธอยังสงสัยว่าเขาลางานได้จำนวนวันเท่าเธอได้อย่างไรกัน เพราะเธอทำมาตั้งสามปีกว่าจะได้พักร้อนสิบสองวัน แต่ก็ได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ
“จากนี้ไปถึงปราณบุรีกี่ชั่วโมงคะ” คำถามแรกที่เธอถามเขาออกไป
“น่าจะไม่เกินสามชั่วโมงครึ่ง ถ้าคุณขิงเหนื่อยก็นอนหลับไปก่อนก็ได้นะครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงอาทรและเป็นมิตร เธอได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้
ในหัวสมองตอนนี้นึกถึงวันที่เธอได้ตกปากรับคำชวนของเขา เพราะวันนั้นที่ห้องเบรกพักกลางวันของพนักงานบนชั้นของเธอ มีฮัทแฟนเก่ามานั่งจิบกาแฟอยู่ด้วย ด้วยอารมณ์โมโหและอยากประชดเขาจึงรับคำของคุณหินไป ขิงตอบตกลงรับปากเขาไปแบบง่าย ๆ และเธอยิ่งรู้สึกสะใจเมื่อเห็นสายตาของฮัทที่ส่งสายตามายังเธอ
แต่เมื่อมานั่งทบทวนในวันหลังว่าจะปฏิเสธหินอย่างไร เธอก็กลัวเสียคำพูด อีกอย่าง เธอนึกคำพูดที่จะปฏิเสธเขาไม่ออกเลยจริง ๆ เมื่อเห็นหน้าของหินแล้ว
ชายหนุ่มเหลือบมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นึกถึงวันที่ฝนตกหนัก เขาขับรถกระป๋องร้าย ๆ ออกมาจากออฟฟิศ ฝนตกหนักทำให้เขาต้องขับรถช้า ๆ เพราะที่ปัดน้ำฝนก็เริ่มจะไปแล้ว เขาเห็นขิงดึงฉุดกระชากลากถูกันกับฮัทที่ป้ายรถเมล์ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถูกเธอสะบัดมือไปที่หน้าของเขาอย่างแรงจนหน้าหัน ชายหนุ่มหุนหันกลับไปขึ้นรถของตัวเองที่จอดอยู่แล้วขับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ขิงทรุดตัวนั่งที่ป้ายรถเมล์ตัวเปียกโชก ร้องไห้ตัวโยน เขาได้แต่จอดรถมองดูเธออยู่ห่าง ๆ รอจนเธอก้าวขึ้นรถเมล์ เขาจึงได้ออกรถกลับบ้านไป
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็พยายามเข้ามาพูดคุยกับเธอ และพอเธอพูดถึงวันพักร้อน เขาจึงเอ่ยชวนเธอมาเที่ยวด้วยกัน
เธอทอดสายตามองออกไปที่นอกหน้าต่าง ก่อนจะเอนเบาะหลับตาลง เขาแอบมอง เธอเห็นขนตายาวเป็นแพ การที่เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ และทาด้วยลิปกลอสสีบางเบา ก็น่ามองไปอีก
ไม่เหมือนพราวพิศที่แต่งตัวแต่งหน้ายั่วยวนเห็นแล้วเข็ดฟันกับสีปากที่แดงแจ๊ดนั้น ทุกคนในที่ทำงานต่างคิดว่าเขาคงได้แอ้มเธอแล้วแน่ ๆ เพราะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ พราวพิศแทบจะเอาร่างกายมาเกยกับเขาตลอดเวลาที่นั่งใกล้ ๆ และที่พราวพิศหันไปสนใจฮัท เพราะฮัททำท่าสนใจตอบ และฮัทก็คงสนองตอบด้วย
แต่สำหรับหิน พราวพิศเธอไม่ใช่สเปกเพราะมีผู้หญิงแบบนี้เข้ามาในชีวิตของเขามากพออยู่แล้ว
หินไปแอบสืบมาว่าขิงกับฮัททั้งสองคนเป็นแฟนกันตั้งเจ็ดปี คงจะไปถึงขั้นไหนต่อไหนกันแล้วแน่ ๆ แต่พอแฟนมาเจอคนที่แปลกใหม่เสียขนาดนั้น คงทนไม่ได้เพราะรสชาติใหม่ ๆ คงจะมันกว่าเห็น ๆ
“เฮ้อ” เขาถอนหายใจออกมานึกสงสารเธอไม่น้อย
“ใกล้จะถึงแล้วนะครับคุณขิง คุณจะเอาอะไรไหมครับ” เขาเอ่ยถามเธอเมื่อแวะเติมน้ำมันก่อนที่จะจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อในปั๊มในเขตปราณบุรี
เธองัวเงียตื่นขึ้นขยี้ตาก่อนจะเอนเบาะขึ้นนั่งหลังตรง
“ค่ะ เดี๋ยวขิงขอซื้อของสักสองสามอย่างนะคะ”
เธอบอกเขาก่อนที่จะก้าวลงจากรถ เขาเห็นเธอเดินเข้าไปในร้านขายยา ก่อนที่เขาจะดับเครื่องยนต์และเดินลงไปเข้าร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ ๆ กัน
“ฉันว่าแกน่าจะซื้อยาคุมฉุกเฉินไปด้วยนะ” เสียงต้องยังก้องกังวานอยู่ในหู
“แกจะบ้าเหรอใครจะมาทำอะไรฉัน” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ
“แกอยากจะเป็นเหมือนฉันใช่ไหม นี่ดีนะที่พี่ปั๋งเขารักฉันและรับผิดชอบ แต่แกไว้ใจไอ้หน้าจืดนั่นเหรอ ผู้ชายนะแกคลำ ๆ ไม่มีหางมันก็จับเสียบทั้งนั้นแหละ” เธอให้เหตุผลเพราะเจอกับตัวเองมาแล้ว
ขิงมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นใครอยู่ข้างหลัง มีเธอและเภสัชกรที่เป็นผู้หญิงอยู่ในร้านเท่านั้นจึงบอกออกไป
“สวัสดีค่ะต้องการยาแบบไหนคะ” เภสัชกรเอ่ยถามลูกค้าสาวเมื่อเห็นเธอผลักประตูเข้ามา
“อยากได้ยาคุมฉุกเฉินน่ะค่ะ” เธอพูดออกไปแล้วหน้าแดงร้อนออกผ่าว นึกอายเภสัชกรหญิงคนนั้นเหมือนกัน เภสัชฯ ไม่พูดอะไรหันไปหยิบยาที่วางอยู่ด้านหลังมาแนะนำวิธีกิน แล้วยังให้เธอซื้อยาคุมแบบยี่สิบแปดเม็ดมาด้วยอีกหนึ่งแผง ขิงรีบจ่ายเงินและหยิบยาใส่ในกระเป๋าสะพายอย่างรวดเร็ว
ฉันนี้ท่าจะบ้าไปจริง ๆ กันไว้ดีกว่าแก้ที่หลังนะยายขิง เหมือนยายต้องว่าดีกว่า เธอคุยกับตัวเอง
เธอเข้าไปซื้อของใช้ในร้านสะดวกซื้อ ขิงเห็นหลังหินไว ๆ ว่าเขากำลังเลือกดูและหยิบถุงยางอนามัยอยู่ เธอจึงแกล้งเลือกของใช้นานมาก และเห็นเขาเลือกซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขวดที่วางอยู่บนชั้นด้านหลังพนักงาน เธอรอจนเขาจ่ายเงินเสร็จแล้วเดินออกไป
“เฮ้ย... ต้องระวังตัวเยอะ ๆ แล้วไอ้ขิงเอ๊ย” หญิงสาวเตือนตัวเอง