เช้านี้เป็นเช้าแรกที่ปรางทิพย์รู้สึกสบายใจและโล่งมาก ไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน วันนี้เธอมีนัดกับมารตี เหมือนเดิมอานนท์อาสาไปส่ง
“หนูปราง ไม่ไปทำงานเหรอลูก”
“ปรางลางานหนึ่งวัน พอดีมีนัดคุยธุระค่ะแม่ ตาก้องยังไม่ตื่นเหรอคะ”
“ตื่นมาเล่นสนุก เหนื่อยแล้วกินนม นอนหลับไปอีกแล้วลูก”
“แล้วนี่หนูจะไปยังไง อานนท์ไปส่งเหรอ”
“ค่ะแม่”
“ตกลงเรื่องทำประตูเชื่อมหากันหนูว่ายังไงลูก จะให้เขาทำไหม แม่ไม่มีปัญหานะ”
“ตกลงคะแม่ เดี๋ยวปรางบอกคุณเขาเอง ไปก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวกลับมาเย็นจะมาเล่าให้ฟังค่ะ”
อานนท์มาส่งปรางทิพย์ที่ห้างสรรพสินค้าที่หญิงสาวนัดกับมารตีไว้ที่ร้านกาแฟ มารตีมารออยู่แล้ว มารตีมีผิวที่ขาวอมชมพู น่าอิจฉามาก หน้าตาเหมือนสาวญี่ปุ่น รูปร่างเล็กบาง เสียแต่ว่าหน้าตาหมองเศร้า แววตาไม่มีแววของความสุขเลย หญิงสาวคิดในใจว่าทำไม มารตีถึงได้รักปราโมทย์ได้มากมายขนาดนี้ ยอมทุกอย่าง ยอมที่จะทุกข์เองเพื่อให้คนที่รักมีความสุข แปลกใจว่ามารตีมีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ
“สวัสดีค่ะคุณปรางทิพย์ เชิญนั่งค่ะ คุณมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้”
“สวัสดีค่ะ ฉันร้อนใจสงสัยว่า คุณอยากจะคุยอะไรกับฉัน ทั้งที่เราก็แทบไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกันเลย”
มารตีสั่งกาแฟให้ปรางทิพย์จากนั้นเข้าเรื่องทันที “ฉันไม่อ้อมค้อมนะคะ เข้าเรื่องเลยล่ะกัน”
“ค่ะ ฉันพร้อมฟัง”
“คุณรู้ใช่ไหมคะว่า ฉันรักปราโมทย์มาก รักมากจนยอมให้เขาไปมีคนอื่น เพื่อที่ว่าเขาจะได้ลูกสมใจ คุณอาจจะรู้มาบ้างแล้วว่า ฉันมีลูกยาก ตั้งแต่แต่งงานกับปราโมทย์ฉันปล่อยมาตลอด พอธรรมชาติไม่ได้ฉันก็ปรึกษาหมอ เราหมดเงินเยอะมาก ยังไงก็ไม่ท้อง ผลตรวจฉันปกติ ปราโมทย์ยิ่งปกติ เพราะเขาสามารถมีลูกกับอุสาวดีได้ ฉันพยายามทุกอย่าง ไม่ได้ผล”
“ครอบครัว พยายามให้ฉันกลับไปอยู่บ้าน แต่ฉันรักเขามาก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรักเขาได้มากมายขนาดนี้ ฉันเคยกลับไปบ้าน อยากจะเลิกกับเขา แต่สุดท้ายฉันก็ต้องกลับมาหาเขาเหมือนเดิม ฉันทำใจได้ ถึงเขาจะมีผู้หญิง แค่ขอให้ฉันได้อยู่บ้านหลังเดียวกับเขา ได้เห็นว่าเขายังกลับมาบ้าน เห็นเขามีความสุขดี แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว”
“ครอบครัวฉันและเพื่อนๆฉันด่าว่าฉันต่างๆนาๆ ว่าโง่ ว่าบ้า ฉันไม่สนใจ ฉันรักเขา ฉันทนได้ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนคุณแม่จะพูดจาแดกดันฉันเรื่องมีหลานให้ท่านไม่ได้ คุณเชื่อไหมว่าฉันทนได้ ฉันไม่รู้ว่าหัวใจของฉัน มันเป็นยังไง รู้แค่ว่าถ้าปราโมทย์มีความสุข ฉันยิ่งมีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มาใส่ใจหรือดูแลฉันก็ตาม”
“และยิ่งอุสาวดีจากไป ฉันรู้ว่าปราโมทย์ทุกข์มาก เขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการสูญเสีย นั่นยิ่งทำให้ฉันสงสารและรักเขามากยิ่งขึ้น รู้ว่าเขาสำนึกผิดในใจของฉันมีแต่คำว่าให้อภัย ทรมานใจที่เห็นเขาเป็นทุกข์”
“คุณจะด่าจะว่าฉันโง่ ฉันก็ยอม ขอให้คนที่ฉันรักมีความสุข ฉันสามารถทำใจให้อยู่กับเขาได้ และทำให้เขาได้ทุกอย่าง และที่ฉันมาพูดกับคุณ เพื่อจะมาขอร้องคุณเรื่องก้องภพ ในอนาคตฉันเชื่อว่าคุณแม่กับปราโมทย์ก็ต้องทำเรื่อง เพื่อขอตาก้องมาเลี้ยงเอง และฉันเชื่อว่าความเป็นจริง สามีฉันมีสิทธิ์มากกว่าฝั่งยายกับป้า แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย ฉันไม่หวังว่าทางคุณจะยอมให้ตาก้องมาอยู่กับเราไหม ฉันมาเพื่อแสดงให้คุณรู้ว่า ฉันสามารถเลี้ยงดูตาก้องได้ ฉันไม่เคยรังเกียจ กลับเอ็นดูและสงสารตาก้องด้วยซ้ำที่กำพร้าแม่ “
“คุณจะด่าว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ว่ามาเลย ฉันมีลูกไม่ได้ แต่ถ้าฉันได้เลี้ยงลูกของคนที่ฉันรัก รับรองว่าฉันจะเลี้ยงดูเขาอย่างดี ฉันยินดีเลี้ยงและดูแลเหมือนลูกของฉันเอง”
“จุดประสงค์ของฉัน มาเพื่อยืนยันกับคุณว่า หากว่าเมื่อไหร่ที่คุณยอมให้ตาก้องไปอยู่บ้านเรา ฉันนี่แหละจะเป็นคนเลี้ยงเขาเอง ฉันเองเคยทำไม่ดีกับอุสาวดี ฉันไม่หวังหรอกนะคะว่าจะได้เลี้ยงตาก้องเมื่อไหร่ แต่ฉันอยากบอกให้คุณรู้ว่าฉันพร้อมที่จะดูแลตาก้อง”
“ยิ่งฉันไปเห็น ฉันยิ่งรักและเอ็นดูเขา ฉันรู้ว่าคุณก็รู้ว่าเราแอบไปหาตาก้อง แต่คุณอย่าโกรธพวกเราเลยนะ คุณกับแม่คุณรักเขาเท่าไหร่ บ้านเราก็ไม่ต่างกับบ้านคุณเลย ที่ฉันพูดมาทั้งหมดไม่ได้อยากให้คุณเห็นใจหรือสงสาร แต่ทั้งหมดที่ฉันพูดมาคือความจริงที่ออกมาจากใจของฉัน”
“คุณมันบ้ามากเลยนะมารตี ทำไมโง่เง่าแบบนี้ หน้าตาก็ดี พื้นฐานครอบครัวก็ร่ำรวย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม คุณถึงได้มารักผู้ชายแบบปราโมทย์ และทนแม่สามีได้ยังไง ยอมให้สามีไปมีคนอื่นได้ยังไง ฉันจะบ้าตาย รักบ้ารักบออะไรของคุณ ยังมีคนแบบนี้อยู่เหรอในยุคนี้”
“คุณปรางทิพย์ คุณไม่เคยรักใครแบบบริสุทธ์ใจ คุณจะไม่มีวันรู้เลย มันต่างกับที่เรารักแม่ รักพ่อ รักพี่รักน้อง สำหรับฉันเมื่อก่อน ฉันอาจจะเกิดอาการหึงหวง แต่หลังจากเกิดเรื่องกับอุสาวดี มันทำให้ฉันปลง เข้าใจชีวิตมากขึ้น เวลาบนโลกนี้เหลือไม่มากเลย เราไม่รู้เลยว่าวันไหนคนที่เรารักเขาจะจากเราไปตลอดกาล เพราะแบบนี้เวลาที่เหลือ ฉันจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ฉันไม่อยากเสียใจภายหลัง เมื่อวันที่คนที่เรารักเขาไม่อยู่กับเราแล้ว”
“ ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้มารตี คุณบ้าไปแล้ว บ้ามาก บ้าที่สุด คนอย่างคุณจะหาผู้ชายดีๆได้อีกตั้งมากมาย หรือไม่ก็อยู่คนเดียวไปเลย ทำไมคิดได้แค่นี้ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับคุณแล้ว เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ”
“ฉันถึงบอกไงคะ ว่าจะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่ยังไงฉันก็รักเขา ฉันไม่ต้องการอะไร ขอแค่ให้เขามีความสุข ฉันก็มีความสุขแล้ว”
“และฉันขอร้องคุณอีกอย่างได้ไหมคะ อย่าบอกใครว่าฉันมาหาคุณ ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนมีเหตุผล เราก็รุ่นราวคราวเดียวกัน เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ฉันไม่ได้อยากให้คุณสงสารหรือเห็นใจฉัน แค่อยากให้คุณวางใจว่าถ้าหากเมื่อไหร่ ที่คุณต้องส่งตาก้องคืนพ่อเขา ฉันจะเลี้ยงดูเขาอย่างดี ฉันไม่มีวาสนาที่จะได้ตั้งท้องและเลี้ยงลูกของตัวเอง แต่ถ้าฉันได้เลี้ยงเด็กสักคน ฉันจะเลี้ยงให้เขาเป็นคนดี”
ปรางทิพย์นั่งฟังมารตีพูด ดื่มน้ำไปหลายแก้ว งงว่ามีคนแบบนี้ด้วยเหรอ มารตีทำให้เธอปวดหัวมาก
“เอาล่ะ เอาเป็นว่าฉันรับรู้และรับฟัง ความในใจของคุณ รับรองว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องวันนี้ ฉันจะพยายามเข้าใจ ถึงแม้ว่าฉันจะสับสนมากก็ตาม”
สุดท้ายปรางทิพย์และมารตี กินข้าวกลางวันด้วยกัน และพูดคุยเรื่องอื่นๆต่อกว่าจะแยกย้ายกันก็เกือบบ่ายสองโมง ปกติปรางทิพย์ไม่ค่อยพูดคุยกับใครได้นานขนาดนี้ แต่ยิ่งได้คุย ยิ่งเกิดความสงสารผู้หญิงคนนี้ ทำไมถึงได้ยอมสละความสุขส่วนตัว เพื่อผู้ชายคนหนึ่งได้ขนาดนี้ ความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลยจริงๆ
ปรางทิพย์โทรหาอานท์ หลังจากที่แยกกับมารตี นึกเป็นห่วงว่าเขาไปทำอะไรอยู่ตรงไหนระหว่างที่รอเธอ เป็นครั้งแรกที่ห่วงว่าเขาจะกินและอยู่ยังไง
“เป็นยังไงครับ ทำไมผู้หญิงเวลาเจอกันคุยกันนานจังเลย”
“คุณกินข้าวหรือยังคะ แล้วไปอยู่ตรงไหนมา ฉันขอโทษนะคะคุยกันนานไปหน่อย”
“ดีใจจัง มีคนเป็นห่วงด้วย ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่กินข้าวแล้ว เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลยไหม ออกมานานแล้ว เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”
“ค่ะกลับเลยล่ะกัน มารตีทำปรางปวดหัวมากเลย สงสัยต้องกินยาแก้วปวดหัวแล้วล่ะ”
อานนท์ยิ้มอย่างถูกใจ เป็นครั้งแรกที่ปรางทิพย์แทนตัวเองว่า ปราง ปกติจะใช้คำว่า ฉัน แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว คนอย่างปรางทิพย์ไม่ต้องไปบังคับให้เปลี่ยน ต้องให้เปลี่ยนตัวเอง
“ไม่ต้องกินยาหรอก เดี๋ยวพี่นวดให้”
“พูดแล้วนะคะ ห้ามคืนคำ” ปรางทิพย์หมายว่าอย่างที่เธอพูดจริงๆ นึกถึงคำพูดของมารตีแล้ว รู้สึกเห็นด้วย ถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ทำตามหัวใจตัวเองเถอะปราง รู้ว่าคนข้างๆยิ้ม เริ่มรู้สึกว่าชอบเวลาเขายิ้ม อานนท์ทำให้เธอคิดถึงพ่อขึ้นมาทันที
“ปรางว่าจะโทรหาพ่อ พี่มีอะไรจะแนะนำไหมคะ”
“แนะนำว่าให้โทรเลยครับ ท่านคงรอนานแล้ว”
อานนท์มองคนข้างๆ ปรางทิพย์เอนตัวพิงกับเบาะรถ ท่าทางสบายๆไม่รู้ว่าสองสาวคุยอะไรกัน ปรางทิพย์ถึงได้มีอาการแบบนี้ แต่ก็ดีแค่การพูดคุยกันไม่กี่ชั่วโมง จะทำให้ผู้หญิงที่ดูแข็งๆอ่อนโยนลงได้มากขนาดนี้
หญิงสาวไม่ลังเล เธอไลน์หาแม่ขอเบอร์พ่อ เธอเคยได้ยินว่าแม่เคยคุยกับพ่ออยู่บ่อยๆเดือนละสองหรือสามครั้ง พ่อโทรถามสารทุกข์สุกดิบ ของภรรยาและลูกสาว
“อะไรครับ มีอะไรเหรอ ไหนบอกจะโทรหาพ่อ”อานนท์สงสัยว่าอยู่ๆปรางทิพย์ก็หันทั้งตัวมาหาเขา เหมือนอยากจะพูดอะไรด้วย
“จะโทรแล้วนะคะ”
ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนใช้มืออีกข้างลูบไปที่หัวของปรางทิพย์”ครับโทรเลย“
“สวัสดีค่ะพ่อ ปรางเองนะคะ สบายดีไหมทำอะไรอยู่คะ”
“พ่อคะ ทำไมเงียบไป เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่าลูก เปล่าพ่อไม่ได้เป็นอะไร หนูมีอะไรลูก แม่เป็นอะไรหรือเปล่า หรือตาก้องไม่สบาย”
ปรางทิพย์น้ำตาไหล เสียงพ่อเธอสั่นเครือเหมือนคนกำลังร้องไห้
“พ่อขา ไม่มีใครเป็นอะไรหรอกค่ะ ปรางคิดถึงพ่อเลยโทรหา “จากนั้นปรางทิพย์ร้องไห้ออกมาเสียงดัง จนอานนท์ต้องรีบจอดรถข้างทาง เขาตกใจมาก เสียนายองอาจถามมาว่าปรางทิพย์เป็นอะไร แต่เจ้าตัวร้องไห้สะอื้นจนตัวโยน
“ครับ คุณน้าผมอานนท์เองนะครับ ปรางไม่เป็นอะไรครับ น่าจะดีใจ ถือสายรอสักครู่นะครับ”
“ปราง ใจเย็นๆนะพี่เข้าใจ แต่ตอนนี้พ่อรออยู่ คุยกับพ่อก่อนนะ”
ปรางทิพย์ปล่อยความรู้สึกอึดอัดออกมา เธอเก็บความโกรธ ความน้อยใจ ไว้มานานหลายปี ตั้งแต่แม่ พาเธอกับน้องย้ายเข้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯต้องต่อสู้กันตามลำพังสามคน เวลานี้แค่ได้ยินเสียงของพ่อ กำแพงที่เธอตั้งไว้ได้ทลายลง
“พ่อขา ตอนนี้พ่ออยู่ไหนคะ อยู่กับใครน้าเขายังอยู่กับพ่อไหม ใครดูแลพ่อคะ”
“พ่ออยู่บ้านลูกบ้านหลังใหม่ พ่ออยู่คนเดียวมานานแล้วนะ ตั้งแต่หนูกับแม่เข้ากรุงเทพฯ”
“อะไรกันคะพ่อ หมายความว่ายังไง”ปรางทิพย์รีบเช็ดน้ำตา เธอตกใจทำไมเธอไม่เคยรู้ แม่ไม่เคยเล่าให้ฟัง แล้วแม่เธอรู้ไหม ปรางทิพย์ตัดสินใจบางอย่างทันที