ฉู่หยางกลับมานอนที่เตียงด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย ในตอนแรกเขาบอกเธอว่าจะดูแลแบบน้องสาว แต่ตอนนี้กลับมีความคิดในเรื่องอย่างว่ากับอีกฝ่ายขึ้นมา ชายหนุ่มจึงค่อนข้างรู้สึกผิดกับเธอในเรื่องนี้
แน่นอนว่าเขานั้นเป็นผู้ชายย่อมมีอารมณ์ทางเพศ แต่โดยปกติหลังจากออกกำลังกายในยามเช้าและฝึกพลทหาร เขาก็ไม่มีแรงเหลือไปคิดเรื่องนั้นอีก
อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้ เขาต้องไปทำเรื่องหลายอย่างจึงขาดออกกำลังกายมาหลายวัน จึงทำให้มีแรงเหลือเฟือจนคิดฟุ้งซ่าน
ฉู่หยางสะบัดหัวพยายามดึงสติของตัวเองกลับมาไม่ให้คิดเลยเถิดไปไกล!
ไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เป้ากางเกงของชายหนุ่มก็รู้สึกเปียก ๆ
เมื่อคืนเขาแค่ฝันว่าได้จับมือจางหนิงเท่านั้นเองนะ!
“แม่ง...นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว!” ฉู่หยางถึงกับสบถออกมา…เขาคิดว่าตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!
……
ตึง! ตึง! ตึง!
ในเวลาตีห้าครึ่ง จางหนิงถูกปลุกโดยเสียงเคาะประตูอย่างแรงของฉู่หยาง "จางหนิงตื่นได้แล้ว"
เธอลุกขึ้นมาจากที่นอนและพบว่าตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างดี หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้เรียกเธอ แต่ก็รีบเดินไปเปิดประตูให้เขา “พี่หยางมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พวกเราต้องออกไปวิ่ง” ฉู่หยางตอบเสียงเรียบ
จางหนิงส่ายหน้า “ฉันไม่ไปหรอกค่ะ พี่หยางไปคนเดียวเถอะ"
"ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป ควรจะออกกำลังกายใช้แรงเสียบ้าง" เขาพูดเสียงเข้มและยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปตรงหน้าของอีกฝ่าย "นี่คือแผนการออกกำลังกายของเธอ"
บนกระดาษอัดแน่นไปด้วยตัวอักษร เป็นตารางการออกกำลังกายของเธอในเดือนนี้ยาวไปจนถึงอีกหกเดือนข้างหน้า
นอกจากการวิ่งแล้ว ยังมีวิดพื้น กระโดดตบ และวิธีการออกกำลังกายอีกมากมาย โดยเริ่มจากง่าย ๆ ไปสู่ขั้นยาก ๆ
จางหนิงไม่คาดคิดว่าเมื่อคืนนี้ อีกฝ่ายยังมีท่าทีแบบนั้นให้เธอ แต่พอตอนเช้าทุกอย่างกลับตาลปัตร เขาทำเช่นนี้เหมือนเห็นเธอเป็นทหารหญิงใต้บังคับบัญชาของตัวเองเลยนะ!
“ฉันไม่อยากฝึกเลยค่ะ ยังง่วงอยู่เลย... ถ้าฉันนอนไม่พอก็สุขภาพไม่แข็งแรงได้นะคะ” เธอส่งแผ่นกระดาษคืนให้กับเขา
“ให้เวลาสิบนาที รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดตามตัวเองให้เรียบร้อย ถ้าไม่ทำตามพี่ไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ฉู่หยางพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
"ทราบแล้วค่ะ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้" จางหนิงรู้สึกได้ถึงความกดดันจากตัวของอีกฝ่าย หญิงสาวรู้สึกเหมือนลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด เธอย่นคอลงเล็กน้อยก่อนจะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าแปรงฟัน
ฉู่หยางออกมารออยู่นอกบ้าน เขาก้มมองดูนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ตอนนี้เป็นเวลาตี่ห้าสี่สิบ โดยปกติเขาจะตื่นตีสี่ครึ่ง ให้เวลานอนเธอเพิ่มหนึ่งชั่วโมง ถือว่าเขาใจดีมากแล้ว
เมื่อเห็นว่าจางหนิงเดินออกมาชายหนุ่มก็ล็อคประตูบ้านและพาเธอไปยืดเหยียดกล้ามเนื้อผ่อนคลายร่างกายเสียก่อน หลังจากนั้นเขาก็ออกวิ่งนำไปข้างหน้า หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิ่งตามให้ทัน
“วันนี้ไม่ต้องหักโหมมาก เธอวิ่งจากตรงนี้ไปถึงหาดทรายด้านโน้นก็พอ”
จางหนิงเห็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลก็อดไม่ได้ที่จะต่อรอง "มันไกลเกินไป วิ่งถึงแค่ต้นไม้นี้ได้ไหมคะ"
“ไม่ได้” ฉู่หยางไม่ยอมประนีประนอม
จางหนิงทำหน้าบูดบึ้ง เธอคิดผิดหรือเปล่านะ…ที่ตัดสินใจจะเกาะติดผู้ชายคนนี้!
หญิงสาวพยายามวิ่งอย่างช้า ๆ เพื่อถ่วงเวลา แต่เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าฉู่หยางหักกิ่งไม้จากข้างทางมาถือไว้ในมือและวิ่งตามเธอมาเรื่อย ๆ หญิงสาวก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เขาช่างเป็นนายทหารที่ดุร้ายโหดเหี้ยมเสียจริง ๆ !
จางหนิงอยากจะร้องไห้ออกมา เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับเป็นวัวที่ถ้าเดินช้าก็จะถูกเฆี่ยนด้วยไม้!
เมื่อใกล้ถึงเส้นชัย ฉู่หยางก็โยนไม้ทิ้งและวิ่งนำหน้าเธอ "เร็วเข้า…เกือบจะถึงเส้นชัยแล้ว"
จางหนิงมองไปข้างหน้าด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า เธอไม่มีแรงแม้แต่จะพูดตอบโต้กับเขา
ฉู่หยางวิ่งถอยหลังมาประกบข้างเธอ เขามองดูหยาดเหงื่อบนหน้าผากของอีกฝ่ายและริมฝีปากเล็ก ๆ ที่เผยอขึ้นเพราะต้องการอากาศหายใจ ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะคอแห้งเล็กน้อย เขารีบหันหน้าหนีก่อนจะวิ่งนำหน้าไปรออยู่ที่ชายหาด
ท้ายที่สุดจางหนิงก็วิ่งมาถึงจุดหมาย เธอจับเข่าของตัวเองด้วยมือทั้งสอง หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งก่อนจะหันไปพูดกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ "ฉันจะกลับบ้านไม่วิ่งอีกแล้ว”
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” เมื่อเห็นว่าเธอเหนื่อยจริง ๆ ฉู่หยางก็ไม่ได้บังคับอีกและพาเธอเดินกลับมาส่งที่บ้าน ส่วนเขาก็ออกไปวิ่งต่ออีกสักพัก
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จางหนิงก็รู้สึกหิวมาก จึงรีบไปอาบน้ำและทำอาหารทันที เมื่อวานนี้ยังมีกุ้งเหลืออยู่เธอจึงทำทำกุ้งผัดต้นหอม และแกงจืดไข่น้ำ
ส่วนฉู่หยางเขาซื้อซาลาเปาไส้ผักและหัวไชเท้าดองเผ็ดกับผักกาดดองจากโรงอาหารกลับมาด้วย
จางหนิงใช้พลังงานในการวิ่งไปมาก เธอจึงกินข้าวไปได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งชายหนุ่มเห็นแล้วก็รู้สึกพอใจยิ่งนัก