จางหนิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ศีรษะของหญิงสาวรู้สึกปวดตื้อไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนนี้ล้มลงกับพื้นแรงเกินไปหน่อย…
ตอนแรกเธอคิดว่าเมื่อฟื้นขึ้นมาจะยังนอนอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้อง ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะว่าตอนนี้เธอนั้นไม่ได้อยู่ในห้องพักที่แสนคุ้นเคย!
สภาพห้องที่จางหนิงกำลังนอนอยู่ในเวลานี้ ผนังห้องฉาบด้วยดินมีรอยแตกยาวเกือบถึงพื้น และภายในห้องก็ค่อนข้างมีกลิ่นอับ ดูเหมือนว่าจะมีแค่หน้าต่างระบายอากาศบานเล็ก ๆ ที่อยู่เหนือประตูเท่านั้น
นี่มัน…ที่ไหนกัน!
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งสติ ทันใดนั้นความทรงจำที่ไม่ใช่ของตัวเองก็แทรกผ่านเข้ามา!
หญิงสาวอ้าปากค้าง…สถานการณ์ตอนนี้ทำให้จางหนิงอยากจะบ้า…ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอเดินทางข้ามเวลามาอยู่ในยุค 70!
เจ้าของร่างเดิมมีชื่อว่าจางหนิงเหมือนกันกับเธอ เวลานี้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นกฎระเบียบไม่ได้เคร่งครัดเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาของการปฏิวัติวัฒนธรรมตามนโยบายของท่านผู้นำ
พ่อของจางหนิงป่วยหนัก และรู้ตัวว่าคงไม่อาจดูแลปกป้องลูกสาวได้อีกต่อไป เขาจึงเขียนจดหมายไปหาสหายเก่าร่วมรบอย่าง 'ฉู่เทียน’ ที่ตอนนี้หน้าที่การงานใหญ่โตกลายเป็นท่านนายพล โดยขอให้อีกฝ่ายช่วยหาผู้ชายดี ๆ สักคนมาดูแลลูกสาวของตน
ซึ่งสหายคนนั้นก็รีบตอบจดหมายกลับมาว่าลูกชายคนโตที่ชื่อ 'ฉู่หยาง' ยินดีที่จะแต่งงานกับจางหนิง หลังจากที่ได้เห็นเงินสินสอดและหนังสือรับรองการหมั้นหมาย
พ่อของจางหนิงก็รู้สึกวางใจและจากโลกนี้ไปอย่างสงบแต่จางหนิงไม่อยากแต่งงานกับคู่หมั้นคนนี้ เพราะว่าเขาเป็นทหารและประจำการอยู่ที่เมืองติดทะเล ซึ่งพื้นที่นั้นค่อนข้างห่างไกลและใช้ชีวิตได้ยากลำบาก
หลังจากที่พ่อของเธอจากไป หญิงสาวตัดสินใจไม่รอให้คู่หมั้นมารับและนำเงินสินสอดรวมถึงข้าวของมีค่าทั้งหมดหนีออกมาจากบ้าน โดยมุ่งหน้าไปหาคนรักที่แอบคบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ซึ่งเวลานี้เขากำลังทำงานเป็นช่างอยู่ที่โรงงานในตัวเมือง
เดิมทีจางหนิงคิดว่าตนเองจะได้ใช้ชีวิตกับคนรักอย่างมีความสุข เพราะเขาก็ยังเขียนจดหมายรักมาหาเธอทุกเดือน แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อไปถึงหญิงสาวก็ได้พบกับข่าวร้ายว่าคนรักได้แต่งงานกับลูกสาวของผู้จัดการโรงงานไปแล้ว
จางหนิงกลับมายังห้องเช่าด้วยความเสียใจ เธอขังตัวเองเอาไว้ในห้องไม่ยอมออกมากินข้าวกินน้ำ ท้ายที่สุดก็ล้มป่วยและตายไปเพียงลำพัง จนวิญญาณของจางหนิงในยุคปัจจุบันเข้ามาสวมร่างแทน
“จางหนิงเอ๋ย…จางหนิง…รออยู่บ้านให้คู่หมั้นทหารมารับก็ดีอยู่แล้ว…ไม่น่าหนีมาหาผู้ชายคนนี้เลย!”
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวชีวิตก่อนหน้านี้ของร่างเดิม เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนจะนึกถึงร่างกายของตนเองในยุคปัจจุบัน
“ในโลกนั้น…ฉันก็คงจะม่องเท่งไปแล้วเหมือนกันสินะ…” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างปลง ๆ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงจึงไม่ได้อาวรณ์ชีวิตในโลกนั้นมากนัก
จางหนิงจำได้ว่ายุค 70 ตอนปลายนี้ กฎระเบียบต่าง ๆ เริ่มผ่อนคลายลง และบ้านเมืองก็จะเจริญขึ้นในช่วงปี 80 แต่ถึงอย่างไรในยุคนี้ผู้หญิงตัวคนเดียวก็ค่อนข้างใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบากอยู่ดี
เอี๊ยด!
จู่ ๆ ด้านหน้าห้องพักมีเสียงเครื่องยนต์รถและเสียงล้อเสียดสีกับพื้นถนนดังขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าที่เต็มไปด้วยพลังอันหนักหน่วงเดินเข้ามาบริเวณลานบ้าน
“แม่เฒ่า คุณเคยเห็นผู้หญิงในภาพนี้หรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งถามขึ้นมา
“โอ๊ย…ไม่เคยเห็นหรอกค่ะ!” หญิงชราตอบกลับเสียงสูง
“คุณแน่ใจนะครับว่าไม่เคยเห็นเธอ…หากให้ที่พักกับคนที่ไม่มีจดหมายแนะนำตัว…คุณคงรู้ดีนะครับว่าจะมีความผิดใด”
หญิงชราเงียบไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาที่ห้องของเธอมากเรื่อย ๆ หลังจากนั้นไม่นานหน้าประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้นมา
ตึง! ตึง! ตึง!
“จางหนิง!” ผู้ชายคนนั้นเคาะประตูอย่างแรง “ผมเอง!”
จางหนิงนั่งอยู่ในห้อง จากความทรงจำเดิมทำให้เธอจำได้ว่าเสียงของอีกฝ่ายเป็นใคร ดูเหมือนผู้ชายที่หน้าประตูจะชื่อ 'ฉู่หยาง' เขาเป็นคู่หมั้นที่พ่อของเธอหามาไว้ให้
หญิงสาวไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายเพียงแต่คุยกันผ่านโทรศัพท์เท่านั้น เธอรีบก้าวขาลงจากเตียง แต่อาจจะเป็นเพราะเคลื่อนไหวเร็วเกินไปจึงทำให้รู้สึกหน้ามืดเธอพยายามหลับตาและนวดคลึงศีรษะเพื่อให้อาการทุเลา
แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายที่อยู่ด้านนอกคงทนรอไม่ไหว ท้ายที่สุดจึงได้พังประตูเข้ามา!
ตึงงงง!
หญิงชราเจ้าของบ้านเช่า ไม่กล้าต่อว่าที่อีกฝ่ายทำลายบานประตู เพราะกลัวว่าทหารคนนี้จะเอาผิดที่เธอให้จางหนิงเข้าพักทั้ง ๆ ที่ไม่มีจดหมายแนะนำตัว
เมื่อประตูห้องถูกพังลง แสงจากภายนอกก็ส่องเข้ามา ทำให้จางหนิงที่อยู่ในความมืดมานานต้องหรี่ตามอง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตัวสูงมาก เวลานี้เขาสวมชุดทหารสีเขียว มีช่วงไหล่ที่กว้าง ร่างกายกำยำ ตอนที่เดินเข้ามาในห้องก็บดบังแสงจนเกือบหมด
ฉู่หยางหยุดยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลนัก สายตาของเขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะเรียกเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เธอคือจางหนิงใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ” จางหนิงรีบตอบ สายตาที่มองอีกฝ่ายราวกับวีรบุรุษที่มาช่วยชีวิต การใช้ชีวิตตัวคนเดียวในยุคนี้ไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจะต้องเกาะขาของอีกฝ่ายเอาไว้ให้แน่น!
เธอกำลังจะเดินไปหาเขา แต่อาการหน้ามืดก็ยังไม่ดีขึ้น ท้ายที่สุดก็ล้มลงกับพื้น หลงลงกับพื้น ก่อนที่จะหมดสติ หญิงสาวคิดว่าคงจะต้องหัวฟาดพื้นเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะมีแขนอันแข็งแกร่งมาประคองตัวเธอเอาไว้…