เช้าวันต่อมา
ครืด ครืด~ เสียงโทรศัพท์บนหัวเสียงที่กำลังสั่นเหมือนเป็นนาฬิกาปลุกให้ฉันตื่นขึ้น
“อื้อ ใครโทรมาแต่เช้าเนี่ย” ฉันที่ยังหลับตาอยู่ควานมือคลำหาโทรศัพท์พร้อมกับบ่นไปด้วย เมื่อคลำเจอโทรศัพท์แล้วก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงพูดออกไปอย่างงัวเงีย
( ฮัลโหล อีกสองชั่วโมงค่อยโทรมาได้ไหม ฉัน…)
( มารับ จะไปเรียน )
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอกสั้นๆ ทำให้ฉันที่หลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นมองเบอร์ที่โทรเข้ามา ‘อลัน’
อยากจะกรี๊ดดังๆ ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์เขาฉันคงไม่รับสายแน่ๆ แล้วนี่มันเพิ่งจะหนึ่งโมงเช้า ทำไมเขาถึงไปเรียนเช้าขนาดนี้กัน
( นายเรียกแท็กซี่ไปได้ไหมเดี๋ยวฉันจ่ายค่ารถให้ )
( ไม่ได้ ) อลันตอบกลันมาเสียงแข็ง
( ถ้าอย่างนั้นก็ให้เพื่อนนายไปรับก่อน ฉันตื่นไม่ไหวหรอกนะเมื่อคืนกว่าจะได้นอน )
( โทรไปให้มารับไม่ได้ถามว่าตื่นไหวหรือเปล่า )
อลันตอบกลับมาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทำให้ฉันที่นอนอยู่ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหงุดหงิด
( เออ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ )
ฉันตอบกลับไปอย่างหัวเสียก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแปลงฟันไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดที่ใส่เที่ยวเมื่อคืนนั่นแหละ
#คอนโดอลัน
พอขับรถมาถึงที่คอนโดก็เห็นอลันยืนทำหน้าบึ้งหรออยู่ เมื่อเขาเห็นรถฉันขับมาจอดก็เดินมาเปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน
สายตาคมกริบของอลันร่ายมองเรือนร่างของฉันอย่างพิจารณา ก่อนจะพูด “ตั้งใจแต่งตัวมาอ่อย ?”
เหอะ! เด็กนี่คงคิดว่าฉันอยากจะอ่อยตัวเองมากมั้ง
“ฉันไปคลับมาเมื่อคืนยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้ตั้งใจจะใส่มาอ่อยนายหรอก!!”
อลันไม่ตอบอะไร เขานั่งนิ่งๆ พลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ส่วนฉันก็ขับรถออกมาจากคอนโด เขาบอกไว้ก่อนแล้วว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน ฉันเองก็รู้จักมหาวิทยาลัยนั้นดีเพราะมีรุ่นน้องที่รู้จักกันเรียนที่นั่นเหมือนกัน
#มหาวิทยาลัย
“เดี๋ยวจะเอารถไปซ่อมที่อู่เพื่อน ฝากบอกอู่นั้นให้ย้ายรถไปให้ด้วย ตอนเย็นเดี๋ยวส่งโลเคชั่นให้”
“เพื่อนนายมีอู่ด้วยหรอ ?”
“อืม”
“อื้อๆ ยังไงก็ส่งโลเคชั่นมาแล้วกัน เดี๋ยวฉันจัดการย้ายให้” ฉันไม่ค้านอะไรเพราะคิดว่าอลันคงอยากเอารถไปซ่อมที่อู่เพื่อนเพราะมันสบายใจมากกว่า
หลังจากที่อลันลงจากรถไปแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่านี่เป็นโชคชะตาหรือเวรกรรมที่ทำให้ชีวิตของฉันต้องมาพัวพันกับเขา
ฉันขับรถกลับมาที่คอนโดหวังจะนอนต่อ แต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับจึงอาบน้ำแต่งตัวออกมาที่ร้านต้องแวะไปคุมงานสักหน่อย ช่วงนี้พนักงานชอบอู้งานเพราะฉันไม่ค่อยได้เข้าร้านเลย
#ช่วงบ่าย
อลันส่งโลเคชั่นอู่ซ่อมรถของเพื่อนเขามาให้ ฉันจึงรีบจัดการสั่งให้คนงานย้ายรถไปไว้ที่อู่เพื่อนของอลันตามที่เขาต้องการ ส่วนตัวฉันเองก็ต้องไปด้วยเพราะต้องไปรับอลันกลับไปที่คอนโด
ชีวิตฉันดูยุ่งยากขึ้นทุกวันจริงๆ เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากเด็กคนนี้สักทีนะ
#อู่ซ่อมรถ
ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่นี่เป็นอู่ขนาดกลาง บอกตามตรงว่าไม่ได้ดูดีเท่าอู่ที่ฉันส่งรถไปซ่อมเลยด้วยซ้ำ
“ฉันว่าซ่อมอู่เดิมน่าจะเสร็จเร็วกว่านะ” ฉันกระซิบบอกอลัน
“สะดวกที่นี่” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินไปหาเพื่อน
“นี่! ไหนบอกว่าจะให้ไปส่งที่คอนโดไง นายไม่กลับตอนนี้หรอ” ฉันตะโกนถามเขา คิดว่าฉันมีเวลามาเฝ้าเขาตลอดหรือไงกัน แค่คอยไปรับไปส่งเวลาอยากไปไหนก็จะบ้าตายอยู่แล้ว
อลันหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามาบอกเสียงเย็น “รอแค่นี้คงไม่ตาย”
ไอ้เด็กปากร้าย!!!
ฉันกร่นด่าเขาในใจพร้อมกับกำมือแน่นอย่างโกรธเคือง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินกลับมานั่งรอในรถเงียบๆ ส่วนอลันเขาไปคุยอะไรกับเพื่อนไม่รู้นานสองนานก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับ
กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันละสายตาจากแผ่นหลังของอลันแล้วมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา
หัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงเป็นจังหวะที่เจ็บปวดเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอคือเบอร์ของพี่เพิร์ท
ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นภายในใจมันกำลังประท้วงกันอยู่ว่าจะรับสายหรือจะปล่อยให้มันดังแบบนั้นดี
“คืนนี้สามทุ่มมาไปส่งที่คลับด้วย” เสียงของอลันทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ ไม่รู้ว่าเขาขึ้นมานั่งในรถตั้งแต่เมื่อไหร่
“อื้อ” ฉันพยักหน้าตอบรับคำสั่งของเขา
“ถ้าไม่รับก็ตัดสายทิ้งไป หนวกหูฉิบ!” อลันมองที่โทรศัพท์ของฉันแล้วแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมา
“นายว่าฉันควรจะรับสายหรือเปล่า ?” ไม่รู้ว่าฉันเป็นบ้าอะไรถึงถามอลันแบบนั้น รู้ตัวอีกทีก็ถามออกไปแล้ว
“ผัวเก่าโทรมาหรอ ?” พอได้ยินคำถามกวนประสาทของอลันฉันก็รู้แล้วแหละว่าไม่ควรจะไปถามเขาตั้งแต่แรก
“แฟนเก่าไม่ใช่ผัว หยาบคายที่สุด!!”
ฉันมองค้อนอลันก่อนจะกดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วขับรถไปส่งเขาที่คอนโด