คลี่คลายทุกอย่าง

2070 Words
ปรางทิพย์ให้อานนท์พามาส่งที่บ้าน เก็บของและเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสำหรับพักสองคืน เธอตั้งใจเดินทางไปหาพ่อที่ต่างจังหวัด นางปวีณาที่รู้ข่าวดีใจจนน้ำตาไหล ดีใจกับลูกที่สามารถปลดล็อคตัวเองได้ หลังจากเลิกรากับพ่อของปรางทิพย์ นางพาลูกๆเข้ามาทำมาหากินที่กรุงเทพฯ ห่างหายจากสามี ญาติๆส่งข่าวมาว่า หลังจากนางพาลูกเข้ามาที่กรุงเทพฯจากนั้นอีกไม่กี่วัน สามีนางก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้น เพราะมารู้ว่า เขามีผู้ชายหลายคน ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาพัวพันกับนายองอาจ เพราะหวังสมบัติ นายองอาจย้ายตัวเองไปอยู่อีกอำเภอ แต่อยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทำมาหากินอยู่คนเดียว ถึงจะพยายามง้อภรรยายังไงก็ไม่ประสบผลสำเร็จ นางปวีณาเสียใจมาก ไม่ให้อภัยสามี นางไม่ยอมรับเงินที่สามีส่งเสียให้ แต่ยังไงนายองอาจก็ดื้อ จัดการโอนเงินเข้าบัญชีให้ภรรยาไว้ใช้จ่าย โดยมีอุสาวดีเป็นคนกลาง พยายามให้พ่อกับแม่พูดคุยกัน ได้ผล นางปวีณายอมพูดคุยด้วย แต่ไม่กลับไปอยู่กันเป็นครอบครัวเหมือนเดิม นางรู้ว่าลูกสาวคนเล็กแอบไปหาพ่อ แต่ทำเฉยเสีย ถึงจะโกรธสามีมากขนาดไหน นางก็ไม่เคยสอนให้ลูกเกลียดพ่อ สำหรับอุสาวดียังพอเข้าใจ แต่ปรางทิพย์ที่รักแรงเกลียดแรง ตัดขาดไม่ถามหาไม่พูดถึง ทำเหมือนไม่มีพ่อ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนโต ที่อยู่ๆกลับมาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า บอกว่าจะไปเยี่ยมพ่อที่ต่างจังหวัด ปรางทิพย์ไปรู้เห็นอะไรมา นางดีใจ โล่งใจ ลึกๆไม่อยากให้ลูกมีอคติกับพ่อ ส่วนตัวนางให้อภัยสามีมานานแล้ว เพราะอายุที่มากขึ้น และปัจจุบันก็อยู่สบายดี ไม่ได้ลำบากอะไร บางครอบครัวพอแก่ตัวลงก็อยู่ร่วมกันลำบาก นางเคยเห็นคนแถวหมู่บ้าน อยู่ด้วยกันแล้วทะเลาะกัน จนต้องแยกบ้านกันอยู่ ถามสารทุกข์สุกดิบกันดี แต่พอกลับมาอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนเดิม ทะเลาะกัน จนต้องต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม ใช้ชีวิตอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้ ก็แปลกดีเหมือนกัน “เดินทางปลอดภัยนะลูก แม่คุยกับพ่อเขาแล้ว รู้ไหมว่าพ่อเขาดีใจมาก ปรางมีอะไรในใจก็ขออโหสิกรรมพ่อเขานะ มันจะเป็นผลดีกับตัวลูก เรื่องอะไรหลายๆอย่างจะได้ไม่ติดอยู่ในใจเรา “ "ค่ะแม่ ปรางตั้งใจไว้แล้วจะไปกราบขอโทษพ่อ" “คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องอย่างดี” “ไปลูกรีบไป ถึงแล้วก็โทรมาบอกแม่ด้วยนะ ” “ขอให้เดินทางปลอดภัย อานนท์ฝากน้องด้วยนะ “ กว่าอานนท์จะพาปรางทิพย์ฝ่ารถติดออกจากกรุงเทพฯได้ก็ใช้เวลาพอสมควร “คิดอะไรอยู่เงียบเชียว” “กำลังคิดว่า อยากจะชวนพ่อมาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ คุณว่าพ่อจะมาไหมคะ” “ไม่รู้เหมือนกันนะ ต้องได้คุยกับพ่อก่อนถึงจะรู้ว่าเขาคิดยังไง ปรางก็ต้องถามแม่ด้วยว่า เขาสองคนยังอยากที่จะกลับมาอยู่ดูแลกันไหม คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ก็จะอยู่ดูแลกันเหมือนเพื่อนมากกว่า ” “เออ...แล้วทำไมพ่อกับแม่พี่ท่านไม่กลับมาอยู่ด้วยกันคะ “ “กรณีพ่อกับแม่พี่ ท่านต่างคนต่างอยู่ สบายดีแล้ว ต่างคนต่างก็ชอบอยู่คนเดียว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูแลกันนะ บางทีพ่อก็มากรุงเทพฯมาพักอยู่กับแม่กับพี่ อาทิตย์สองอาทิตย์แล้วกลับไปต่างจังหวัด บางทีแม่กับพี่ก็ไปหาพ่อ ไปอยู่ที่บ้านของพ่อ ไปๆมาๆพ่อกับแม่ โลกส่วนตัวสูงทั้งคู่” “แต่เท่าที่พี่สังเกตวันงานของอุสา พี่ว่าคุณพ่อของปรางท่านน่าสงสารนะ ท่านคงรู้สึกผิดกับภรรยาและลูกมาก เลยเลือกที่จะอยู่คนเดียวดีกว่า “ “ปรางสงสารทั้งพ่อทั้งแม่เลย บางทีก็โทษตัวเองนะคะที่อคติและทิษฐิมากไป ไม่ชอบตัวเองเลยค่ะ ไอ้โรครักแรงเกลียดแรงเนี้ย” “พี่เข้าใจนะว่าปรางคิดยังไง คนเราต่างคนต่างความคิด เดี๋ยวพอโตอีกสักหน่อย ปรางก็จะเข้าใจโลกเอง ว่าเราควรใช้ชีวิตยังไงให้มีความสุข ไม่ทุกข์มาก พี่เข้าใจว่ามันยาก แต่พี่จะคอยบอกคอยเตือนล่ะกัน แต่ถ้าพี่เตือนห้ามมาโกรธพี่นะ" “ต่อไปปรางจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้ค่ะ เสียดายเวลา เพราะความทิษฐิของปรางเอง ไม่ยอมเปิดใจ คิดแต่ว่าพ่อทำผิดกับเรา แม่กับน้องก็เกรงใจปราง เพราะปรางแข็งมาก ไม่ให้อภัย ไม่สนใจ ถ้าปรางอ่อนลงสักนิด ป่านนี้ครอบครัวคงได้มาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม อุสาก็คงไม่เป็นแบบนี้” “ไม่หรอก อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องของอุสาก็เหมือนกัน ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้หรอก จะบอกว่ากรรมใครกรรมมัน ก็จะดูโบราณไปไหม” “มันก็มีส่วนนะคะ แต่เอาจริงๆเราก็ไม่รู้เลยนะคะว่าอนาคต มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเรา” “ครับ สมาธิและสติสำคัญมาก” “ปรางโชคดีใช่ไหมคะ ที่เจอพี่” “ครับโชคดีแน่นอน “ “แหม....ได้ทีเลยนะคะ” หญิงสาวยิ้มสดใส พอปล่อยวาง ใจเธอก็เบาไม่เครียด ไม่นานสองคนก็มาถึงบ้านของนายองอาจ บ้านสวนเนื้อที่ประมาณสามไร่ รอบๆทางเข้าสวนเป็นผลไม้ ไม้ดอก จากรั้วด้านนอกถึงตัวบ้านห่างกันสองร้อยเมตร บริเวณบ้านโดยทั่วไปร่มรื่นมาก บ้านไม้ชั้นเดียวหลังกะทัดรัดถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ นายองอาจยืนรอเปิดประตูรั้ว รถจอดนิ่ง ปรางทิพย์ เปิดประตูรถลง วิ่งลงไปหาผู้เป็นพ่อ หญิงสาวนั่งลงที่พื้นก้มลงกราบที่เท้าของนายองอาจ สองพ่อลูกกอดกัน ปรางทิพย์ร้องไห้หนักมาก “หนูปรางลูก ไม่ต้องร้องแล้วนะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว พ่อเข้าใจทุกอย่าง เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะลูก” “ปรางขอโทษนะคะพ่อ ที่ปรางเองที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเกินไป” “อย่าโทษตัวเองเลยลูก เริ่มต้นมาจากพ่อนี่แหละ ที่ใจไม่หนักแน่นพอ ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้” “ขึ้นไปคุยกันบนบ้านเถอะ พ่อทำความสะอาดบ้านรอ ตั้งแต่หนูโทรมาแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้พ่อทำกับข้าวให้กิน เมนูโปรดของหนูเลยนะลูก” นายองอาจพาอานนท์และปรางทิพย์สำรวจรอบบ้าน สองพ่อลูกพูดคุยกัน ต่างคนต่างเปิดใจทุกอย่างคลี่คลาย หญิงโทรไลน์หาแม่ บอกว่ามีความสุขมาก ได้พูดความในใจหลายอย่างกับพ่อ และปรับความเข้าใจกันแล้ว แถมบอกว่าบ้านน่าอยู่มาก วันหลังจะพาแม่มาเยี่ยมพ่อ ภาพครอบครัวที่เคยอยู่กันครบสี่คนย้อนกลับมา ปรางทิพย์รู้ว่าหัวใจของตัวเองอ่อนโยนลงมาก ความทิฐิ ความโกรธ ความเกลียด ไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเองและคนรอบข้างเลย ให้อภัยดีที่สุด เพราะบางเรื่องบางสิ่งบางที่ผ่านมา เราไม่สามารถควบคุมได้เลย ทั้งสามคนกินข้าวเย็น ฝีมือทำกับข้าวของพ่อ ปรางทิพย์ยังจำได้ดี อร่อยทุกอย่าง เธอจำได้ว่าสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันครบสี่คน พ่อเป็นคนชอบทำกับข้าว จะให้แม่ทำงานบ้านอย่างอื่น พ่อเลือกที่จะทำกับข้าวเอง และทุกคนก็ชอบมาก โดยเฉพาะเธอ มีข้าวห่อไปกินกลางวันที่โรงเรียนทุกวัน “พ่อมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เมื่อคืนน้องมาหาพ่อนะ มาบอกว่าสบายดี บอกว่าไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอีกไม่นานแม่จะกลับมาอยู่กับพ่อ และทุกคนจะมีความสุข" “คะ......ว่ายังไงนะคะพ่อ”ปรางทิพย์พอจะรู้ว่าพ่อของเธอชอบปฏิบัติธรรม มาดีแตกตอนที่มีผู้หญิงเข้ามาพัวพันด้วย และได้ยินมาว่า พ่อโดนของ หลายคนบอกว่าพ่อโดนของเขมร แต่แม่กับเธอไม่เชื่อ มีเพียงอุสาวดีคนเดียวที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง “เมื่อคืนพ่อสวดมนต์ นั่งสมาธิอยู่ในห้องพระ แล้วลงมากรวดน้ำข้างล่าง น้องมายืนอยู่นอกรั้ว พอเห็นลางๆนะ แต่รู้ว่าเป็นน้อง หนูปรางไม่ต้องห่วงนะลูก น้องสบายดี เขาขอเวลาอีกสักพัก แล้วเขาจะไป” “พ่อกลับมาปฏิบัติเหมือนเดิมแล้วเหรอคะ ปรางดีใจจังอยากเจอน้องจังเลย อยากเจอน้องจังเลยค่ะพ่อ” “เดี๋ยวพ่อจะบอกน้องให้นะลูก ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเขาไม่ไปหาแม่กับหนูปราง แต่เลือกที่จะมาหาพ่อ เพราะเขาสื่อสารได้ ปรางเองก็เคยเห็นไม่ใช่เหรอลูกสมัยเด็กๆ ถ้าอยากเห็นอีกก็ลองตั้งใจดู ทำเหมือนเดิมแบบที่พ่อเคยสอน ไม่แน่น้องอาจมาให้เห็นก็ได้” อานนท์มองหน้าสองพ่อลูก ไม่ค่อยเข้าใจว่าคุยกันเรื่องความฝันหรือเรื่องจริง แล้วที่ว่าปรางทิพย์เคยเห็น เห็นอะไร ปรางทิพย์กับอานนท์พักอยู่ที่บ้านสวนของนายองอาจสองคืน ก่อนกลับนายองอาจเก็บผักและผลไม้ในสวนฝากลูกสาวจนเต็มรถ ปรางทิพย์บอกกับพ่อว่าจะกลับมาหาพ่อบ่อยๆ “เป็นยังไง มีความสุขใช่ไหม พี่ดีใจด้วยนะสำหรับความสุขในครั้งนี้” “ขอบคุณพี่มากๆนะคะ ที่อุตสาห์พามาหาพ่อ น่ารักที่สุดเลย” “น่ารักก็รักให้มากๆแล้วก็อย่าหลอกพี่นะ อืม....แต่ถึงจะหลอกพี่ก็เต็มใจให้หลอก” “ไม่หรอกค่ะ ปรางไม่เคยคิดแบบนั้น อยู่ๆก็นึกถึงมารตี สงสารนะคะ ถึงปราโมทย์จะร้ายยังไงเขาก็รักของเขา” “พี่นับถือใจมารตีเลยนะ ผู้หญิงอะไรทุ่มเทกับความรักมากมายเหลือเกิน “ ระหว่างการเดินทางกลับกรุงเทพฯสองหนุ่มสาวมีแต่เรื่องดีๆพูดคุยกัน ปรางทิพย์แอบคิดว่าอานนท์เหมือนเป็นทั้งพ่อทั้งแฟนทั้งเพื่อนของเธอ ใช้เวลาไม่นานสองคนก็มาอยู่หน้าบ้านของอานนท์ หน้าบ้านของปรางทิพย์มีรถตู้คันใหญ่จอดอยู่ “ไม่ต้องห่วงนะคะ ปรางใจเย็นและมีสติแล้ว ไม่โวยวายหรอกค่ะ” ภายในห้องนั่งเล่น นางปวีณา คุณดาราราย ปราโมทย์ และมารตี นั่งอยู่กันพร้อมหน้า ปราโมทย์อุ้มก้องภพ และมีมารตีคอยหยอกอยู่ใกล้ๆ ทุกคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน บรรยากาศเงียบสนิท “สวัสดีค่ะทุกคน ตามสบายนะคะ ตาก้องดูสดชื่นจังเลย”ปรางทิพย์ยกมือไหว้คุณดาราราย อานนท์แอบยิ้มให้ทุกคน เขายืนอยู่ข้างหลังเธอ “หนูปราง แม่ขอโทษนะลูกที่ไม่เคยเล่าให้ฟัง ว่าย่ากับพ่อตาก้องมาเยี่ยมบ่อยๆ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ ปรางรู้มาตลอด กล้องก็มีปรางเห็นทุกครั้งค่ะ” “ปรางทิพย์ ฉันขอโทษนะ ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ฉันผิดเอง ฉันเป็นสาเหตุให้อุสาวดีเป็นแบบนี้ ”คุณดารารายพูดเสียงสั่นเครือพยายามกลั้นน้ำตา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว เรามาเริ่มใหม่นะคะ เพื่อตาก้อง ฉันไม่ติดใจอะไรแล้ว” “จริงเหรอปรางทิพย์ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ถ้าผมจะมาหาลูกบ่อยๆ” “ไม่มีปัญหาค่ะ ก็คุณเป็นพ่อ พ่อก็ต้องมาหาลูก” “ปรางทิพย์ผมขอโทษ ขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมสำนึกผิด ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมไม่เคยมีความสุขเลย” “ฉันรับคำขอโทษค่ะ และฉันก็ต้องขอโทษทุกคนด้วย ที่ผ่านมาฉันแสดงกิริยาไม่ดีหลายอย่าง ”หญิงสาวยกมือไหว้ขอโทษทุกคนอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD