พาไปบ้าน

2088 Words
ในที่สุด อานนท์พาปรางทิพย์ไปที่วัดจนได้ เขารู้ว่าหญิงสาวไม่ค่อยอยากไปกับเขาสักเท่าไหร่นัก “ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ขอหาอะไรกินก่อนได้ไหม”อานนท์พูดโดยไม่ได้มองหน้าคนที่นั่งข้างๆ ที่ตอนนี้ยังนั่งนิ่งเงียบเหมือนตั้งแต่แรกที่ขึ้นรถมา “ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะครับ ไปธุระของคุณก่อนก็ได้” “เลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างหน้าค่ะ มีร้านข้าว” “ขอบคุณครับ”อานนท์ยิ้ม นึกว่าจะใจดำ “คุณนั่งอยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันจัดการเอง”ปรางทิพย์ลุกไปสั่ง กับข้าวที่วางใส่ถาดสะอาดน่ากินเรียงรายอยู่เต็มตู้โชว์ หญิงสาวสั่งกับข้าวมาสี่อย่าง ข้าวสวย น้ำเปล่า อานนท์นั่งมองผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่ง วันนี้ปรางทิพย์ใส่ชุดเดรสยาวถึงตาตุ่มสีขาวแขนสั้นคอวี สวมรองเท้าสานส้นเตี้ย ปล่อยผมยาว สะพายกระเป๋าหนังสีดำใบเล็กๆสำหรับใส่โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ “ทำไมไม่ให้เด็กในร้านถือมาส่งครับ ลำบากถือมาทำไม” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เวลาฉันมากินก็ทำเอง รอพนักงานช้า คุณหิวไม่ใช่เหรอคะ” อานนท์มองมือเล็กๆที่จัดโน้นนี่นั่นอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นลงมือกินข้าวเงียบๆขนาดอยู่ในอารมณ์ที่เศร้าโศก ก็ยังดูสวย หลายคนบอกว่าอุสาวดีสวยกว่าพี่สาวมาก แต่เขาไม่ชอบ ชอบแบบปรางทิพย์มากกว่า สามวันที่เขาไม่ได้ติดต่อปรางทิพย์ เขากระวนกระวายใจ อยู่ไม่ได้คิดถึงแต่หน้าสวยๆนิ่งๆ เวลาที่เจอคนถูกใจคนที่ใช่มันเป็นแบบนี้นี่เอง บอกตัวเองว่าจะต้องจีบปรางทิพย์ให้ได้ “ไหนบอกว่าหิวคะ ไม่เห็นกินเลย” “ครับ หิว” “กินข้าวเสร็จเรา แวะซื้อของไปทำบุญด้วยไหมครับ เผื่อคุณอยากได้สังฆทาน” “ก็ดีค่ะ” ปรางทิพย์พูดน้อย เพราะมีหลายอย่างให้ต้องคิด อานนท์รู้ หลังกินข้าวอิ่มเขาพาหญิงสาวไปหาซื้อของสำหรับทำบุญ เสร็จแล้วไปวัด ได้รายละเอียดการทำบุญร้อยวันจากหลวงพ่อ ปรางทิพย์เลือกที่จะทำแบบง่ายๆที่วัด ตั้งใจว่าวันหยุดเธอจะไปหาซื้อของที่ขาดมาเตรียมไว้ “คุณจะไปที่ไหนต่อไหมครับ ผมว่าเราหาข้าวกลางวันกินกันก่อนดีไหม เกือบเที่ยงแล้ว กินข้าวกลางวันเสร็จเราก็ไปหาซื้อของที่จะใช้งานทำบุญผมว่างทั้งวัน พรุ่งนี้ผมก็ว่าง วันไหนผมก็ว่าง ให้ผมพาคุณไปนะ เดี๋ยวคุณทำงานไม่มีเวลาซื้อ” “ฉันเกรงใจ คุณไม่ต้องทำงานจริงๆเหรอคะ” “ไม่มีครับ ผมเป็นเจ้าของบริษัทฯ” “ค่ะ ฉันรู้แล้ว ฉันจะไปหาซื้อของใช้เข้าบ้านสักหน่อย ของตาก้องหมดหลายอย่างเลย พรุ่งนี้ถึงจะไปหาซื้อของที่จะใช้ทำบุญ จริงๆฉันตั้งใจว่าจะซื้ออาทิตย์หน้า แต่คุณอาสาแล้วฉันก็ไม่อยากขัด” “ดีครับ ผมเต็มใจ ซื้อหาไว้ก่อนจะได้ไม่ยุ่ง “ อานนท์พาปรางทิพย์ไปกินข้าวร้านประจำของเขา และเป็นการส่วนตัว ปรางทิพย์เดินตามหลังอานนท์ไปเรื่อยๆ แต่เขาหยุดให้เธอได้เดินเคียงข้างเขาเข้าไปภายในร้านอาหาร สังเกตว่าเขาคุ้นเคยกับที่นี่มาก อานนท์สั่งอาหาร มีหลายอย่างที่เธอชอบ เขาพูดน้อย แต่เวลาพูด ทำให้เธอต้องนิ่ง เพราะเขามีเหตุผล ที่เป็นเหตุผลจริงๆที่เธอไม่อาจเถียงได้ “กินเยอะๆนะคุณ ผอมลงมากเลยรู้ไหม” “ขอบคุณค่ะ” “ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว” “ทำไมคะ ถามทำไม” “ผมแค่อยากรู้เฉยๆคุณไปไหนมาไหนกับผมแบบนี้ หวังว่าแฟนคุณคงไม่มาเจอ แล้วเข้าใจผมผิดนะ” “รู้ว่าเขาจะเข้าใจผิด แล้วคุณจะมาส่งฉันทำไมคะ ถ้ารู้แล้วก็ไม่ต้องทำ ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไปเองมาเองได้ “ “ก็ไหนคุณบอกผมว่าคุณไม่มีแฟน” “ก็ใช่ไงคะ ฉันก็เคยตอบไปแล้ว แล้วจะมาถามทำไมอีก” “ก็เมื่อกี้ คุณพูดว่า เขาจะเข้าใจผิด” ปรางทิพย์มองหน้าคนถาม”รีบกินข้าวเถอะค่ะ เดี๋ยวจะช้าฉันอยากไปซื้อของแล้ว” “ตกลงคุณมีแฟนหรือยัง” “ยังไม่มี และไม่คิดจะมีค่ะ” “ครับ ต่อไปผมจะไม่ถามเรื่องนี้กับคุณอีก ขอบใจนะปรางทิพย์” “ขอบใจเรื่องอะไรคะ” “เปล่าครับ ไม่มีอะไร” “อะไรของคุณ วันนี้ดูคุณไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนะคะ พูดจา วกวน ความจำเลอะเลือน ฉันว่าฉันไม่ค่อยมีสมาธิแล้ว คุณเป็นมากกว่าอีก” อานนท์ไม่พูดอะไรต่อ แค่นี้ก็พอใจแล้ว “คุณทำอาหารเป็นไหม” “เป็นค่ะอร่อยด้วย แต่ไม่ค่อยมีเวลาทำ ฉันต้องทำงาน” “คุยหรือเปล่า หรือว่าอร่อยจริงๆ” “ไว้วันไหนว่างฉันจะทำให้คุณชิมนะคะ แต่คงอีกนาน” “ไหนคุณลองพูดชื่ออาหารที่คุณชอบทำให้ผมฟังหน่อย เผื่อมีที่ผมชอบ” ปรางทิพย์หันมามองคนข้างๆที่เดินมาพร้อมๆกันกับเธอ สงสัยว่าเขาจะชวนเธอคุยทำไมนักหนา ทั้งที่ดูแล้วเขาไม่ใช่คนช่างคุยเลย แต่การได้พูดคุยเรื่องต่างๆมันทำให้เธอผ่อนคลาย “ไม่ต้องพูดหรอกค่ะ เพราะฉันทำได้หลายอย่าง ถึงบางอย่างคุณไม่ชอบ แต่ถ้าคุณได้กินมันคุณจะรู้ว่าอร่อยทุกอย่าง” “ขี้คุยเหมือนกันนะคุณ” “ก็แน่ล่ะ เพราะฉันทำได้จริงๆฉันอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะคะ ทำได้หมดแหละ อยู่ที่ฉันจะทำไหม จริงๆฉันชอบทำงานบ้านนะคะ แต่เพราะภาระหน้าที่ ทำให้ต้องทำงานเพื่อเก็บเงิน ฉันยังต้องดูแลแม่ ตอนนี้ยิ่งมีหลานเพิ่มมาอีกคน ยิ่งต้องทำงานเยอะๆ” “งั้นวันไหนคุณว่าง ผมขอไปกินข้าวที่บ้านคุณได้ไหม ผมจะได้รู้ว่าอาหารที่คุณทำอร่อยเหมือนที่คุยไว้หรือเปล่า” ปรางทิพย์เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ ตั้งใจเลือกซื้อของอย่างเดียว แต่ก็ได้ยินเขาคุยโทรศัพท์ “คุณ ผมมีธุระขอแวะไปหาแม่ก่อนได้ไหมครับ ผมต้องไปเซ็นเอกสารด่วนให้ท่าน “ ปรางทิพย์มีอาการลังเลอย่างใช้ความคิดก่อนที่จะตอบเขา “ก็มาด้วยกันแล้วนี่คะ ไม่งั้นฉันต้องขนของทั้งหมดขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเอง” “ตกลงไปด้วยกันนะครับ ผมจะได้บอกแม่ว่าคุณจะไปด้วย และผมสัญญาว่าจะรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ ” คำพูดและทีุ่นุ่มนวลและท่าทางที่อบอุ่นจริงใจ ทำให้ปรางทิพย์ยินยอมไปบ้านคุณบุษบาพร้อมเขา คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร แม่เขาเธอก็รู้จักแล้ว อีกอย่างเขาไปทำงาน อานนท์ตั้งใจขับรถตรงไปที่บ้านแม่ที่อยู่นอกเมืองออกไป เขาอาศัยอยู่กับท่าน ช่วงไหนที่มีงานในกรุงเทพฯเขาจะนอนที่คอนโด หรือไม่ก็บ้านอีกหลัง เขาไม่ห่วงเท่าไหร่ เพราะมีแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมานานดูแลอยู่ นานๆพ่อเขาจะแวะมาเยี่ยม พักอยู่ด้วยกันสองสามวัน บางครั้งเขากับแม่เดินทางไปเยี่ยมพ่อที่ต่างจังหวัด พักสองสามวันแล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ เคยสงสัยเหมือนกันว่า ในเมื่อพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันแล้ว และต่างคนก็ต่างไม่มีใคร แล้วทำไมสองคนไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วยกัน ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ แต่ก็ไม่เคยถามทั้งพ่อและแม่ถึงเหตุผลของการแยกกันอยู่ ทั้งที่งานบางอย่าง พ่อกับแม่เขายังต้องตัดสินใจร่วมกัน อานนท์จอดรถหน้าบ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังใหญ่สีขาวปลูกอยู่บนเนินดินสูง เป็นบ้านชั้นเดียวที่ดูสูงเหมือนบ้านสองชั้น เขาลงรถอย่างรวดเร็วรีบข้ามมาเปิดประตูให้ปรางทิพย์ เร็วจนอีกคนตกใจ รูปร่างที่สูงใหญ่ของเขาไม่เป็นปัญหาในการเคลื่อนไหว “เชิญครับ” ปรางทิพย์เดินตามหลังอานนท์เข้าไปภายในบ้าน รู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้าน “อานนท์ หนูปรางทิพย์ มากันแล้วเหรอลูก แหม....ดีใจจังเลย หนูปรางมาลูกเข้ามา” คุณบุษบาที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น รีบลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกชายพาปรางทิพย์เดินเข้ามา ตื่นเต้นที่เห็นลูกชายพาผู้หญิงมา “สวัสดีค่ะคุณป้า” “มาลูกหนูปรางมานั่งใกล้ๆป้านี่ ไปซื้อของทำบุญกันแล้วใช่ไหมลูก งั้นเย็นนี้อยู่อยู่กินข้าวกับป้าก่อนดีไหม เสร็จแล้วค่อยให้พี่เขาไปส่งที่บ้าน “ “แต่ปรางทิพย์ออกจากบ้านนานแล้วนะครับแม่ เดี๋ยวจะห่วงแม่ห่วงหลาน” “งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวถ้าวันนี้ไม่ทัน เป็นวันหลังก็ได้ ทำบุญร้อยวันเมื่อไหร่บอกป้านะลูก ป้าจะไปช่วย” “ขอบคุณค่ะคุณป้า ปรางเกรงใจค่ะ จริงๆปรางไม่ได้บอกใคร คิดว่าจะทำเงียบๆกับแม่และหลานเท่านั้นค่ะ” “ดีแล้วลูก ทำแบบเรียบง่าย ไม่เหนื่อยไม่เปลือง หนูปรางเองก็ต้องทำงาน ไม่สะดวกหลายอย่าง แต่ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวป้าให้พี่เขาไปช่วย” อานนท์ขอตัวเข้าไปขนแฟ้มเอกสารจากในห้องทำงานออกมานั่งเซ็น อยู่ข้างๆปรางทิพย์ เธอถอยไม่ได้เพราะนั่งอยู่มุมโซฟาด้านใน อีกด้านเป็นผนัง ตรงข้ามเป็นคุณบุษบานั่งอยู่ ข้างหน้าเธอมีเอกสารที่อานนท์เซ็นวางกองพะเนิน “อานนท์ ทำไมไม่นั่งในห้องทำงานล่ะลูก” “เดี๋ยวคุณปรางเขาไม่รู้ว่าผมทำงานจริงๆครับ ” “อ้าว....คุณ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ”ปรางทิพย์ทำหน้างง เธอจำได้ว่าไม่เคยพูดว่าไม่เชื่อ เขาบอกเธอเองว่าจะมาทำงานด่วนให้แม่ “หนูปราง อย่าไปถือสาพี่เขาเลยลูก คงกำลังงงกับงาน ดูซิเซ็นงานเกือบสิบแฟ้ม” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า คุณอานนท์คงทำงานเยอะเลยงงกับคำพูดตัวเอง” เป็นปรางทิพย์ที่ช่วยรับเอกสารที่อานนท์เซ็น ย้ายไปวางอีกที่ เพราะเขาวางไม่เป็นระเบียบ ทุกอิริยาบถไม่รอดพ้นไปจากสายตาของคุณบุษบา ลูกชายรักใครชอบใครนางก็ยินดีด้วย เกือบสองชั่วโมงที่อานนท์เซ็นเอกสารและพูดคุยงานกับคุณบุษบา มีปรางทิพย์อยู่ด้วยใกล้ๆ แค่เธอนั่งดูเขาทำงาน รู้เลยว่าเขาทำงานหนักและเยอะ มีหลายเรื่องหลายอย่างที่เขาต้องตัดสินใจ โครงการใหญ่ๆทั้งนั้น แต่ช่างเถอะงานของเขาไม่เกี่ยวกับเธอ ตอนนี้เธอห่วงแม่และหลานมากกว่า อยากกลับบ้าน อานนท์เหมือนจะรู้ว่าปรางทิพย์เริ่มกระวนกระวาย อาจเป็นเพราะคงกลัวว่าแม่เขาจะชวนกินข้าวเย็น เขาเร่งทำงานให้เสร็จ ไม่อยากเห็นหญิงสาวไม่สบายใจ “ขอบคุณนะครับ คุณน่ารักมากเลย รอผมทำงานจนเสร็จ แถมเป็นเพื่อนคุยกับแม่ผมอีก” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดีใจนะคะคุณเป็นคนแรกที่ชมว่าฉันน่ารัก ฉันว่าคุณป้าท่านคงเหงานะคะ ดูท่านดีใจมากเลยที่คุณกลับบ้าน “ “ครับ ผมรู้ว่าแม่เหงา” “แล้วทำไมคุณไม่อยู่กับท่านทุกวันๆล่ะคะ ทำไมถึงปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียว ทั้งๆที่บ้านก็ไม่ห่างจากคอนโดของคุณเลย “ “เมื่อก่อนผมก็อยู่กับแม่ แค่ไม่กี่เดือนนี่แหละที่ไม่ค่อยได้กลับไปอยู่กับท่าน แต่ผมก็กลับทุกอาทิตย์นะ แม่ผมท่านอยู่สบายดีสุขภาพก็แข็งแรง ไม่มีโรคภัยอะไรเลย ที่ผมต้องไปๆมาๆระหว่างคอนโดกับบ้าน เพราะผมมีห่วง” ปรางทิพย์นิ่งไป เธอไม่อยากได้ยิน และไม่อยากรู้ว่าเขามีห่วงอะไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD