ตอนที่ 5 ทะเบียนสมรส

838 Words
​ เมื่อยามเช้ามาถึงจางหนิงก็จัดการเก็บสัมภาระทั้งหมดอย่างเรียบร้อย ฉู่หยางมาเรียกเธอพอดี คนทั้งคู่จึงเดินนำไปชั้นล่างด้วยกัน เป็นเพราะวันนี้จะต้องเดินทางไกล จางหนิงไม่กล้าที่จะกินน้ำและอาหารมากเกินไปเพราะกลัวว่าจะสร้างความลำบากให้กับตัวเอง ระยะทางจากเมืองนี้ไปยังเมืองติดทะเลที่เขาประจำการ ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมง หลังจากลงชื่อออกจากห้องพัก ชายหนุ่มก็รีบขับรถออกเดินทางไปตั้งแต่เช้า ระหว่างทางคนทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก เมื่อเดินทางมาถึงมณฑล ฉู่หยางไม่ได้พาคู่หมั้นกลับไปยังที่พัก แต่ตรงไปยังสำนักกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรสกันก่อน เมื่อได้รับใบทะเบียนสมรส จางหนิงก็อ่านข้อความทั้งหมดอย่างละเอียด ทะเบียนสมรสของสมัยนี้ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่เป็นสมุดเล่มแดง มันเป็นเหมือนกับกระดาษประกาศนียบัตร ‘ฉู่หยาง อายุ 24 ปี จางหนิง อายุ 20 ปี แต่งงานกันโดยสมัครใจ ใบทะเบียนสมรสนี้ออกเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1973’ จางหนิงอ่านข้อความในทะเบียนสมรสที่มีชื่อของเธอกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยรอยยิ้ม ฉู่หยางแอบมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความรู้สึกสงสัย ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาเธอดีใจมากขนาดนี้เชียวหรือ จางหนิงเก็บทะเบียนสมรสลงในกระเป๋าเดินทางของตัวเองอย่างระมัดระวัง ก่อนเป็นเงยหน้าขึ้นมาถามเขาคนตัวสูงกว่า "พี่หยางมีตั๋วอาหารเหลืออยู่ไหมคะ เราคงจะซื้อข้าวในโรงอาหารทุกวันไม่ได้เพราะมันสิ้นเปลืองเกินไป” “ที่บ้านมีอาหารเหลืออยู่ไม่มากนัก” ฉู่หยางพยายามนึกแต่โดยปกติเขาก็ไม่ได้ซื้ออาหารเข้าบ้านมากนักเพราะไม่มีเวลาทำ ชายหนุ่มควานหาตั๋วอาหารในกระเป๋าและพบว่าตอนนี้มีเหลืออยู่ไม่มาก เขายื่นมันไปให้เธอพร้อมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง "ตั๋วอาหารกับเงินมีเหลืออยู่แค่นี้แต่ว่าในบ้านยังพอมีอีกจำนวนหนึ่ง" จางหนิงนับดูด้วยความพอใจ "แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ" พวกเขาไปที่ร้านขายธัญพืชและน้ำมันทันที และซื้อข้าวสิบชั่ง (5 กิโลกรัม) แป้งขาวสิบชั่ง เครื่องเทศจำพวกกระเทียมพริกไทย เครื่องปรุงอย่างเกลือและน้ำตาล เส้นบะหมี่อีกสิบชั่ง นมรสมอลต์อีกสองถุง ไข่อีกสองชั่ง และน้ำมันอีกหกชั่ง เนื่องจากในมณฑลนี้อยู่ติดทะเลจึงมีอาหารทะเลขาย จางหนิงจึงซื้อกุ้งสด ๆ มาอีกสองชั่ง ฉู่หยางไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่คอยเดินตามและถือข้าวของที่เธอซื้อมาเท่านั้น หลังจากใช้จ่ายจนพึงพอใจ ชายหนุ่มก็ขับรถ พาเธอกลับไปยังบ้านพักทหารของตนเอง บ้านทุกหลังในหมู่บ้านทหารสร้างด้วยหินและกำแพงหน้าบ้านก็สร้างด้วยหินเช่นกัน ซึ่งมันแข็งแรงและสามารถทนทานต่อพายุไต้ฝุ่นได้ แต่เมื่อเดินเข้าไปในเขตสนามหน้าบ้าน จางหนิงก็ตกใจจนต้องกระโดดถอยกลับไปหลบอยู่ข้างหลังฉู่หยาง เธอกอดแขนของเขาไว้แน่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ "พี่หยาง! งู ๆ" ฉู่หยางสัมผัสได้ว่ามือของเธอเย็นและ ใบหน้าก็ซีดลงมากกว่าปกติดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะกลัวจริง ๆ ชายหนุ่มหันไปมองงูที่กำลังเลื้อยหนีไปอย่างรวดเร็ว "ไม่ต้องกลัว…นี่เป็นงูไม่มีพิษ” “จริงเหรอ” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ “จริงสิ…แล้วตอนนี้มันก็หนีไปแล้ว” เขาพูดจบก็จับมือเธอเข้าไปในบ้าน “พวกเราอยู่ใกล้ชายหาดเป็นธรรมดาที่จะมีพวกสัตว์มีพิษ แต่ภายในบ้านปลอดภัยพี่โรยยาเอาไว้แล้ว รับรองว่าจะไม่เจอตัวอะไรหรอก” เขาเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวกับเธอ พยายามปลอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่เขายังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำว่า…จะพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ออกมาได้! แต่ก่อนสิ่งที่ฉู่หยางเกลียดที่สุดคือผู้หญิงที่อ่อนแอ หากทหารหญิงคนใดกล้าแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเขา ชายหนุ่มจะสั่งให้อีกฝ่ายมัดถุงทรายหนักสิบชั่งไว้ที่ขาและให้วิ่งเป็นระยะทางมากกว่าห้ากิโลเมตร การกระทำนี้ของเขาทำให้พวกบรรดาทหารหญิงแอบตั้งฉายาให้ว่า ‘ยมทูตหน้าหยก’ แต่กับจางหนิงเขาไม่ได้รู้สึกเกลียดที่เธอทำตัวอ่อนแอต่อหน้าเขา อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายดูจะกลัวงูมากจริง ๆ จนท่าทางดูน่าสงสารมาก ดังนั้นตอนนี้ฉู่หยางจึงค่อนข้างที่จะอ่อนโยนกับเธอมากกว่าปกติ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD