ความจริง เป็นคนดี และมีเหตุผล

2011 Words
ปรางทิพย์ส่งแม่เข้าห้องฉุกเฉิน ยื่นเอกสารเรียบร้อย นั่งรอที่หน้าห้อง เกิดอะไรขึ้นกับเธอ น้องสาวเพิ่งจะเผายังไหม้ไม่หมดเลย แม่ก็มาไม่สบาย หญิงสาวใจไม่ดี ห่วงหลานก็ห่วง “คุณ....เป็นยังไงบ้าง คุณน้าอยู่ข้างในใช่ไหม” “ค่ะ รอว่าจะต้องนอนที่โรงพยาบาลหรือเปล่า” “ผมว่าให้คุณน้าอยู่ใกล้มือหมอดีกว่านะ ” “ที่วัดเป็นยังไงบ้างคะ” “เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็ไปเก็บกระดูก ส่วนตาก้องแม่ผมกับพ่อพากลับไปพักผ่อนที่บ้านคุณ ไม่ต้องห่วงนะ” “ปราโมทย์กับแม่เขากลับไปแล้ว รับรองว่าช่วงนี้สองคนนั้นไม่กล้ามายุ่งกับคุณหรอก” ระหว่างที่ทั้งสองคนนั่งคุยกัน พ่อของปรางทิพย์เดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อตามดูอาการของอดีตภรรยา “หนูปรางแม่เขาเป็นยังไงบ้างลูก” “ปลอดภัยแล้วค่ะ รอแค่ว่าจะต้องนอนที่นี่หรือกลับบ้าน “ “หนูปราง รับเงินนี่ไว้นะลูก เอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย “ “ไม่เป็นไรค่ะ พ่อเก็บไว้ใช้จ่ายกับครอบครัวใหม่ของพ่อเถอะ ปรางพอมี และเชื่อว่าแม่คงไม่อยากให้รับเหมือนกัน นี่ถ้าอุสาไม่เสียปรางกับแม่คงไม่ได้เจอหน้าพ่อซินะคะ”อดที่จะเหน็บแนมพ่อไม่ได้ “หนูปรางลูก พ่อขอโทษ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ เราอยู่ของเราได้ พ่อกลับบ้านไปหาครอบครัวพ่อเถอะค่ะ หายมาหลายวันเดียวจะมีปัญหา โชคดีนะค่ะพ่อ อย่าทำให้แม่ไม่สบายใจอีกเลยค่ะ พวกเราอุตสาห์หนีมาแล้ว สบายใจแล้ว ปรางไม่อยากให้แม่ต้องเสียใจอีก” นายองอาจไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จริงอย่างที่ลูกสาวคนโตเขาพูดทุกอย่าง “งั้นพ่อกลับก่อนนะ มีอะไรที่อยากให้พ่อช่วย โทรหาพ่อได้เลย พ่อยังใช้เบอร์เดิม” “เดินทางปลอดภัยนะคะพ่อ ขอบคุณที่มาส่งน้องเป็นครั้งสุดท้าย”ปรางทิพย์ยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ หันหน้าไปทางห้องฉุกเฉิน อานนท์ยกมือไหว้ลานายองอาจ เขาเป็นคนนอกไม่สามารถพูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ นายองอาจเดินทางกลับต่างจังหวัดภายในวันนั้นทันที ยอมรับสภาพตัวเอง เพราะเขาไม่พอ ปวีณาถึงได้พาลูกหนีเขากรุงเทพฯอดีตภรรยาเขาใจแข็ง ลูกสาวคนโตนิสัยเหมือนแม่ ไม่นานพยาบาลออกมาแจ้งปรางทิพย์ว่า นางปวีณาต้องนอนพักที่โรงพยาบาล หญิงสาวจองห้องพิเศษให้แม่ อานนท์คอยตามดูแลเธอตลอดเวลา ปรางทิพย์ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อดี จะอยู่เฝ้าแม่หรือจะกลับบ้านไปดูหลาน แต่คงต้องกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เช้าเธอต้องตื่นไปเก็บกระดูกของอุสาวดี “แม่คะ แม่พักผ่อนอยู่ที่โรงพยบาลนี้นะคะ ปรางให้พยาบาลพิเศษเฝ้าตลอดเวลา พรุ่งนี้เช้าปรางต้องไปเก็บกระดูกของน้อง ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรางจะมาหาแม่วันมะรืนนะคะ” “ไม่เป็นไรลูก หนูปรางไปทำทุกอย่างให้เรียบร้อยไม่ต้องห่วงแม่ รีบกลับบ้านเถอะ แม่เป็นห่วงหลาน เกรงใจคุณบุษบากับคุณอารักษ์เขา” “คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะคอยดูแลปรางทิพย์กับหลานเอง ไว้ใจผมนะครับ” “ขอบใจมากนะ คุณช่วยเราหลายอย่าง เกรงใจมาก”มาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนางปวีณาจะไม่รู้ว่า อานนท์มีจุดประสงค์อะไร ไม่แปลกใจที่ปรางทิพย์อ่อนลง ดูเหมือนว่าจะมีอานนท์คนเดียวที่บอก และแนะนำลูกสาวนางได้ บางเรื่องบางอย่างปรางทิพย์ยังไม่ค่อยเชื่อฟังแม่เลยแต่กลับฟังอานนท์ รู้เลยว่าเขาจริงใจ และสามารถดูแลปรางทิพย์ได้ “คุณจะค่ำแล้วแวะกินข้าวก่อนดีไหม แล้วค่อยเข้าบ้าน ผมจะได้ซื้อฝากคนที่บ้านด้วย” “ขอโทษค่ะฉันลืมไปเลย” ปรางทิพย์พูดเหมือนไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ “อานนท์พาปรางทิพย์แวะไปกินข้าวที่รานอาหาร สองคนกินข้าวด้วยกันเงียบๆปรางทิพย์เงียบ แต่ก็ไม่ลืมขอบคุณที่อานนท์ทำโน้นทำนี่ให้ อานนท์โทรหาแม่ บอกให้รอกินข้าว เขากำลังกลับและซื้อกับข้าวฝากทุกคน “มากันแล้วเหรอลูก แม่เป็นยังไงบ้างหนูปรางทิพย์” “แม่เหนื่อยและอ่อนแรงมากค่ะคุณป้า คุณหมอบอกว่าต้องนอนพักที่โรงพยาบาลค่ะ” คุณบุษบาโอบกอดปรางทิพย์ แล้วพาเดินเข้าไปภายในบ้าน “ตาก้องกำลังเล่นอยู่กับพยาบาล ไร้เดียงสาจริงๆไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย”เสียงคุณบุษบาขาดหายไป “ปรางขอบคุณ คุณลุงกับคุณป้ามากเลยนะคะ อุตสาห์อยู่เป็นเพื่อนตาก้อง น้องพยาบาลสองคนก็อุ่นใจด้วย” “แล้วคืนนี้จะอยู่กันยังไงลูก แม่ก็อยู่โรงพยาบาล “ ปรางทิพย์หันมาหาอานนท์ เหมือนขอคำปรึกษา “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะอยู่เป็นเพี่อนปรางทิพย์เอง เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้าไปวัด” “งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว พ่อกลับบ้านก่อน เดี๋ยวต้องไปส่งแม่เขาที่บ้านอีก อานนท์อยู่เป็นเพื่อนน้องดีแล้วลูก เรื่องอื่นค่อยว่ากันนะ “ หลังจากที่ทุกคนกินมื้อเย็นเรียบร้อย อานนท์กับปรางทิพย์ออกมาส่งคุณอารักษ์และคุณบุษบาขึ้นรถที่หน้าบ้าน “คุณคะ จริงๆคุณไม่ต้องนอนที่นี่ก็ได้นะคะ ฉันเกรงใจ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมเต็มใจ จะอยู่กันแต่ผู้หญิงได้ยังไง แถมยังมีเด็กอีก อันตราย” “ก็ได้ค่ะ งั้นคุณนอนที่ห้องรับแขกนะคะ เดี๋ยวฉันพาไป”ปรางทิพย์พาอานนท์ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ข้างบนมีสามห้องนอน ห้องเธอห้องอุสาวดีอยู่ติดกัน อีกฝั่งตรงข้ามเป็นห้องรับแขก ซึ่งไม่เคยเปิดให้แขกคนไหนมาพัก อานนท์เป็นคนแรก “ห้องนี้ไม่เคยเปิดให้ใครมาพัก เพราะไม่เคยมีแขก แต่ฉันทำความสะอาดไว้ตลอด และมาทำงานในห้องนี้บ้าง คุณพักได้ตามสบายนะคะ แล้วคุณมีเสื้อผ้าเปลี่ยนใช่ไหม” “ครับมีผมติดรถไว้ตลอด แล้วคืนนี้คุณนอนที่ไหน” “เดี๋ยวฉันลงไปนอนห้องแม่ค่ะ อยากอยู่ใกล้ๆหลาน” “ครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำเสร็จผมลงไปอยู่เป็นเพื่อน ผมนอนดึก” ปรางทิพย์เข้าห้องพักส่วนตัว อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเสื้อแขนสั้นกางเกงขายาว เหนื่อยเหลือเกิน คิดว่าตัวเองต้องลางานต่ออีกหลายวันแน่ๆเพราะแม่ก็มาป่วยอีกคน หัวสมองคิดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องแม่ไม่สบาย เรื่องหลานชาย กลัวว่าดารารายกับปราโมทย์มาลักพาตัวหลานไป เธอรู้ว่าปราโมทย์มีสิทธิ์เต็มที่เพราะเป็นพ่อ แต่หลานอยู่กับเธอมานานและยายก็รักหลานมาก ถ้าไม่มีตาก้องแม่กับเธอคงเหงา เธอกลัวว่าถ้าเวลาผ่านไป ระหว่างที่เธอไปทำงาน แม่อยู่กับหลานสองคน ปราโมทย์จะต้องหาโอกาส มาลักพาตัวหลานของเธอไป ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ปรางทิพย์ลงมาข้างล่าง แวะเล่นกับหลานให้พยาบาลไปทำธุระส่วนตัว ตาก้องกำลังอยากรู้อยากเห็นยิ้มและหัวเราะตลอดเวลา หญิงสาวอยู่กับหลานชายจนก้องภพหลับไปและเธอก็เผลอนอนหลับอยู่ข้างๆหลานชายตัวน้อย อานนท์แวะเข้าไปดูปรางทิพย์ ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือ ปรางทิพย์นอนตะแคงหนุนหมอนสูง มืออีกข้างกอดร่างอวบอ้วนของหลานชายไว้ในอ้อมแขนก้องภพหลับสนิท กระทั่งพยาบาลกลับเข้ามาดูก้องภพอีกครั้ง ปรางทิพย์ถึงรู้สึกตัวตื่น “คุณยังไม่นอนเหรอคะ ฉันเผลอหลับไปค่ะ” “ยังครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ แต่ว่าตอนนี้คุณขึ้นไปนอนพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปวัดกัน” “ฉันห่วงหลานค่ะ ถ้าต้องไปแต่เช้า พาหลานไปด้วยได้ไหมคะ” อานนท์มองหน้าผู้หญิงตรงหน้า ที่เวลานี้ดูไม่สดใสเลย หน้าตาอมทุกข์ มีความรู้สึกว่าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้มีความทุกข์ใดๆเลย “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ที่นี่จะมีคนของผมอยู่เฝ้าตลอดเวลา จนกว่าเราจะกลับ คุณไปนอนเถอะ พักผ่อนให้เยอะๆแม่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลนะ ต้องทำให้ร่างกายและใจแข็งแรงเข้าไว้” ปรางทิพย์ไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวเดินเข้าห้องของนางปวีณา เธออยากอยู่ใกล้ๆหลานชาย ถึงอานนท์จะบอกว่ามีคนของเขา อยู่เฝ้าดูแลตลอดเวลาก็เถอะ เธอก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี อยู่ใกล้ๆนี่แหละดีแล้ว เพราะความเหนื่อย พอหัวถึงหมอน เธอก็หลับสนิท อานนท์รอจนปรางทิพย์เข้าห้อง เขาตัดสินใจไม่ขึ้นข้างบน แต่พาตัวเองไปนอนที่โซฟาตัวใหญ่ ที่วางอยู่หน้าห้องนางปวีณา จากนั้นเขาก็หลับสนิทเช่นเดียวกันกับคนที่อยู่ในห้อง ตีห้าปรางทิพย์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก รู้สึกว่าร่างกายกระชับกระเฉงกว่าทุกวันอาจเป็นเพราะว่าได้นอนพักเต็มที่ “คุณ คุณคะ ทำไมมานอนตรงนี้ นี่นอนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อย่าบอกนะคะว่านอนบนโซฟานี้ ตั้งแต่เมื่อคืน” ปรางทิพย์ตกใจที่พอเปิดประตูออกมา ตรงหน้าเธอคืออานนท์กอดอก หลับอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ แถมไม่มีผ้าห่ม ชายหนุ่มงัวเงีย ได้ยินเสียงปรางทิพย์ เขาตั้งใจจะปลุกเธอ แต่กลายเป็นเขาเองที่ตื่นสาย “ผมเผลอหลับไปครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อน เราต้องไปถึงวัดหกโมงใช่ไหม” “ใช่ค่ะ” อานนท์ขึ้นไปข้างบนแล้ว ปรางทิพย์แวะไปดูหลานชาย และพยาบาล ทั้งสามคนกำลังหลับอย่างมีความสุข หญิงสาวปิดประตูไว้เหมือนเดิม แล้วรีบขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปวัด แต่งตัวเสร็จแล้ว เปิดประตูห้องออกมาเจอกับอานนท์พอดี “เสร็จแล้วเหรอครับ ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย” หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มลงมาด้านล่าง มองไปที่ห้องที่หลานชายนอนพักผ่อน รู้สึกเศร้าสงสารหลานที่กำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก ยายก็ไม่สบาย เธอเองยังต้องจัดการงานอีกหลายอย่าง หลานต้องอยู่กับพยาบาลที่ไม่ใช่ญาติ ทั้งสองคนเดินทางไปถึงวัด คนของเขารออยู่ที่นั่นแล้วสองคน เสร็จพิธีการเก็บกระดูก อานนท์ให้คนของเขาจัดการงานที่เหลือ “เราไปหาข้าวเช้ากินก่อนนะ แล้วถึงเลยไปดูแม่ที่โรงพยาบาล” “ได้ค่ะ ฉันเริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” ตลอดเวลาอานนท์ดูแลและเอาใจใส่ปรางทิพย์อย่างดี เขาเต็มใจ การที่ได้อยู่ใกล้ชิดได้พูดคุยทำให้รู้ว่า จริงๆแล้วปรางทิพย์ไม่ใช่คนที่ก้าวร้าวเลย แต่ที่ทำลงไปเพราะอยากปกป้องครอบครัว ติดจะเป็นคนพูดน้อยถ้าใช้เหตุผลคุยกัน ถือว่าเป็นคนที่มีเหตุผล และเป็นผู้ใหญ่มาก เขาชอบคิดไว้ไม่มีผิดเลย ว่าจะต้องเป็นคนลักษณะนิสัยแบบนี้ แต่จะทำยังไงให้ผู้หญิงคนนี้ได้ปล่อยวางเรื่องของปราโมทย์บ้าง ถ้ายิ่งเจ้าคิดเจ้าแค้น ยิ่งจะไม่มีความสุข และเขาก็รู้มาว่า การที่หญิงสาวเอาตัวก้องภพไว้ไม่ถูกต้อง ยิ่งจะทำให้ชีวิตยุ่งยากและวุ่นวายมากยิ่งขึ้น แต่จะเริ่มพูดและทำยังไงให้ผู้หญิงคนนี้เข้าใจ และยอมรับความจริงแต่โดยดี เป็นอะไรที่ท้าทายและยากแต่เขาชอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD