ความรักความสวยงามที่หายไปตลอดกาล

1982 Words
นางปวีณา รับไหว้อานนท์ นางปวีณาจำชายคนที่มาส่งลูกสาวคนโตได้ เขาเคยมาที่บ้านพร้อมปราโมทย์ และเป็นคนที่ห้ามลูกเขยนางไม่ให้ทะเลาะกับอุสาวดี ดูลักษณะท่าทางเป็นคนมีเหตุผล เป็นผู้ใหญ่ หน้าตาและกิริยาท่าทางไม่เหมือนปราโมทย์เลย ต่างกันมาก มองเห็นบางอย่างในแววตาของเขา มั่นใจว่าใช่แน่นอน "ผมบังเอิญเจอปรางทิพย์ที่โรงพยาบาล เธอเป็นลมผมเลยพามาส่ง ไม่ต้องห่วงเรื่องที่วัดนะครับ เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว" "น้าขอบใจมากนะคุณสำหรับทุกอย่าง ขอตัวไปดูหนูปรางก่อนนะคะ" นางปวีณาเดินตามลูกสาวคนโตเข้าบ้าน ปรางทิพย์ยังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา “ปรางไปอาบน้ำก่อนลูกไป แล้วมากินข้าว พรุ่งนี้ยังต้องมีอะไรทำอีกเยอะนะลูก เข้มแข็งไว้” “ค่ะแม่ คืนนี้ปรางขอนอนกอดแม่นะคะ ไม่ไหวจริงๆ” “ได้ซิลูก เราจะนอนรวมกันสามคนนี่แหละ” ปรางทิพย์ไปอาบน้ำที่ห้องพักส่วนตัว อดไม่ได้ที่จะแวะไปที่ห้องของน้องสาว ก่อนหน้านี้อุสาวดี พาลูกย้ายกลับมาอยู่บ้านเกือบสองเดือน อยู่กับความทุกข์ทรมาน เมื่อไหร่ที่เธอเห็นน้องสาวเศร้า สุดจะสงสาร พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้น้องสาว มีความสุขขึ้นมาบ้าง ทั้งแม่และเธอ ต่างร่วมมือกัน ทำทุกอย่าง อยากให้น้องหายเศร้า แต่อุสาวดีไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ทำให้บางครั้ง มีปากเสียงกันบ่อยๆความเจ็บปวดของน้องสาว ทำให้เธอโกรธและเกลียด พวกที่ทำให้น้องเธอทุกข์ แต่หลังจากนี้ เธอจะไม่ได้เห็นภาพเหล่านั้นอีกแล้ว อุสาวดีเลือกทางเดินของตัวเอง เหมือนเห็นแก่ตัว ทิ้งลูกน้อยไว้ให้กำพร้าแม่ เธอเข้าใจน้องดี อุสาวดีเลือกรักคนผิด ถ้าไม่เจอปราโมทย์ น้องสาวเธอคงไม่มีชีวิตแบบนี้ หลานของเธอก็ไม่กำพร้า เห็นหน้าปราโมทย์ครั้งแรกเธอ ไม่เคยเชื่อใจผู้ชายคนนี้เลย ดูหน้าเขาก็รู้ว่าไม่มีความจริงใจ ไม่ได้รักน้องสาวเธอจริงๆ แค่หลงในรูปสวยของอุสาวดี ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าครอบครัวนั้นอยากได้ผู้สืบสกุล ยิ่งหลานเธอเป็นผู้ชาย มีอย่างที่ไหน จะพรากลูกพรากแม่ จะเอาแต่ลูกไม่เอาแม่ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ อุสาวดีอ่อนแอเกินไป คนพวกนั้นต้องเจอกับเธอ ถึงจะเหมาะสมกัน “แม่คะ แม่อย่าห่างตาก้องนะคะ ห้ามใครอุ้มด้วย” “แม่รู้ลูก แม่รู้” “สงสารน้องจังเลยค่ะแม่ ป่านนี้น้องคงนอนหนาว เขาเอาน้องไว้ในห้องเย็นค่ะ” “อุสาไม่รับรู้อะไรแล้วลูก มีแต่ร่างแล้ว ปรางอย่าคิดมากนะ กินข้าวแล้วรีบนอน พรุ่งนี้ต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้า แม่ไม่อยากให้ลูกขับรถเลย เรียกแท็กซี่ดีกว่านะ ส่วนแม่เดี๋ยวเรียกรถไปที่วัดเอง หนูไม่ต้องห่วง รีบพาน้องไปวัด จัดการทุกอย่างให้ดี ทำให้สมกับที่เรารักเขา ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้ทำให้น้อง” “ค่ะแม่ ปรางจะเข้มแข็ง ต่อจากนี้ไปปรางจะไม่ร้องไห้แล้ว“ สี่ทุ่มหลานน้อยของเธอกินนมหลับไป นางปวีณาที่นอนอยู่ข้างๆปรางทิพย์ กำลังจะหลับ มีสายแปลกๆโทรหาเธอ วันนี้ทั้งวัน เธอรับโทรศัพท์ตลอด ทั้งเพื่อนของอุสาวดีและคนรู้จัก “สวัสดีค่ะ” “ปรางทิพย์ ผมเองนะอานนท์ อย่าเพิ่งวางสายนะครับ พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณไปโรงพยาบาล จะส่งรถไปรับแม่คุณกับหลานไปรอที่วัด และจะมีพยาบาลไปประกบแม่กับหลานของคุณ ผมเห็นแล้วเมื่อเย็นท่านดูเหนื่อยล้ามาก ไหนจะดูแลหลานอีก ผมไม่มีเจตนาอื่น แค่อยากช่วย เชื่อใจผมนะ” “คุณทำเพื่ออะไร” “ก็บอกแล้วไง ว่าอยากช่วย กลับกัน ถ้าคุณเห็นคนลำบาก คุณพอที่จะช่วยได้ คุณจะช่วยไหม ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าปราโมทย์ไม่ใช่น้องชายแท้ๆของผม เรื่องนั่นไว้ว่างๆผมจะอธิบายให้ฟัง ผมเห็นใจอุสาวดี และสงสารเด็ก ผมมีส่วนผิดที่ไม่เคยบอกอุสาวดี ว่าปราโมทย์มีมารตี" “แล้วฉันจะเชื่อได้ยังไง” “พรุ่งนี้จะมีคนของผม ดูแลความปลอดภัย ไม่ต้องห่วงตาก้อง คุณทำหน้าที่ของคุณให้เต็มที่ ทำให้กับอุสาวดีเป็นครั้งสุดท้าย คนของผมจะดูแลครอบครัวคุณเองทั้งที่บ้านและที่วัด เริ่มตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องตกใจถ้าเห็นมีคนกระจายตัวอยู่รอบบริเวณบ้านคุณ พรุ่งนี้สองโมงเช้าผมไปรับที่บ้าน นอนพักผ่อนได้แล้ว” “ใครเหรอลูก“ “คุณอานนท์ค่ะแม่ เขาให้คนของเขามาคอยดูแลเรา ที่บ้านและที่วัด บอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องหลาน พรุ่งนี้เขาจะให้พยาบาลมาช่วยเลี้ยงตาก้อง และดูแลแม่พร้อมพาแม่กับตาก้องไปรอที่วัด และเขาจะรับปรางไปหาน้องที่โรงพยาบาล " “งั้นเหรอ”นางปวีณา ลุกขึ้นยืนมองไปที่บริเวณหน้าบ้าน เห็นว่ามีรถกระบะสองคัน จอดอยู่ห่างออกไปจากตัวบ้าน หลังบ้านหนึ่งคัน หน้าบ้านหนึ่งคัน “เขาทำเพื่ออะไรคะแม่ ปรางไม่อยากเชื่อว่าเขาจะไม่เข้าข้างน้องชายกับแม่เลี้ยงเขา” “แม่เชื่อว่าเขาไม่ได้เห็นด้วย อุสาเคยเล่าให้แม่ฟังว่า ปราโมทย์ไม่ค่อยลงรอยกับพี่ชายต่างแม่นัก อิจฉาว่าเขาได้มรดกมากกว่า “ “ช่วงนี้เราคงต้องพึ่งเขาไปก่อน ไว้เสร็จงานน้องค่อยว่ากันใหม่ ปรางนอนก่อนนะคะแม่ เหนื่อยจังเลย" ปรางทิพย์หลับทันทีที่หัวถึงหมอน ไม่เถียงว่าพออานนท์โทรมา ทำให้เธอโล่งหลายอย่าง นึกเสียใจที่พูดกับเขาไม่ดีเมื่อวันแรกที่เจอกัน เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่เธอได้พูดคุยกับเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมองเขาเป็นฝั่งตรงข้ามตลอด ลองดูว่าเขาจะเป็นกลางจริงไหม ปรางทิพย์ตื่นหกโมงเช้า นางปวีณาตื่นก่อนหน้านั้นแล้ว ก้องภพนอนไม่ค่อยหลับ ทำให้ยายต้องตื่นบ่อยๆส่งผลให้นางปวีณาอ่อนเพลียไม่มีแรง สาเหตุจากเพราะสูญเสียลูกสาวคนเล็ก ถึงจะทำใจและเตรียมใจไว้แล้ว ก็อดเศร้าและเสียใจไม่ได้ เจ็ดโมงเช้า รถตู้คันใหญ่แปลกตาวิ่งมามาจอดนิ่งรอที่หน้าบ้าน อานนท์ก้าวขาลงมาพร้อมพยาบาลสองคน ตามที่เขาบอกไว้เมื่อคืน ปรางทิพย์อยู่ในชุดเดรสแขนยาวสีดำยาวกรอมเท้า แต่งหน้านิดหน่อย รวบผมยาวไว้ข้างหลังด้วยโบว์ผ้าสีดำเรียบร้อย สะพายกระเป๋าหนังสีดำ สวมรองเท้าคัทชูส้นเตี้ย อุ้มหลานชายไว้แนบอก เด็กชายก้องภพ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หัวเราะและยิ้มให้ป้า ก้องภพติดป้าปรางของเขามาก เพราะส่วนมากป้ากับแม่จะดูแล มากกว่าอุสาวดีที่ป่วยบ่อยและเครียด หลังๆมาไม่มีแม้แต่แรงจะอุ้มลูก และป่วยเรื้อรังมาตลอด “สวัสคีครับคุณน้า ผมพาพยาบาลมาด้วยสองคน ให้มาคอยดูแลทุกคนครับ “ “ขอบใจนะคุณ ขอบใจมาก น้าเองก็อาการไม่ดี เมื่อคืนตาก้องไม่ค่อยนอนเหมือนจะรู้ว่าแม่ไม่อยู่แล้ว” นางปวีณาพูดเสียงสั่น “ไหวไหมคุณส่งหลานให้พยาบาลก็ได้นะครับ จะได้ไม่เหนื่อยมาก” ปรางทิพย์ส่งหลานชายให้พยาบาล ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำให้เธอวางใจว่าเขาจะรักษาคำพูด เหมือนว่าเขาอยู่ข้างเธอ สถานการณ์มันต้องเป็นแบบนี้ ไม่งั้นเธอกับแม่จะไม่ไหว รถตู้ของเขาใหญ่มาก เธอรู้มาจากอุสาวดีว่า เขาเป็นลูกชายคนโต เป็นลูกของแม่ใหญ่ ที่กุมทุกอย่างภายในบ้าน ปราโมทย์เป็นลูกของแม่เลี้ยง แม่กับพ่อเขาหย่าร้างกันแต่ก็ยังคงดูแลกัน เพราะมีธุรกิจที่ต้องทำร่วมกัน อานนท์อาศัยอยู่กับแม่ สองคน ส่วนพ่อของเขาอาศัยอยู่คนเดียวที่ต่างจังหวัด เธอไม่เคยถามน้องสาวว่า เพราะอะไร ทำไมคนเป็นพ่อถึงได้แยกตัวเองไปอยู่ลำพัง ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของเธอ ปรางทิพย์นั่งคู่กับอานนท์เบาะหลังคนขับ แม่หลานอยู่ด้านหลังกับพยาบาล อุ่นใจที่มีคนช่วยแม่ดูแลหลาน เธอไม่มั่นใจว่าแม่จะไหวไหม ที่ต้องเจอกับอุสาวดีในสภาพที่ไม่มีลมหายใจ ปรางทิพย์ถอนหายใจ หลายสิ่งหลายอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก หญิงสาวเอนหลังพิงกับเก้าอี้หลับตานิ่ง “คุณจะให้ตาก้องอยู่กับพยาบาลบนรถนี้ไหม หรือจะพาเขาไปรับแม่ด้วยกัน” “ก็ได้ ไปด้วยกันนี่แหละ” จากนั้นเป็นอานนท์ที่จัดการทุกอย่าง เขาพาเธอและทุกคนไปที่ห้องที่อุสาวดีอยู่ นางปวีณาจับมือปรางทิพย์ไว้แน่น นี่ถ้าไม่มีพยาบาลสองคนที่คอยดูแลก้องภพ มีหวังว่าไม่แม่ก็เธอ คงได้พาหลานล้มแน่ๆ “แม่คะทำใจดีๆนะคะ “ปรางทิพย์ยืนมองร่างของน้องสาวที่เจ้าหน้าที่เข็นออกมา สองแม่ลูกกอดกันแน่น เธอพาแม่เข้าไปหาน้องสาวใกล้ๆ นางปวีณาร้องไห้ไม่หยุด เมื่อได้เห็นลูกสาวคนเล็ก นั่นยิ่งทำให้ปรางทิพย์กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นหลักให้แม่ แต่ก็อดไม่ได้ “มืออุ่นๆมาแตะที่ไหล่ของเธอ หญิงสาวรู้สึกตัว” ทุกอย่างเรียบร้อย รถของอานนท์ขับนำ รถตู้ที่มีร่างของอุสาวดี พาไปที่วัด บรรยกาศช่วงนี้หดหู่ใจเหลือเกิน ที่วัดมีเพื่อนๆและคนที่รู้จักรออยู่แล้ว ทุกคนต่างก็เข้ามาแสดงความเสียใจด้วย “ไม่ต้องห่วงหลานนะคุณ พยาบาลจะอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ให้ห่างสายตา รอบนอกมีแต่คนของผม คุณรับแขกเถอะ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผมอยู่แถวนี้” เป็นอย่างที่อานนท์พูด เขาอยู่บริเวณนั้นตลอดเวลา พยาบาลสองคนผลัดเปลี่ยนกันดูแลทั้งแม่เธอและหลานชาย ถึงเวลานี้เธอต้องเข้มแข็งจริงจังแล้ว พิธีการผ่านไปจนร่างของอุสาวดีได้ไปนอนพักจริงภายในสถานที่อันสมควร ตาก้องงอแงมาก พยาบาลสองคนช่วยกันดูแลให้กินนมแล้วหลับไป “เดี๋ยวสักพัก รถจะไปส่งให้คุณกับแม่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทีมจัดดอกไม้ เพิ่งเดินทางมาถึง คืนนี้จะมีพยาบาลอีกสองคนไปช่วยแม่กับคุณที่บ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ดูแลแม่และตัวเองให้ดี” “ขอบคุณมากค่ะ” สุดท้ายเธอต้องรับความช่วยเหลือจากเขา อานนท์ให้รถมาส่งพวกเธอให้กลับไปอาบน้ำที่บ้าน ส่วนตัวเขาอาสาอยู่ดูแลที่วัดให้ กระทั่งกลับมาที่วัดอีกครั้ง ทุกอย่างพร้อม เป็นอานนท์อีกนั่นแหละที่จัดการทุกอย่าง พิธีการทุกอย่างผ่านไปด้วยดีสำหรับคืนแรก ก้องภพหลับสนิท ปรางทิพย์วนเวียนเฝ้ามองหลานชายตลอดเวลา ถึงอานนท์จะรับปากว่าหลานจะปลอดภัย จะไม่มีใครเข้ามาใกล้ได้ แต่เธอก็ยังไม่วายเป็นห่วง เธอไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายอะไรอีก ปรางทิพย์ไม่ไว้ใจปราโมทย์กลัวเขากับแม่เขา จะมาแย่งหลานไป แ่ละเธอจะไม่ยอมเด็ดขาด ก้องภพต้องอยู่กับยายและป้าของเขาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD