ตอนที่ 4 จะอยู่กันอย่างพี่น้องจริงเหรอ?

1108 Words
เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย จางหนิง ก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเขาตรง ๆ ก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด "ฉันจะแต่งงานกับพี่หยางค่ะ” แววตาของฉู่หยางวูบไหวเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนเรียกเขาว่า 'พี่หยาง' เนื่องจากปกติคนอื่น ๆ มักจะเรียกเขาว่า ‘ผู้กองฉู่’ มากกว่าซึ่งมันทำให้เขารู้สึกแปลกหูไปบ้าง แต่ชายหนุ่มก็ยอมรับว่าการที่อีกฝ่ายเรียกเขาแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกโกรธที่มีอยู่ในใจลดลงไปมากกว่าครึ่ง "ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับไปด้วยกัน ต่อไปอย่าได้คิดทำอะไรให้ตนเองลำบากแบบนี้อีก" เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย “ฉันจะเชื่อฟังพี่ค่ะ” ฉู่หยางมองผู้หญิงตัวเล็กกว่าที่กำลังมองเขาด้วยดวงตากระจ่างใส ชายหนุ่มก็ไม่คิดอยากจะไปถือสาหาความอะไรเธออีก “ก่อนจะมาที่นี่ผมได้ยื่นเรื่องขออนุญาตการแต่งงานจากกองทัพแล้ว หลังจากกลับไปที่เขตมณฑล พวกเราก็ไปจดทะเบียนสมรสกันได้เลย” “ค่ะ” จางหนิงลอบถอนหายใจออกมาเธอกลัวว่าเรื่องที่เจ้าของร่างเดิมแอบหนีมาหาผู้ชายคนอื่นจะทำให้เขาโกรธจนไม่ยอมแต่งงานด้วย “ยังมีอีกข้อหนึ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้ พวกเราเพียงแค่แต่งงานกันในนามเท่านั้น และผมจะดูแลคุณแบบน้องสาว หากในอนาคตคุณได้เจอคนที่ถูกใจ…ผมก็ยินดีที่จะหย่าให้” จางหนิงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดเช่นนี้ หญิงสาวนึกน้อยใจในโชคชะตายิ่งนัก ขนาดเธอได้ย้อนเวลากลับมายังยุคนี้และมีโอกาสได้แต่งงาน..แต่ก็ยังไม่มีวาสนาได้สัมผัสการเป็นภรรยาอย่างแท้จริงอีกอย่างนั้นหรือ! "แล้วถ้าในอนาคตพี่หยางเจอคนที่ถูกใจฉันก็ต้องยอมหย่าให้ใช่ไหมคะ” จางหนิงเอ่ยถามเสียงค่อย กว่าที่จะผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก ก็เป็นเวลาอีกหลายปี ในช่วงนี้หากเขาเกิดถูกใจคนอื่นขึ้นมา เธอก็ต้องเป็นฝ่ายยอมถอยสินะ "ผมไม่อยากสร้างครอบครัวกับใคร ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้หรอก" ฉู่หยางคิดเพียงแค่จะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติเท่านั้น ไม่ได้มีเรื่องความรักแบบหนุ่มสาวอยู่ในหัวเลย ที่ยอมแต่งงานกับจางหนิงเพื่อต้องการป้องกันไม่ให้พวกภรรยาอาวุโสของทหารคนอื่น ๆ มาคอยจับคู่เขาให้กับลูกสาวของตัวเองเท่านั้น “แล้วถ้าฉันไม่เจอคนที่ถูกใจไปตลอดชีวิต พวกเราก็จะยังเป็นสามีภรรยากันใช่ไหมคะ” จางหนิงถามเขาด้วยใบหน้าที่แสดงความคาดหวัง “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” ฉู่หยางพยักหน้า แต่ในใจก็คิดว่าอีกฝ่ายยังอายุน้อย อีกไม่นานก็ต้องเจอผู้ชายคนอื่น และเธอก็คงไม่อยู่กับเขาตลอดไปทั้งชีวิตหรอก “เอาเป็นว่าเธอตกลงที่จะทำตามข้อเสนอนี้ใช่ไหม” “ได้ค่ะ” จางหนิงรับปาก ในอนาคตบางทีอีกฝ่ายอาจจะเปลี่ยนใจ เพราะท่าทีของเขาก็ไม่ได้รังเกียจเธอเลยแม้แต่น้อย ชายหญิงอยู่ด้วยกันความรู้สึกมันก็แปรเปลี่ยนกันได้ เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะใจแข็งได้ตลอดไป ตอนบ่ายหลังจากที่หมอมาตรวจร่างกายอีกครั้ง หญิงสาวก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล "พี่หยาง พวกเราจะไปไหนกันเหรอคะ” จางหนิงถามในตอนที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว “ขับรถตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย ตอนนี้พวกเราไปที่หอพักสวัสดิการทหารกันก่อนเถอะ" ฉู่หยางขับรถไปที่หอพักสวัสดิการทหาร ด้านล่างของอาคารมีโต๊ะลงทะเบียนและมีทหารหญิงรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังนั่งถักผ้าพันคออยู่ตรงเก้าอี้เธอมีหน้าที่จดรายชื่อทหารที่จะมาเข้าพัก เมื่อทหารหญิงเห็นฉู่หยางเดินเข้ามา เธอก็ค่อนข้างตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาของเขา แต่เมื่อมองไปยังจางหนิงที่รูปร่างบอบบาง… ทหารหญิงก็คิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าช่างไม่เหมาะสมกับนายทหารคนนี้เอาเสียเลย เอวบาง ๆ นั่นไม่รู้ว่าจะถูกมือของเขาบีบหักหรือเปล่า! ทหารหญิงคิดในใจอย่างอิจฉา เธอวางผ้าพันคอที่กำลังถักลง ก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาลงบันทึกชื่อคนเข้าพัก และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น "ยื่นบัตรประจำตัวนายทหาร จดหมายแนะนำตัว แล้วก็ทะเบียนสมรสด้วยค่ะ!" ฉู่หยางยื่นบัตรประจำตัวของเขาให้เธอ แล้วหยิบจดหมายแนะนำตัวออกมา “เธอเป็นน้องสาวของผม…พวกเราต้องการห้องพักสองห้องครับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าทางของทหารหญิงก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย เธอจดชื่อของเขาลงในสมุดทะเบียน ก่อนจะหยิบกุญแจใต้ลิ้นชักส่งไปให้กับคนทั้งคู่ หลังจากได้กุญแจพวกเขาก็พากันเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ห้องพักของคนทั้งคู่อยู่ติดกัน หลังจากจัดวางข้าวของเสร็จเรียบร้อย ฉู่หยางก็มาเคาะประตูห้อง และบอกกับเธอว่า “ผมจะไปซื้ออาหารมาให้ คุณพักผ่อนรออยู่ที่นี่เถอะ" “ได้ค่ะ” จางหนิงพยักหน้าอยากเชื่อฟัง นั่งรออยู่ในห้องไปสักพัก ฉู่หยางก็กลับมาพร้อมกับอาหาร โชคดีที่ร้านอาหารของกองทัพอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็เหลือเพียงเมนูง่าย ๆ ชายหนุ่มจึงเลือกซื้อข้าวต้มและหมั่นโถวข้าวโพด มาเป็นอาหารมื้อเย็นให้กับคนทั้งคู่ ทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างเงียบ ๆ เป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันกินเกี๊ยวไปเกือบสิบตัว ทำให้ตอนนี้จางหนิงไม่ค่อยมีความอยากอาหารมากนัก เธอกินหมั่นโถวข้าวโพดหนึ่งลูกกับข้าวต้มไปได้ประมาณแค่ครึ่งชามเท่านั้น ฉู่หยางเห็นว่าเธอทำท่าจะอิ่ม เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “กินข้าวต้มให้หมดชาม” จางหนิงจึงต้องฝืนกินให้หมดเพราะกลัวน้ำเสียงและใบหน้าดุ ๆ ของเขา หลังกินข้าวเสร็จคนทั้งสองต่างก็แยกย้ายกันไปนอน เป็นเพราะว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาเหนื่อยมากและนอนหลับสนิทไปจนถึงรุ่งสาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD